แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เราเรียนรู้อะไรจากสื่อ แล้วสื่อเรียนรู้อะไรเรา





‘เราเรียนรู้อะไร จากธุรกิจสื่อ’ 


เราเห็นข่าวนิตยสารและสื่อ ทยอยปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ..ล่าสุดผลประกอบการธุรกิจสื่อที่รวบรวมโดยบัวหลวง เห็นเลยว่า มันเข้าขั้นวิกฤตจริงจัง


- สื่อใหญ่ วันนี้รายได้ลดฮวบๆ แล้วยังพยายามคลำทางกลับมา เช่น ทีวีอย่างช่อง 3 ที่เคยกำไรพลักพันล้าน วันนี้เหลือหลักร้อย ..หรือ ยักษ์ใหญ่วงการบันเทิง Grammy ที่ติดลบ ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว


- คนที่ปรับตัวแบบ ‘เลี้ยว 180 องศา’ ก็อย่างเช่น RS ที่เดิมทำบันเทิง ทำเพลง เดี๋ยวนี้กำลังเปลี่ยนมาขายสินค้าเองเลย ..ใช้สื่อในมือและคอนเทนท์ของตัวเองเพื่อขายสินค้า มุ่งไปที่ความสวย ความงาม ซึ่งเป็นตลาดใหญ่


- คนที่ปรับตัวได้ดี อย่าง Workpoint ที่ยังคงเป็นสื่ออยู่ แต่สามารถดันจุดแข็ง คือ คอนเทนท์ที่สร้างเอง และ โดดเด่น รวมทั้งสามารถบริหารสื่อ ออนไลน์ ผนวกกับสื่อดั้งเดิมอย่างลงตัว 


- สื่อนอกบ้านก็พอถูไถ เพราะชีวิตคนรุ่นใหม่ ถ้าไม่ก้มหน้าอยู่ที่มือถือ ก็ต้องออกนอกบ้าน ...เพราะบ้านเล็กลง การออกนอกบ้านย่อมสบายกว่า 


1. ค่าโฆษณาจะถูกบริษัทยักษ์ในต่างประเทศกินไปจนแทบไม่เหลือ ...ธุรกิจสื่อจะเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ 


(ผมเชื่อว่า ในเมื่อเราเป็น Platform ไม่ได้ เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ Platform มาขยายธุรกิจ เอามาหาเงิน ในเกมของเรา ...วันนี้ Workpoint ทำได้ดีมากๆ ในการผนวกช่องทาง Social เอามาหาเงินควบคู่กับจุดแข็งที่ตัวเองมี)


2. คนที่มีสื่อจะหันไปทำแบบ RS คือ หาสินค้าและบริการมาขายเอง เพราะได้กำไรมากกว่าขายโฆษณา  


...การเป็นสื่อเก็บแค่ค่าโฆษณา มันมีมูลค่าน้อยนิด เมื่อเทียบกับการพัฒนาสินค้าขึ้นมาขายเอง เพราะ วันนี้การสร้างสินค้ามันทำได้ง่ายมาก


...นึกภาพ ช่อง 3 เอา ณเดช ญาญ่า และ Super Star มาพัฒนาสินค้าแล้วขาย แทนที่จะมาแบ่งค่าตัวดารา อะไรจะเกิดขึ้น ? (พี่แอ๊ด คาราบาว ก็เป็นตัวอย่าง ของดารา ที่พัฒนาสินค้า เครื่องดื่มชูกำลังขาย แล้วประสบความสำเร็จอย่างสูง)


3. คนที่มีคอนเทนท์ ก็จะพัฒนาสินค้าและบริการของตัวเอง ...หมดยุคแล้วที่คนผลิตก็ผลิต คนขายก็ขาย ...เราเข้าสู่ยุคที่ต้องควบคุมตั้งแต่ผลิต คิด เซอร์วิส ขาย และส่งมอบถึงมือลูกค้า ในแบบที่ Apple ทำ 


4. ยุคข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน มันแปลว่า ลูกค้ารู้จริงมากขึ้น ...การขายของแบบในอดีต ที่เน้นขาย ไม่มีคุณภาพ จะค่อยๆ หมดไป เพราะทุกคนรู้ทัน ...สินค้าและบริการที่ดีจริงเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ...ธุรกิจจะหันไปวิจัย และพัฒนา สินค้าและบริการอย่างจริงจัง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 


...ต่อไปสินค้าต่างๆ ที่เราบริโภค จะถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คล้ายๆ เรา Update App ในมือถือนั่นแหละ ...ใครหยุดเปลี่ยนแปลง คนนั้นตาย !!


5. ‘ฐานข้อมูลลูกค้าที่ซื้อซ้ำ คือ สินทรัพย์ที่แท้จริงของธุรกิจ’ ...ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ กำไร และเติบโต คือ ธุรกิจที่ซื้อซ้ำ ...เพราะลูกค้าเก่า คือ ลูกค้าที่บริษัทใช้ต้นทุนต่ำ แต่ได้กำไรสูงสุดและต่อเนื่อง


 ...ต้นทุนที่แพงที่สุดของธุรกิจคือ ต้นทุนการหาลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อซ้ำ นี่คือ โจทย์ที่ท้าทายธุรกิจออนไลน์ทั้งโลก ที่ต้นทุนการหาลูกค้าแพงขึ้นเรื่อยๆ 


6. เรากำลังเข้าสู่ยุคที่คำว่า ‘อุตสาหกรรม’ มันไร้เส้นแบ่ง ...ต่อไป ทุกธุรกิจ จะทำเหมือนกัน ก็คือ ทำตั้งแต่ผลิต พัฒนา ขาย บริการ ครบวงจร 


เส้นแบ่งที่แท้จริงของธุรกิจ ก็คือ ‘แบ่งตามปัญหาของลูกค้า’ เช่น ธุรกิจแก้ความสวย , แก้ความอ้วน , แก้ความไม่มีตัวตน , แก้เรื่องความสะดวก , แก้เรื่อง ...


สิ่งที่เราเรียนรู้ จากการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจสื่อก็คือ 


‘คนที่รอด และรุ่ง ในยุคของ Disrupt ก็คือ คนที่กล้าปรับ กล้าเปลี่ยน โดยมองที่ 2 จุดเป็นหลัก คือ 


1. ปรับโดยเอา ปัญหาของลูกค้าเป็นที่ตั้ง


2. มุ่งทำข้อ 1 ให้ได้ โดยอาศัยจุดแข็งที่ตัวเองมี


...อุตสาหกรรมต่อไป ก็ ธนาคาร , การเงิน , การลงทุน , การศึกษา , ....


ที่แน่ๆ คนที่ตาย คือ คนที่ไม่เตรียมตัวที่จะเปลี่ยน


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