ทำไมคนเราต้องมีสีแตกต่างกัน ?
ก่อนที่เราจะรู้จักเรื่องสี เราก็มักจะคิดว่า ทุกคนในโลก เหมือนกัน ..คิดเหมือนกัน ...ดังนั้น เวลาเราอ่านคนอื่น เราก็จะเอาตัวเราเป็นที่ตั้ง ..อันนี้แหละ ทำให้เกิดปัญหา ..ปัญหาเรื่องชีวิตคู่ ปัญหาทะเลาะกันในเรื่องงาน ปัญหาทุกเรื่อง ก็เพราะ เราเอาตัวเราไปตัดสินคนอื่น
เช่น คนสีเขียว จะทำงานด้วย อารมณ์นำ แต่สีเหลืองจะทำงานด้วยเหตุผลนำ ..ถ้าคุยกัน คนสีเขียว จะรู้สึกคุยไม่ค่อยถูกคอ เพราะ คนเหลืองจะพูดแต่เข้าประเด็น เข้าหลักการ ไม่ได้สนความรู้สึกของคนสีเขียว
..ส่วนคนเขียว ก็จะมองคนเหลืองว่า คนนี้ไม่ชอบเราหรือเปล่า ไม่มีอารมณ์ร่วมในการคุยกันเลย คุยไม่ถูกคอ
อันนี้เป็นตัวอย่างเล็กๆ ซึ่งบอกเลยว่า ในชีวิตจริง เรามักตีความผิด ..คนเราถึงต่อยกัน เอาปืนมายิงกัน ทำร้ายกัน จากการพูดไม่ถูกคอเท่านั้น
สีแดง กับ สีเขียว มีแนวโน้มที่จะอารมณ์ร้อน
สีน้ำเงิน กับ สีเหลือง มีแนวโน้มที่จะใช้อารมณ์น้อยกว่า นิ่งกว่าว่างั้น
ดังนั้น แน่นอนว่า สิ่งที่เราคิดน่ะ ..คนอื่นอาจไม่ได้คิด เช่น คนสีแดง อาจไม่มองความรู้สึก พูดเอาประเด็นเป็นหลัก ไม่ชอบนอกเรื่อง ..แต่คนสีน้ำเงิน เขาสนใจความถูกคอในการสนทนา มากกว่าประเด็นสนทนาด้วยซ้ำ
...เราน่ะ เป็นแค่ 25% ของคนทั้งโลก
ใช่!! แต่ละสี คือ ตัวแทนของนิสัย และ อารมณ์ตั้งต้นในการทำทุกอย่างของคนทั้งโลก ซึ่งแต่ละสีก็คือ มีคนแนวนั้นๆ ประมาณ 25%
พูดง่ายๆ ว่า ครั้งต่อไป เวลาคุยกัยใคร ลองฝึกอ่านเขาดู แล้วจะพบว่า คุณเข้าใจคนมากขึ้น ..พอเราอ่านคนได้ เชื่อไหม ชีวิตเราจะดีขึ้น
..ขั้นแรกน่ะ ลองฝึกอ่านคนแบบรวดเร็วให้ได้ก่อนครับ
วิธีสังเกตสีของคน ในร้านอาหาร
เราจะสังเกตเวลา เด็กเสริฟเอาเมนูมาให้
คนสีแดง จะหยิบเมนูไปดู แล้วจัดการสั่งอย่างรวดเร็ว (เพื่อนๆ จะรู้เลยว่า คนสีแดง มักจะสั่งสิ่งที่ตัวเองอยากกิน ก่อนเลย ..ก็ชัดเจนไง)
คนสีเขียว จะหยิบเมนู แจกให้ทุกคนแล้วบอกว่า เอ้า ทุกคนช่วยกันสั่ง (เพราะ คนทีเขียว ชอบให้ทุกคนมีความสุข ดังนั้น ทุกคนสั่งที่ตัวเองชอบเลย ..แถมตอนจ่ายเงิน คนสีเขียว มีแนวโน้มจะเลี้ยงด้วยซิ ..เพื่อนรัก แต่ระวังกระเป๋าแฟบนะครับ)
