แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

กลยุทธ์คุณตัน(โออิชิ)ภาค “รวยแล้วถอย..เขาเรียกรวยจริง!!”



ผมเขียนถึงคุณตันหลายครั้งแล้ว “เพราะผมชอบแนวคิดของคุณตัน” (ชื่อตัน แต่ไม่เคยตัน) ..ล่าสุดได้ยุติบทบาทจาก CEO ของโออิชิ กิจการที่สร้างมาจากศูนย์ แต่จากไปเป็นหมื่นล้าน “Cash”(เงินสด!!) โดยส่งไม้ต่อให้ เสี่ยเจริญ รับช่วงต่อไปด้วยราคาขายที่ไม่ถูก แต่ก็ไม่แพง “เอ๋!!ใครกำไรฟะ เสี่ยตันหรือเสี่ยเจริญ ตู งง!! ”(วันแรกที่ Oishi เข้าตลาด ราคา 19 บาทต่อหุ้น วันที่ขายให้เสี่ยเจริญ(เมื่อ 5 ปีที่แล้ว)อยู่ 32 บาท ..ราคาปัจจุบันประมาณ 70 บาท) เอาเป็นว่ากำไรทั้งสองเสี่ยแบบกินกันไม่ลง!!

หลายคนอาจคิดว่า โออิชิ ใหญ่มากจากร้านอาหารญี่ปุ่น “แต่ไม่ใช่!!” จุด Tipping Point ของ คุณตัน คือ “ชาเขียว” ..ผมยังจำความเมื่อหลายปีก่อนได้ สมัยที่โออิชิ เพิ่งเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ Buffet ไม่กี่สาขา ตอนนั้นผมกับเพื่อนไปกินที่สาขาแถวสีลม (ช่วงนั้น โออิชยังไม่ใหญ่เลย) ตอนนั้นผมก็สงสัยว่า ทำไมร้านอาหารเล็กๆแบบนี้ ทำชาเขียวใส่ขวดแล้วเอามาแจกให้ลูกค้ากลับบ้านฟรีๆ(ทำเพื่ออะไรวะ!!) “คือตอนนั้นยังคิดอยู่เลย ก็ชาเขียวกดเอาในร้านก็จุกพอแล้ว ไม่ต้องทำจะประหยัดค่าขวดกว่าไหม ..ร้านใครวะเนี่ย ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลย!!” (แต่จริงๆคนไม่ฉลาดคือผมต่างหาก!!)

หลังจากนั้นไม่นาน ผมเห็น “คุณตันเอาชาเขียวโออิชิ ไปลุยตลาดจตุจักร ขายขวดละ 20 บาท” สรุปกลายเป็นว่า “มันโดน!!” ขายดีสุดๆ จากนั้น โออิชิก็เริ่ม Mass จนในที่สุดเป็นผู้ครองตลาดชาเขียวเกือบทั้งตลาด (ตอนนั้น ลิปตั้น ผู้นำตลาดชา นั่งมึน “คุณตันนี่มันมาจากไหนวะ” คือไม่ว่าคู่แข่งไหนเข้ามา ก็ไม่สามารถตี “โออิชิชาเขียว” ได้)

สิ่งที่ Thai Bev ของเสี่ยเจริญซื้อจริงๆ--ไม่ใช่ปลาดิบ แต่เป็น “ชาเขียวโออิชิ” ซึ่งคุณเจริญจะใช้เป็นหัวหอกในการทะลวงสู่ตลาด Non-alcohol นั่นเอง

ความเซียนจริงๆของคุณตัน ผมว่าเป็น “มุมมอง Vision” ซึ่งหลายคนคิดว่า คุณตันเก่งแต่กำเนิด “ไม่ใช่เลย” ถ้าใครเคยอ่าน Pocket Book ของแก “ชีวิตนี้ไม่มีทางตัน” จะรู้เลยว่า “ความเก่งของคุณตันไม่ได้เก่งแต่เกิด แต่เก่งเพราะพลาดเยอะ แต่ไม่ยอมท้อ ลุกขึ้นใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง (จุดนี้คือจุดที่ต้องยกนิ้วให้คุณตัน มันคือความ “เพียร”!!)

ผมมองคุณตันเป็น idol ในการเดินเกมธุรกิจเลยก็ว่าได้ เพราะ Key Success Factor ของคุณสามารถสรุปเป็น Stretegy สั้นๆได้ว่า “คุณต้องสู้ และจำกัดความล้มเหลว ให้เล็กที่สุด เพื่อที่คุณจะได้ลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ” วันนี้ผมเข้าใจสิ่งที่คุณตันพูดว่า “ยิ่งล้มเหลวคุณยิ่งเก่ง” เพราะมันเป็นเรื่องจริง!!

