วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
บทเรียนที่น่ารู้ จากกรีซ
"บทเรียนที่น่ารู้ จากกรีซ"
ผมคงไม่พูดเรื่องกรีซจะออกจากยูโร แล้วยูโรจะเป็นยังไง ..ผมว่าคนพูดเยอะแล้ว ...เอางี้ดีกว่า ผมว่า สิ่งที่ผมอยากรู้จากกรีซ คือ อยากเรียนรู้ว่า ประเทศที่เคยมั่งคั่ง เคยเป็นเมืองเศรษฐีระดับโลก และ น่าเที่ยวระดับโลก ทำไมวันนี้กำลังจะพัง ....มันน่าเสียดายนะ ถ้าเราจะปล่อยให้บทเรียนเรียนผ่านไปโดยเราไม่เรียนรู้อะไรเลย
"คำถามแรก คุณว่า วันนี้กรีซ มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ...จากเคยดี มาแย่ขนาดนี้ อย่างไร?"
ผมว่า มันเกิดจาก กรีซเข้ายูโร แต่ไม่ปรับเศรษฐกิจ ..เอาแต่ประโยชน์มาใช้ แต่ลืมปิดจุดเสีย ...ประโยชน์คือ กรีซเอาเงินยูโรมาใช้แทนสกุลเดิมของตน ซึี่งยูโรเป็นสกุลเงินที่แข็งกว่า ผมก็คือ กรีซได้ประโยชน์จากการที่ค่าเงินยูโรแข็ง ทำให้คนกรีซสามารถซื้อของจากทั้งโลกได้ในราคาถูก
ลองคิดซิครับว่า ถ้าเงินแข็ง ก็แปลว่า ซื้อของจากประเทศอื่นๆ มันถูก ...แล้วจะผลิตของในประเทศทำไม ถึงผลิตก็สู้ซื้อของถูกๆจากต่างประเทศดีกว่า ..ทำให้การนำเข้าเติบโต ...การส่งออกตาย เพราะ ค่าเงินแข็ง ส่งอะไรออกไปขายก็แพง ..สุดท้ายพอการส่งออกตาย ธุรกิจในประเทศก็ทยอยปิดตัวเจ๊ง เพราะ ทำแล้วไม่คุ้ม ...สุดท้ายก็กระทบถึงคนในประเทศทยอยตกงาน เพราะ ธุรกิจเจ๊ง ...
ก็มาถึงกรีซในปัจจุบัน ที่ธุรกิจทั้งประเทศอ่อนแอ ทยอยเจ๊ง แข็งขันไม่ได้ เป็นหนี้ และก็มาถึงจุดปัจจุบันที่เริ่มจะใช้หนี้ไม่ได้ ..ประเทศกำลังจะล้มละลาย -- คุณลองมองซิครับว่า ทางออกคืออะไร ?
ถ้าคุณคิดตามหลักความจริง คุณจะแก้ปัญหาอย่างไร ?
ผมว่า กรีซวันนี้เหมือนประเทศไทยตอนปี 1997 ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง ..แต่ก่อนเราเอาค่าเงินผูกที่ 25 บาทต่อ 1 ดอลลาห์ ..ธุรกิจนำเข้าแข็งแรง ธุรกิจส่งออกไม่มี ..เพราะ นำเข้าคุ้มกว่าผลิต ...เราสร้างหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหนีล้นในปี 1997 เราไม่สามารถใช้หนี้ได้ ...ก็เลยเกิด "วิกฤตต้มยำกุ้ง"
เราย้อนดู วิกฤตต้มยำกุ้ง วันนั้นเราไม่ได้แก้ปัญหาแบบกรีซ เราใช้ยาแรงเลย ...คือ ลอยตัวค่าเงิน -- ประเทศลดให้ค่าเงินตัวเองอ่อนชั่วข้ามคืน ...วันนั้นเจ้าของธุรกิจนำเข้า หรือ คนที่ไปกู้เงินต่างประเทศ ต่างเจ็งระนาวชั่วข้ามคืน (ถ้าเทียบกรีซ คือ ออกจากยูโร กลับไปใช้เงินตัวเองทันที ...โหดป่ะ!!)
ผลของการลอยตัวค่าเงิน ทำให้เงินบาทอ่อนมาก ขึ้นไปแตะ 60 บาท ต่อ 1 เหรียญ ...ทำให้อุตสาหกรรมส่งออกแจ้งเกิด ...เพราะ ขายอะไรก็ถูก ค่าเงินมันอ่อน ...วันนี้การส่งออกคิดเป็น 70% ของ GDP รายได้มวลรวมของคนทั้งประเทศ
ถ้าย้อนดูวิกฤตต้มยำกุ้ง ...เจ้าของธุรกิจเจ็งตัวกันหนักมาก ...ธุรกิจเจ๊งระยาว ...บริษัท Finance เวลานั้นปิดตัวกันหมด ..ธนาคารทั้งหมดเกือบเอาตัวไม่รอด ...เศรษฐีของไทย ร่วงกันระนาว
...ผ่านมา 18 ปี ประเทศไทยเราเปลี่ยนจากจุดนั้น มาถึงจุดนี้ มันคือ หน้ามือ หลังมือ
วันนี้ประเทศไทยแข็งแรงนะ ...แม้จะมีวิกฤตการเมืองแต่ก็ยังแข็งแรง ...คุณดูดีๆ วันนี้ประเทศไทย แทบจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง การผลิต มีตั้งแต่การเกษตร ไปจนอุตสาหกรรม ..การจ้างงาน เราเกือบเต็มที่ ...ค่าครองชีพเราไม่แพงจนเกินไป ...ใช่!! ผมกำลังจะบอกกว่า กรีซและยูโร วันนี้ก็ไม่ต่างจากประเทศไทยเราเมื่อ 18 ปี ที่แล้ว เขากำลังเข้าสู่ Lost Decade
...มันก็เหมือน "ธรรมะ" เมืองหรือประเทศก็มีวัฎจักร "เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป" ...วันนี้คือ เขาพยายามยื้อ -- บทเรียนนี้น่าศึกษา เพราะ เวลามันเกิดกับคนอื่น คือ เกิดกับประเทศไทย เขาก็มาแก้เราแบบใช้ยาแรง จบเร็ว ..แต่พอมันเกิดกับเขาบ้าง เขากลับยื้อ
"น่าสนใจนะ ว่า มนุษย์เราจะฝืนธรรมะ หรือ ธรรมชาติของวัฎจักรได้อย่างไร" ...