คนสีเหลือง จะหยิบเมนูมา แล้วอ่านอย่างละเอียด (ก็คนสีเหลือง เขาชอบศึกษาอะไรละเอียด บางทีเรียกเด็กเสริฟมาถามจนเขาปวดหัว ...แล้วที่เด็ดกว่านั้น บางครั้งไปกินร้านประจำ ก็ยังต้องเปิดเมนูมาอ่าน พออ่านอย่างละเอียดแล้ว คนสีเหลืองก็จะปิดเมนู แล้วสั่งเหมือนเดิมที่เคยกิน “เออ!! มรึงจะอ่านทำไม ?” ...เด็ดกว่านั้นอีก คนสีเหลืองพอสั่งเสร็จ เด็กเสริฟจะเก็บเมนู ก็มักจะบอกว่า เดี๋ยวขอเมนูไว้ก่อน ..ใช่!! คุณคิดเหมือนผม จะเอาเมนูไว้ศึกษารึไง)
คนสีน้ำเงิน อันนี้ปัญหาน้อยหน่อย ..พวกนี้ บางครั้งแทบไม่ดูเมนู บอกคนอื่นเลย ว่า สั่งเลย เดี๋ยวกินด้วย กินอะไรก็ได้ (ดีเนอะ ถ้าไปกับ คนสีแดง ฉันไม่ต้องสั่งเลย ...แต่จะกินได้ไม่ได้ ไม่รู้นะ เพราะ คนสีแดง เขาสั่งเฉพาะที่เขาอยากกินเท่านั้น)
โอเค คุณเริ่มรู้แล้ว ว่าแฟน กับ เพื่อนคุณ น่าจะสีอะไรกัน ..เบื้องต้น เราพยายามอ่านสีก่อน เราจะเอาสีนั้นมาใช้ ให้เราชนะ ใจคน
..ชนะเกม
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
เมื่อคืน 1 มีนาคม 2555 คุณแม่โทรมาบอกว่า "แพ้ท!! คุณตาท่านเสียแล้ว" ผมก็รู้สึกใจหายอย่างมาก เพราะคุณตาเป็น เสมือนต้นแบบ ที่สอนให้ผ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
"อึมครึม"..ดูแล้ว น่าลงทุนมาก..(อ้าว!!ไหงเป็นงั้น) --"แต่!!" ขอย้ำว่า "ต้องเป็นเงินนอน อีกเช่นเคย" ผมว่าหลายคน...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
“ความ(บ้าคลั่ง)ของทุนนิยม” … “ใช่แล้ว..เราทุกคนอยู่ภายใต้ทุนนิยม หนีไม่พ้นแม้แต่คอมมิวนิสต์อย่างจีน หรือ Russia” ความบ้าคลั่งของทุนนิยม เริ่...
-
6 หลัก ลงทุนที่ช่วยให้เรารวยได้เร็วและง่ายขึ้น ณ บัดนาว !! 1. ‘ลงทุนในสินทรัพย์ด้วยเงินส่วนใหญ่’ …แทบจะตลอดเวลา เพราะ เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...
-
5 หลักการหา S Curve ใหม่ เพื่อโอกาสที่ใหม่ใหญ่ขึ้น 1. ‘S Curve คือ ความบังเอิญ ไม่ใช่การวางแผน’ …พูดง่ายๆ ทุกสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่ ม...
-
10 ข้อเสีย ของลูกคนรวย เดี๋ยวนี้เราเห็นชีวิตคนรวยมากขึ้น จาก Social ..ส่วนใหญ่ก็มักจะปลอม ..ไอ้มีจริงๆ ไม่ค่อยโชว์ ..แต่ทั้งหมด เรา...
-
6 ข้อ คิดลงทุนแบบคนมีเงิน ทำได้ตั้งแต่เรายังไม่มีเงิน 1. ‘มองที่ความเสี่ยง ก่อนมองผลตอบแทน‘ …ถ้าเราซื้อหวย แปลว่า เรามองผลตอบแทนมากกว่าความ...
-
"ความหมายชีวิต และ ความสำเร็จ ของแต่ละคน" ..ไม่มีใครเหมือนกันเลย ...หลายคนมองว่า เงิน คือ คำตอบของทุกสิ่ง แต่เมื่อเขามีเงิน ก็...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น