วันนี้คุณตัน ตัดสินใจอันชาญฉลาดในการออกจาก business ในตอนที่อยู่ในช่วง Peak ซึ่งก็เป็นมุมมองที่ไม่ธรรมดา ..หากเราเข้าใจ Cycle ของธุรกิจ จะเห็นได้ว่า ทุกธุรกิจในโลกล้วนมี Cycle (แต่ต่างกันที่ แต่ละอุตสาหกรรมจะมี Cycle ที่ต่างกัน คนฉลาดคือ คนที่ลงทุนใน Cycle ขาลงเท่านั้น..แล้วเก็บเกี่ยวขาขึ้น “ซึ่งคนทั่วไปมักทำตรงกันข้าม”)

หลายคนอาจเถียงผมว่า การลงทุนใน Cycle ขาลงมันยาก “ใครจะให้คุณกู้ล่ะ” ซึ่งต่างจาก Cycle ขาขึ้น ที่เงินสะพัด --“ก็นี่แหละครับโจทย์ที่คุณต้องคิดและเตรียมการ เพราะทุกธุรกิจมี Cycle ขาขึ้น แต่คนที่ฉลาดเท่านั้น ที่จะเตรียมตัวและเตรียมเงินเพื่อธุรกิจใน Cycle ขาลง)..ปกติในขาขึ้นกิจการต่างๆ จะขยายอย่างบ้าเลือดเช่น ซื้อที่ดิน ซื้อตึก ขยายโรงงาน กู้เพิ่ม สรุปพอลงทุนเสร็จธุรกิจเข้าขาลง -- จากที่เป็น “Business Man of the Year” กลายร่างเป็น “The Worst Decision ever made by a Success CEO!!” (ฮากลิ้ง ครับ)

สุดท้ายก็เพิ่มมาเข้าใจเพื่อพลาดเสียแล้ว “อ๋อ !! ที่พลาดก็เพราะลืมมอง Cycle ธุรกิจ (ผมนี่แหละเจอเอง ดันเสือกขยาย Chain ร้านอาหารไทยในช่วง Boom Cycle ของ Thai Food ใน Australia “กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นควายไปเสียแล้ว !!”)

กลับมาที่คุณตัน จะเห็นได้ว่า แกเข้าใจ Cycle ของธุรกิจเป็นอย่างดี ..วันนี้แกผันตัวมาเป็น investor เพราะหลังจากที่แกผ่านประสบการณ์ธุรกิจมาอย่างโชกโชน จึงรู้เลยว่า “ที่สุดแห่งระบบทุนนิยม ก็คือนักลงทุน” เพราะเจ้าของกิจการคุณต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงไปกับธุรกิจ แต่นักลงทุนที่ฉลาด เขาสามารถทำสวน Cycle ของธุรกิจนั้นๆ และสร้างผลกำไรอย่างมหาศาล ในขณะที่เจ้าของธุรกิจเหงื่อแตก!!

สรุปนักธุรกิจทำนาบนหลังคน แต่นักลงทุน ทำนาบนหลังนักธุรกิจอีกทีหนึ่ง “นี่แหละเทพๆ!!” (ผมถึงแนะนำให้ลูกจ้าง ที่โดนกดขี่ให้ผันตัวเริ่มศึกษาการลงทุน ไม่งั้นคุณก็ยังตกเป็นเบี้ยตลอดกาล และนี่คือ หลักทุนนิยม ใครเข้าใจ คุณนั้งอยู่บนจุดที่เป็นต่อเสมอ!!)

การลงทุนของคุณตันปัจจุบัน Focus ไปที่ที่ดิน “ผืนงามราคาเป็นพันๆล้าน” ซึ่งคุณตันซื้อไว้ภายใต้ บริษัท ตัน แอสเซ็ท จำกัด เช่น ที่ดินอารีนา 10(ทองหล่อ) 14 ไร่ สถานที่ตั้งสนามบอล , Melt Me , แซบอิลี่ , Funky Villa , Yes Karaoke และ Wedding Studio ที่กระจายอยู่ทั่วทองหล่อ… ที่ดินแถบสุขุมวิท 22 …ที่ดินแถบเพลินจิต 7 ไร่(ที่แบ่งขายให้ Raimon Land ไป 6 ไร่ ราคาตารางวาละ 1.2 ล้านบาท) เหลือไว้ 1 ไร่เอาไว้ Develop ต่อไป… รีสอร์ทหรู แนวโมร็อกโก ที่ปรานบุรี มูลค่าหลายร้อนล้าน..และที่ดินที่ซื้อกระจายในที่ต่างๆ ให้โลตัสเช่า และอื่นๆ อีกมากมาย (สุดจะกล่าว!!)

แต่การที่คุณตันสามารถ ซื้อ Asset เหล่านี้ ก็เพราะคุณตันขาย โออิชิ ไปนั่นเอง นี่เป็นการขายธุรกิจออกจาก Cycle ที่ Peak ของกิจการตัวเอง จากนั้นก็เอาเงินไปลงทุนใน Prime Area ซึ่งใช้เป็นฐานในการ Develop กิจการต่อไปอย่างไม่รู้จบ

และนี่ก็คือความฉลาด ที่ผ่านการบ่มเพาะจากความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน กลายเป็นแนวทางเดิน ที่เลือกเองของ “คุณตัน” บนเส้นทางชีวิตแบบนักสู้ (เท่ห์มากครับ!!)

“คุณต้องสู้ และจำกัดความล้มเหลว ให้เล็กที่สุด เพื่อที่คุณจะได้ลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ”

2 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอดมากบทความนี้ เขียนได้ดีเช่นเดิม

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ27 มกราคม 2556 เวลา 06:03

    เขียนได้ดีจริงครับ

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