
ผมไม่ต้องทาย ก็รู้ได้ว่า จากนี้ไป จะมีกิจการใหม่ๆ เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นอีกมากมาย ...ถามว่า "ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์" จุดนี้ผมว่าน่าสนใจ!!
ลองคิดดูนะครับว่า ในเวลาที่มีคนมาระดมทุนน้อย อย่างเช่น ปี2008 - 2009 ตลาดยังมีความ Panic สูงกลัวว่าหุ้นจะแย่ มันต้องพัง ทำให้หลายๆบริษัทเบรกแผนในการะดมทุน "ถ้าบรรยากาศเป็นเช่นนี้ จะส่งผลดีต่อผู้ลงทุน เนื่องจาก ตลาดไม่ดี เจ้าของก็ไม่สามารถตั้งราคา IPO สูง"
สรุปคือ เวลาระดมทุนในตลาดหมี(ตลาดแย่) คนที่ได้ประโยชน์ก็คือนักลงทุน เพราะซื้อหุ้นได้ถูก เช่น หุ้นร้อนแรงปีที่แล้ว BLA กรุงเทพประกันชีวิต ราคาIPO ที่ 13.5 บาท ตอนนี้ 30 กว่าบาท (พุ่งเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ในเวลาไม่ถึงปี) อีกหุ้นหนึ่งก็ IVL ที่ IPO ที่สิบบาท ตอนนี้ก็วิ่งไปเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์
สิ่งที่ผมอยากให้ข้อสังเกตคือ หุ้น IPO ถ้าทำในช่วงตลาดดี มันจะมีความหมายว่า IPO = It 's probably Over Value (คือ ในเวลาตลาดปกติ หุ้น IPO มันเห็นหุ้นแพง)
อย่าง AOT หุ้นท่าอากาศยานไทย ตอนที่ IPO นี่สุดร้อน ผ่านมา 6 ปี ราคากลับมาอยู่ต่ำกว่าราคา IPO อีก ..อีกตัวนึงก็ PTTAR ตอน IPO ราคา 40 กว่าบาท ทุก Brokeเชียร์ใจขาด ตอนนี้เหลือ 20 กว่าบาท (ทีตอนถูกไม่เห็นแย่งกันซื้อ ..ไม่เป็นไรผมเก็บเอง ฮ่า ฮ่า)
ประเด็นของ IPO มันอยู่ที่ว่า คุณทำเวลาไหน ถ้าทำในช่วงตลาดดี เจ้าของก็ได้ประโยชน์ แต่ถ้าทำในช่วงตลาดแย่ นักลงทุนก็ได้ประโยชน์ หลักการคิดมันก็กลับมาที่ Basic ของ Demand & Supply นั่นแหละ
พูดมาซะยาว "แล้วสรุปว่า ตอนนี้ตลาดเรา ดีหรือแย่ กันแน่" (ลองคิดกันดู อิ อิ)
((เอาผลงาน IPO มาฝาก ให้ดูกัน!!))
( พวก IPO หลัง Sub prime เขียวกัน ถ้วนหน้า!!) ...แล้วที่กำลังจะ IPO จากนี้ไปจะเป็นไง ลองคิดดู!!






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น