วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ผมจะเหนื่อยโพสบทความฟรี ให้คนอ่านเพื่ออะไร
"ผมจะเหนื่อยโพสบทความฟรี ให้คนอ่านเพื่ออะไร"
ช่วงก่อนมีกระแสโจมตีผม และ คนที่โพสบทความใน Internet ค่อนข้างเยอะ ...ตอนนี้ดราม่าเริ่มลด ก็เลยมาเล่าสู่กันฟัง
ผมอยากจะเล่าให้ฟังว่า เดิมทีผมก็เป็นคนที่ล้มเหลวในชีวิต เมื่อ 7 ปีก่อน ผมเคยไปทำธุรกิจต่างประเทศ แล้วกลับมาเมืองไทย ไม่เหลืออะไรเลย ...เงินก็เสีย ความมั่นใจก็ไม่เหลือ เหลือแต่คนเสีย Self โง่ๆ คนนึงชื่อ ภาววิทย์ (ที่วันนั้นไม่มีใครรู้จักมันเลย) ...ซึ่งแน่นอน วันนั้นเสียความมั่นใจ จนสัญญากับตัวเองว่า "ผมจะไม่ขอเงินพ่อแม่อีก เพราะ เอาเงินเขาไปทำธุรกิจเสียแบบโง่ๆ เยอะมากๆ"
จากจุดนั้น ผมใช้เวลา 7 ปี คืนเงินที่เอาไปเสียให้พ่อแม่ เปลี่ยนตัวเอง โดยเริ่มจากลูกจ้างธรรมดาคนนึง แล้วใช้ Social Network วันนั้นคือ Blog และ ก็เว็บบอร์ดที่ต่างๆ สมัย Facebook ยังไม่มี ...แล้วก็ทำต่อมาเรื่อยๆ ..ใครอ่านสิ่งที่ผมโพสตั้งแต่ก่อนถึงวันนี้จะเห็นว่า ผมเปลี่ยนไป -- ก็เรารู้อะไรเพิ่มขึ้น ก็เปลี่ยนวิธีคิด ผมเรียนรู้คร่าวๆ ดังนี้
1. ธุรกิจไม่ได้เริ่มจากเงิน ถ้าเรามี Know-How (ความเชี่ยวชาญ) และ มี Know-Who (Connection) ..เดี๋ยวเงินวิ่งเข้ามาเอง "ใครๆ ก็อยากร่วมธุรกิจกับคุณ" ...มันถึงต้องเริ่มทุกอย่างจากตัวเอง อย่าเริ่มที่เงิน (ถ้าเงินยังไม่มา แปลว่า Know-How & Know-Who เรายังกระจอก ...ต้องพยายามเข้าไปอีก!!)
2. วันนี้หลัก "ยิ่งให้ ยิ่งได้" สำคัญ (ไม่ใช่พูดหล่อๆ) ...ผมเป็นคนนึงที่เขียนบทความฟรี และ แชร์ความรู้ฟรี มากที่สุดบนเน๊ต เพราะผมรู้ว่า ยิ่งผมให้เท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะกลับมาเป็นเท่าทวีคูณ ...ดังนั้น ถ้ามีโอกาสผมจะพยายามแชร์ความรู้ให้มากที่สุด ..แต่ที่ผมพูดว่า "ของฟรีไม่มีในโลก" เพราะ ส่วนใหญ่ของฟรีมักจะตามมาด้วยการขายของ ...การหาแต่ของฟรี เลยมักเสียเวลามาก ..เพราะ คนรุ่นใหม่ขาด Focus การพยายามรู้ทุกสิ่ง กลับทำให้สำเร็จช้าลง ...เรื่องการ Focus คือ การยอมจ่าย ซึ่งก็คือ จ่ายเวลา และ ก็เงิน ในสิ่งที่เราอยากเชี่ยวชาญ ...ซึ่งการจ่ายมาจาก หนึ่ง การเรียน สอง การปฏิบัติ ...ซึ่งผมเองจ่ายค่าปฎิบัติเยอะ เจ๊งธุรกิจ โดนหลอกซื้อหุ้น โดนทุกคนแหละ (จ่ายค่าโง่) มากน้อยขึ้นกับความมั่นใจ ..Self มากก็โดนหนัก ...นี่มัน "ธรรมมะ" ชัดๆ ....ก็ลองปฏิบัติให้มาก ลงเงินให้น้อย นั่นแหละ ของ On the Job Learning ...อย่างโครงการ The Stock Master ก็ออกแบบมาให้คุณเล่นจริงเจ็บจริง ..."เงินคุณเองซิ ถึงจะ Get ...เข้าใจแบบสุดๆ" ..ใช่!! "ของฟรีไม่มีในโลก" ..เพียงแต่จ่ายด้วยอะไรเท่านั้นเอง ...ใช้สติให้ดี มองหาสิ่งที่ใช่ ..เรื่องที่นี้เป็นศิลปะ -- หลายคนชอบบอกคนรวยโง่ ชอบซื้อของแพง ...เดี๋ยวพอคุณมีเงิน คุณก็คิดแบบเขาแหละ เพราะ สิ่งต่างๆ มันไม่ได้อยู่ที่ "ราคา" แต่มันอยู่ที่ "มูลค่า" ต่างหาก (คนรวยทุกคน เขาคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านมูลค่า "Value Collector" ..แต่คนทั่วไป เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านราคา "Price Collector" คือ Junk Collector นั่นเอง)
