วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ยุคนี้ เป้าหมาย สำคัญ พอๆกับ ความสามารถ
"ยุคนี้ เป้าหมาย สำคัญ พอๆกับ ความสามารถ"
สมัยก่อนคนเรียนสูง อาจได้เปรียบในชีวิต แต่ยุคนี้ หมดยุคนั้นแล้วครับ ...ยิ่งประเทศอย่างยุโรปที่เขากำลังเจอวิกฤตเศรษฐกิจ คุณจบอะไรมาก็หางานไม่ได้ครับ ...บางทีคุณไปกินอาหาร คนเสริฟ ระดับปริญญานะครับ บางคนเป็นผู้บริหารเก่า แต่บริษัทปิด เลยมาเสริฟชั่วคราว
ฟังดูแปลกๆนะ ...ถ้าเราทำงานเก่ง จนได้เป็นผู้บริหาร แต่พอบริษัทเจ๊ง เราซวยตาม ...มันดูเป็นชีวิตที่ควบคุมไม่ได้นะ เหมือนเอาตัวเราไปผูกกับคนอื่น ซึ่งในที่นี้ก็คือ เอาตัวเราไปผูกกับบริษัท ผูกกับนายจ้าง ...แต่เราไม่รู้นี่ ว่าบริษัทที่ดูมั่นคงอย่าง Nokia หรือ Kodak จะเป็นอย่างวันนี้ได้
วันนี้เลยมีหลายๆคนเริ่มมาหาคำตอบว่า "ตกลงเราต้องผูกชีวิตกับอะไร ถึงจะดีที่สุด ?"
คำตอบคือ "ผูกกับตัวเองแหละ ดีที่สุด"
การผูกชีวิตกับตัวเอง ก็คือ "การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต ว่าเราชอบจะทำอะไร แล้วตั้งใจทำเป้าหมายนั้นให้เกิดเป็นผลงานจริง ...เพราะ งาน คือ การแสดงตัวตน -- คนที่สร้างตัวตนชัดเจนในยุคนี้ จะสามารถมีชีวิตที่มั่นคง!!"
"ไม่เข้าใจ?" ...ผมขออธิบายดังนี้ ...วันนี้งานทุกอย่างในโลก อุตสาหกรรม คือ งานที่แทนด้วยเครื่องจักร หรือ หุ่นยนต์ได้ทั้งหมด ...มันเป็นงานที่บริษัทพยายามให้ลูกจ้างเป็นเหมือนเครื่องจักร ...หน้าที่คุณ ใครทำแทนก็ได้ ...นี่คือ เป้าหมายของบริษัท คือ ทำให้ งานทุกตำแหน่ง ไร้ความหมาย ไม่มีตัวตน ...ทำให้ตำแหน่งเป็นเหมือนหัวโขน ที่พอคุณไม่ทำ เขาก็เอาหัวโขนนี้ไปใส่ให้คนอื่นแทน -- นี่แหละ ความไม่มั่นคงในโลกยุคอุตสาหกรรม ที่เจ้าของธุรกิจเขาฉลาดพอที่จะทำให้ทุกงานไร้เป้าหมายของตัวเอง แต่เปลี่ยนเป้าหมายของทุกงานให้มองที่เงิน ...."เอาเงินไป นั่นคือ เป้าหมาย ...ทำให้หนัก เดี๋ยวให้เงินมากขึ้น -- โอมมม ๆ ๆ ๆ จง ใช้เงินเป็นเป้าหมาย"
คุณรู้ไหม วันนี้คนหลายๆคน ยิ่งทำงาน ยิ่งรู้สึกเครียด เพราะ มองตัวเอง ไม่มีคุณค่า ...ยิ่งถ้าเครื่องจักรจะมาแทนงานตัวเองยิ่งจิตตกหนักเลย