คุณรู้ไหมบทเรียนที่ผมเรียนจากกรีซ และ ยุโรป คือ "ธรรมะ" อีกแล้ว ...ผมมาเห็นว่า มนุษย์พยายามฝืนธรรมชาติ พยายามเอาชนะวัฎจักร อยากดีตลอดไป ..ไม่อยาก "เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป" ...ผมมาเรียนรู้ว่า ถ้าเราอยากได้ Cycle ของการเกิดขึ้นครั้งใหม่ ..มันต้องยอมให้ "ดับไป" ...เพราะ ไม่มีดับ ก็ไม่มี เกิดใหม่
...การ "ยื้อ" มันคือ การชะลอความตายเท่านั้นเอง
สิ่งที่เกิดในปัจจุบัน คือ "ผลลัพธ์ของการกระทำในอดีต" ...ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ เราก็แค่ยอมรับ ...
ผมว่าสิ่งนี้เอามาปรับใช้กับชีวิตได้ ...ผมเรียนเรื่อง Cycle ชีวิต จากประสบการณ์ตรงเลย และ ผมก็เชื่อว่าหลายๆ คนก็เคยผ่านจุดล้มเหลวหลายๆ ครั้งในชีวิตกว่าที่แต่ละคนจะมายืนในจุดที่เขาเป็น ...ผมว่าชีวิตเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา มันแกว่งจากดีไปแย่ แล้วก็แย่ไปดี ..ไม่จำเป็นต้องไปฝืนมัน เพียงแต่เราทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ
เวลาดี เราก็ควรรู้ว่า เดี๋ยวมันก็จะแย่ อย่าไปหลงระเริง
เวลาแย่ เราก็รู้ว่า ถ้าไม่ไปยื้อมัน พอเจ็บปวดสุดๆแล้ว มันก็จะผ่านไปดีในที่สุด ...เกิดชีวิตดีขึ้นรอบใหม่
ถ้าเราเอาความจริงนี้ มาปรับใช้กับชีวิต ผมว่า เราจะลด "ความกลัว" ...เราจะกล้าใช้ชีวิตมากขึ้น ...เราจะกล้าทำสิ่งที่เราไม่กล้าทำมากขึ้น ...และเราจะทำดีมากขึ้น เพราะ ผลลัพธ์จากชีวิตดี ก็ต้องมาจากการทำดีในอดีต -- สะสมมาเปิดผลลัพธ์ของปัจจุบัน !!
เหตุ และ ผล ชัดเจน ทุกอย่างล้วนเชื่อมโยง ...น่าจะเป็นทางเลือกของผู้ใช้ชีวิตแบบผู้มีปัญญาครับ !!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
Real Estate Agent ในเมืองไทยคงไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะส่วนใหญ่ ซื้อขาย ไม่ค่อยผ่าน Agent แต่ในต่างประเทศ Real estate Agent เปิดกันยิ่งกว่า 7...
-
วันนี้ไปเจอหนังสือเล่มนึง ที่ผมว่า เขียนได้ In-trend มากๆ ..มันเป็นแนวคิดสำหรับ คนรุ่นใหม่ที่อยาก Self-made "คนรุ่นใหม่ที่สร้างตัวด้วยต...
-
“อายุเลข 3 แล้ว ยังไม่ได้แต่งงานเลย จะแย่ไหม ?” โลกยุคนี้คนรุ่นใหม่แต่งงานกันช้ามาก โดยเฉพาะคนมีเงิน เพราะ กว่าจะเรียนจบ ก็มดลูกเกือบปิด...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
'Life is the Art of Drawing without Eraser' : John w. Gardner ..ชีวิตคือศิลปะการวาดภาพที่ปราศจากยางลบ มันเป็นคำพูดเปรียบเปรยชีวิตที...
-
"เคล็ดลับความสำเร็จของเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" ผมเคยดูหนังเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ก็ยังจำได้ "ฟงจิ้งเหยา" ...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
ในหนังสือ สร้างล้านแรกต้องแหกกฏ ...มีอยู่บทนึงที่พูดถึง การหาตัวตนของเราให้เหมาะกับงาน ...ซึ่งก็คือ การรู้ว่า "จริตการทำงาน" ขอ...
-
“อายุ 30 ควรเรียนต่ออะไรดี ?” เคยเห็นคนที่เรียนไปเรื่อยๆ ไหม จบไม่รู้กี่ปริญญา แล้วก็เรียนไปเรื่อยๆ ...มันเสียเวลาบอกตรงๆ เพราะ ยุคน...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศท...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้า...
หืมม "ไม่มีดับ ก็ไม่มีเกิดใหม่" ใช่เลยพี่ ชอบประโยคนี้
ตอบลบ