3. "การเป็นอาจารย์ ทำให้ชีวิตดี" ...แต่ก่อนผมคิดว่า ยิ่งมีเงินมาก ชีวิตยิ่งดี ...แต่พอมีเงินแล้วพบว่า มันไม่จริง ..เงินซื้อได้แค่ความสบาย ..เช่น ขึ้นเครื่องบิน คุณนั่งสบายกว่า แต่ถึงที่หมายเหมือนกัน ..เครื่องบินตกก็ตายเหมือนกัน ...แต่เงินมันทำให้เราเสียงดัง มีความหมาย ซึ่ง จุดสูงสุดในชีวิตของคน คือ "ต้องการมีความหมาย" We're all Searching for Meaning .....และ ความหมายของคนก็คือ การให้ -- การให้ที่ดีที่สุด ไม่ใช่ให้เงิน ..เหมือนขอทาน หรือ คนด้อนโอกาส ถ้าเราให้เงินก็เลี้ยงได้มื้อเดียว แต่ถ้าให้ความรู้ดีๆ ผมว่า เปลี่ยนชีวิต ...ที่ประเทศเราขาดคือ โรงเรียนดีๆ ที่เข้าใจธุรกิจ เข้าใจทุนนิยม และ สอนที่แก่น ไม่ใช่สอนท่องจำกับความรู้เดิมที่มันตกยุคไปแล้ว -- ผมว่า คนเก่ง ทุกคนควรถ่ายทอดความรู้ตัวเอง ...จะฟรี หรือ เก็บเงิน ก็แล้วแต่เลือก ...เลือกกลุ่มเป้าหมาย ...ผมเคยคุยกับบัวหลวงครั้งแรกว่า ถ้าผมมีความรู้ดีมาก แต่ผมไปยืนสอนในตลาดนัด ก็คงไร้ความหมาย ...อันนี้คือ ศาสตร์ของการเลือกกลุ่มคนฟัง ..ก็ไม่ต่างจาก Starbucks หรือ Hermes ที่ไม่ได้เลือกให้ทุกคนเป็นลูกค้านั่นแหละ -- เอาเถอะครับ ใครมีความรู้ ก็พยายามแชร์ให้คนอื่น แสดงจุดยืนให้ชัด ถ้าจะเขียนจะพูด ใช้ชื่อตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่พูดที่เขียน อย่าใช้ชื่อสมมุติ ชื่อโดเรมอน อันนั้นเสียเวลาคุณเอง ..."แสดงจุดยืน แสดงตัวตน และ ก็แชร์ความรู้ความคิด ...นี่แหละการสร้างโอกาสในโลกยุคนี้"
4. "โลกเปลี่ยนไปยังไง แต่ผู้นำก็รวย" ..วันนี้ค้าขาย คนทำธุรกิจเครียด เรื่องเศรษฐกิจ ..ลองคิดงี้ครับ ถ้าระบบการเงินมันพังทั้งโลก แล้วเปลี่ยนระบอบการปกครอง ยึดทุกอย่างเข้ารัฐ เปลี่ยนค่าเงิน เปลี่ยนทุกอย่าง ...ใครจะซวย และ ใครจะได้ประโยชน์ ...ผมว่าการล้างกระดานมีให้เห็นทุก Generation ซึ่งมักเกิดเมื่อคนรวย รวยเกินไป คนจน จนเกินไป ...แล้วถ้าคนรวยไม่รู้จักแบ่ง ...สุดท้ายก็จะมีการล้มกระดาน เหมือน เมืองจีนตอนเกิดพรรคคอมมิวนิสต์ ..เมืองไทยก็มีล้างกระดาน ตอนปี 1997 สมัยที่ลดค่าเงิน เละทั้งประเทศแล้วเริ่มต้นยุคเศรษฐีใหม่จนถึงปัจจุบัน -- คุณสังเกตไหม ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไง ...ตั้งแต่ยุคหิน ยุคเหล็ก ยุคอุตสาหกรรม ยุคต่างๆ ...คนที่รวยและสบายที่สุด คือ "ผู้นำ" -- อยากบอกว่า คนรุ่นใหม่อย่าไปมุ่งแต่เงิน เพราะ เงินมันมาแล้วไปง่ายๆ แต่สิ่งที่ต้องมุ่งคือ "สร้างความเชี่ยวชาญ เลือกจุดยืน และ เป็นผู้นำในจุดที่ยืน" ...ถ้าทำได้ อะไรเปลี่ยนก็ไม่สำคัญ -- คุณสำเร็จแน่นอน !!