"คุณค่าของคน คือ การทำสิ่งที่มีความหมาย ...ความหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ...ดังนั้น เราต้องกำหนดความหมายและเป้าหมายของตัวเอง ...เช่น นักวาดภาพคนหนึ่ง อยากสร้างผลงานให้ทั่วโลกยอมรับฝีมือคนไทย นี่คือเป้าหมายที่ชัดเจน -- ถ้านักวาดภาพคนนี้ทำได้ สร้างผลงานที่โลกยอมรับ(ตัวอย่างชัดๆ ก็ อ.เฉลิมชัย) เขาก็จะมีตัวตน มีความหมาย มีเป้าหมาย และ มีเงินตามมา ....เงินมันกระจอกสำหรับเขา ไม่ได้มีอะไร เพราะ มันแค่ผลลัพธ์ที่เข้ามาตามสิ่งที่ทำก็เท่านั้นเอง
ลอง Focus ให้ถูกที่ ...คนวิ่งหาเงิน มักเหนื่อย และไม่ได้เงิน ....แต่คนวิ่งหาเป้าหมาย และ ความหมาย นี่แหละ ที่เงินและโอกาสวิ่งเข้าหาเขาแทน -- แปลกไหมที่คนส่วนใหญ่ ตั้งเป้าหมายผิด แค่นั้นเอง
ลองคิดดีๆครับ ผมว่า เราทุกคนยังเปลี่ยนได้ทัน !!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
เลือกหุ้นให้แม่น ..ไม่ใช่ทำนายว่าอะไรจะเปลี่ยน ให้มองหา อะไรที่ไม่เคยเปลี่ยน !! 1. หุ้นที่ดีแล้ว ไม่เคยทำให้เรารวย ….หุ้นที่ดีแล้ว ก็แปลว่า...
-
ทำไมแค่ซื้อหุ้นปันผลเก็บไปเรื่อยๆ เราก็มีอิสรภาพทางการเงินได้ ? บางครั้งการทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ ในเวลาที่คนอื่นไม่เห็นด้วยกับเรา (ด้ว...
-
8 ข้อสรุป The Almanack of Naval Ravikant Selfmade Billionaire ลูกครึ่งอินเดีย …อพยพมาอยู่อเมริกาตอน 9 ขวบ เลี้ยงโดยแม่เลี้ยงเดี่ยว …เป็นนั...
-
ความแตกต่างอย่างสุดขั้ว ‘พอร์ตเพื่อรวย‘ ต่างกับ ’เพื่อรักษาความรวย’ ยังไง ? 1. พอร์ตเพื่อรวย คือ มองหาโอกาส ’เชิงรุก’(Active) …ส่วน เพื่อร...
-
ศิลปะของการปฏิเสธ ทำให้เรามีเวลามากขึ้น รวยเพิ่มขึ้น …สบายๆ ‘เรามักจะเก่งในการเลือกทำ ..ก็คือทำสิ่งที่ดีที่สุด ….แต่จริงๆ แล้ว สิ่งที่สำคั...
-
ตลาดหุ้นไทยกำลังขึ้นรอบใหม่ หรือจริงๆ มันหมดอนาคตแล้ว ? คำถามนี้สำคัญมาก เพราะ ถ้าคำตอบคือขึ้นรอบใหม่ เราต้องซื้อ แต่ถ้าตำคอบคือหมดอนาคต เร...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
ทำยังถึงจะเสี่ยงได้ รวยได้ แล้วไม่หมดตูดซะก่อน ? 1. มีงานที่มีรายได้สม่ำเสมอก่อน …ถ้าจะเสี่ยงสุดๆ ต้องรู้ก่อนว่า เรามีศักยภาพที่สามารถเสี่ย...
-
6 ข้อ ที่เราควรรู้ว่าทำไม VI ยัง work ในตลาดหุ้นไทย !! 1. VI คือ การมองยาวในขณะที่อื่นมองสั้น …การมองยาวซื้อแล้วถือ ส่วนการมองสั้นคือการซื้...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น