วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553
ตลาดการลงทุนกับ Smart Phone (คุณจะถือ ipad หรือ iphone ดีล่ะ!!)
Smart Phone เป็นตลาดที่เริ่มมีสีสรรค์ตั้งแต่ Apple ส่ง iphone เข้ามาเขย่าตลาดเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา..ปัจจุบัน iphone มีสาวก 42 ล้านเครื่องทัั่วโลก (ส่วนแบ่งตลาด Smartphone ของโลก --- ที่หนึ่งคือ ซิมเบียนของ “Nokia” 47% ที่สองคือ “BlackBurry” 20% และที่สามก็คือ “Iphone” นั่นเองที่ 15%)
ถ้ามองผิวเผินอาจดูว่า iphone “แค่ที่สาม” แต่ถ้าเรามาดูให้ดีจะเห็นได้ว่า “ก่อนหน้านี้ Apple ไม่ใช่บริษัทมือถือ แต่อยู่ดีๆก็กระโดดเข้ามา(แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย!!) งับส่วนแบ่งตลาดโลกไปถึง 15% ซึ่งถ้ามองในอัตราเร่ง ของการสร้างฐานลูกค้าจากศูนย์ (จุดนี้ไม่ธรรมดา!!) ..มูลค่า Brand ของ Apple พุ่งขึ้นในอัตราเร่ง!! --ปีที่ผ่านมาหุ้น Apple โตขึ้นเกือบสองเท่าถึงขั้น Microsoft และ Google ต่างหนาวไปตามๆกัน..กลัวตกขอบ!! “คุณลองคิดดูว่า ถ้าคุณจะขยายบริษัทที่ใหญ่อย่าง Apple ให้โตได้ขนาดนี้ คุณต้องมีลูกบ้าไม่น้อย!!”
จุดที่ไม่ธรรมดาอีกข้อคือ “ความฉลาดของ Steve Jobs” คุณลองคิดดูว่า Nokia เจ้าตลาด มียอดขายมือถือรวมเป็นพันล้านเครื่อง แต่ตอนนี้กลุ่มลูกค้า Top of the Cream โดน Steve Jobs คาบไปกินเสียแล้ว (นี่ยังไม่นับตลาด Second Top of the Cream ที่ Blackburry เข้ามาฉกไปไม่น้อยเช่นกัน) สรุป Nokia ขายไปขายมา เจอคู่แข่งชิงลูกค้า Topๆ ไปดื้อๆ
เฮอะๆ!! มองแล้วคล้ายๆกับตลาด Banking ของประเทศไทยที่แต่ก่อนธนาคารกรุงเทพเป็นผู้นำในทุกด้าน ตอนนี้คู่แข่งแต่ละคนตอดลูกค้าไปจนเครียด!!…ดูไปดูมาในโลกปัจจุบัน ด้วยความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว การเป็น Niche Player แล้วสร้าง Niche ของตัวเองให้แข็ง กลับเป็นอะไรที่สร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ..ถ้าจะให้มองผมว่ามันคล้ายกับสมัย Bakery Music สร้างกลุ่ม Niche ของเพลงแนว Bakery จนในที่สุดกลายเป็นว่า กลุ่มนี้ได้โตขึ้นกลายมาเป็น Mainstream จน RS และ Grammy เกือบปรับตัวไม่ทัน --จุดนี้ถ้าวิเคราะห์กันให้ดี หากเวลานั้น Bakery แข็งแกร่งเหมือน Apple ผมว่า ตอนนี้ Grammy ไม่รู้จะไปมุดอยู่ตรงไหนของตลาดแล้ว!!