5. "เพื่อนดีสำคัญที่สุด คุณจะเห็นเขาในวิกฤต" ..เพื่อนมี 2 แบบ หนึ่ง เพื่อนชั่ว ไอ้พวกนี้คอยเกาะหาผลประโยชน์ รอเวลาคุณล้มเพื่อเหยี่ยบซ้ำ ..พวกนี้ในวิกฤต หรือ เวลาคุณมีปัญหา มันจะแสดงตัวออกมา ..เลิกคบมันซะ พวกนี้สันดานชั่ว ..มันไม่มีทางเจริญ คนแบบนี้ /สอง เพื่อนดี พวกนี้อยู่กับเราทั้งสุขและทุกข์ เวลาวิกฤตจะเห็นว่าคนเหล่านี้อยู่กับเรา ...คนแบบนี้เจริญ เพราะ โลกนี้อยู่ด้วย Trust ..."ความเชื่อใจ คือ สกุลเงินของโลกยุคใหม่" ...คนแบบไหน ก็จะเกาะกลุ่มกับคนแบบนั้น (Law of Attraction) ...ไม่แปลกที่บางกลุ่มเห็นแต่โอกาส แต่บางกลุ่มเห็นแต่ความแย่ -- ถ้าอยากเปลี่ยนกลุ่ม ต้องเปลี่ยนตัวเอง "เป็นคนดี ส่งเสริมคนรอบข้าง เพราะเมื่อคนรอบข้างดี เดี๋ยวเราก็ดีเอง ...คนที่ยกแต่ตัวเอง เหยียบหัวคนรอบข้าง สุดท้ายตัวเองพุ่งขึ้นไป ก็โดนฟ้าผ่า ระวังให้ดี" ....การทำอะไรต้องทำเป็นกลุ่ม แบ่งปันโอกาส แบ่งปันสิ่งที่มี ...ได้ดี แล้วก็ช่วยเหลือคนรอบข้าง ให้เงิน ให้โอกาส ให้ความรู้ แล้วเราจะไม่มีวันจม
ผมเรียนรู้ประมาณนี้ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ...ตลาดหุ้นและธุรกิจไทย สอนผมว่า ยุคนี้คนดีเจริญขึ้นเรื่อยๆ ..มีจุดยืน สร้างจุดยืนให้ชัดเจน ....ทำให้คนอื่นดีขึ้น รอบตัวคุณดีขึ้น ...แล้วเดี๋ยวชีวิตมันดีเอง ...โอกาสมันวิ่งเข้ามา ทุกอย่างมันตามมาหมด
ผมแทบไม่เคยคิดว่า เด็กล้มเหลวแบบผม ต้องซมบานกลับมาเป็นลูกจ้างธรรมดาๆ จะได้รับโอกาสครั้งใหม่ ที่มันสอนอะไรผมมากมาย "มันสอนว่า ทุกอาชีพรวยได้หมด ...โอกาสวิ่งเข้าหาผู้ให้ในทุกอาชีพ ...และผู้นำคือ ผู้ให้ ..ไม่รวย ก็ให้สิ่งที่มี เช่น ให้ความรู้ ..ผมเข้าใจเรื่องพวกนี้จากการปฎิบัติ และ ก็อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ลองสู้ดู"
...เวลาล้ม ก็พยายามลุก เดี๋ยวก็ลุกได้ครับ ....ล้มเหลวได้ แต่อย่าล้มเลิก
ทะเยอทะยานในการเป็นคนดี ....ผมจะดีที่สุดในจุดที่ยืน และ จะแบ่งต่อๆ ไป !!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0 1. ‘นโยบาย American First’ …Trump จะทำทุกอย่างให้อเมริกาได้ประโยชน์ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ 2. ‘Dere...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น