กลับมาที่ตลาด Smartphone จะเห็นได้ว่า Target Market ของ iphone มันคือ กลุ่ม Niche ที่เป็น influencer (คือ เป็นกลุ่ม Top ๆ ของสังคม พวกที่ดูดี ไฮโซ บ้าบออะไรประมาณนั้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ ไม่ว่าบริษัทไหนจับได้ “คุณรวยแบบไม่ต้องโฆษณา” ..ถ้าใครจำช่วงก่อนที่กลุ่มคนเหล่านี้บ้า Brand Name ก็ทำให้ LV รุ่งสุดๆ ..ต่อมากลุ่มนี้มาบ้าแนว “เชอร์ๆ” กลายเป็น No Brand หรือ “ตัวกู” เข้ามาแทน Brand Name --ตอนนี้คนกลุ่มนี้กำลังจับอยู่กับ Smart Phone มันจึงเป็นปัจจัย ที่ชี้ประเด็นบางอย่างที่น่าสนใจมากๆ!!
ในตลาดเราจะมี First Mover ที่มักจะเลือกใช้ Product ใหม่ๆก่อนคนอื่น (ซึ่งจริงๆกลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มใหญ่ แต่มันเป็นกลุ่มที่มีพลังในการชี้นำสังคม โดยเฉพาะยุคนี้ ที่ Social Media กำลังก้าวขึ้นมาเป็นกลไกขับเคลื่อนกำลังซื้ออย่างมหาศาล) “ใกล้แล้วครับ The Death of Advertising!!” ดังนั้น เกมการแข่งขันในโลกอนาคต มันอยู่ที่ใครสามารถจับคนกลุ่มนี้ได้ก่อน “จะอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ!!”
Steve Jobs บิดาของ Apple ถือว่าเป็น Marketer ตัวพ่อ ที่เก่งมากๆ ในการจับกลุ่มคน Top of the cream เหล่านี้ ถ้าสังเกตให้ดี ตั้งแต่เขาเริ่มวาง position ของ Apple ใหม่ --- จาก ipod / Macbook / iphone / ipad ทุกสินค้ามีความสอดคล้องกัน “Message ที่ Steve Jobs ต้องการสื่อ ออกไปคือ ใครใช้ Apple –(คุณ Cool !! สุดๆ)” ถ้าคิดลึกอีกนิดจะเห็นว่า Timing ของ Steve Jobs กับการเกิดของ Social Media อย่าง Facebook / Twitter / Blogging เป็นอะไรที่สอดคล้อง ส่งผลให้ Apple มาแรงสุดๆ (ถ้าเกิดความสอดคล้องระหว่าง Innovation Product ของ Apple กับ Social Media เป็นความอังเอิญ “มันก็ไม่ได้น่าตื่นเต้น” แต่ถ้ามันเป็น Planning ที่ออกมาอย่างเป็น step ล่ะ ..บอกได้คำเดียวว่ามันเหนือชั้นแบบ“ขั้นเทพ!!”)
ทุกวันนี้ผมให้ความสนใจกับ Strategy ในองค์กรของธุรกิจมากๆ เพราะยุคนี้เราได้ผ่าน ยุคของการที่เงินเป็นใหญ่ “บริษัทใหญ่สามารถเอาเงินฟาดหัวลูกน้องและลูกค้า แล้วก็นั่งแท่นผู้นำต่อไป” แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่ ..หากเราดูบริษัทอย่าง Nokia ที่คุณเป็น Market Leader มีลูกค้าเป็นพันล้านคน แต่ท้ายสุดคุณกลับรักษากลุ่มลูกค้าที่ดีที่สุดของตัวเองไว้ไม่ได้
“และนี่สัญญาณมรณะของธุรกิจที่มองว่า(ทุน)และความใหญ่จะได้เปรียบ ..แต่มันผิดถนัด!!”
นี่แหละโลกของ The Next Generation ของ Business (มันไม่ใช่การที่คุณทุนหนา ใช้ทรัพยากรเปลืองๆ เน้นตลาด Mass แล้วคุณจะชนะ) หากวันรุ่งขึ้น ตลาด Mass ของคุณกลายเป็นหดหายไปเรื่อยๆ ในขณะที่ตลาด Niche ของคู่แข่ง กลับขยายจนกลายเป็น Mainstream… “คุณจะทำอย่างไร”)
“วันนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ Power of Idea อย่างแท้จริง!!”
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น