‘เราสามารถจำกัดความเสี่ยงในแบบของตัวเอง’
หัวใจที่สำคัญที่สุดของการลงทุน โดยเฉพาะในหุ้นก็คือ ‘จำกัดความเสี่ยง’
หลายคนคิดว่า ‘การจำกัดความเสี่ยง’ ..อ๋อ !! ก็แค่เรื่อง Stop Loss น่ะซิ
ผมถามหน่อย คุณรู้ไหม ว่า หุ้นแกว่งขึ้นลงได้เท่าไหร่ ?
‘ถามแบบนี้ ต้องถามต่อว่า การแกว่ง ระยะสั้น หรือ ระยะยาวอีก ?’ ...เพราะ มันต่างกัน คนที่ศึกษาเรื่อง ‘รอบหุ้น’ แบบผม จะรู้เลยว่า ในระยะสั้น หุ้นสามารถแกว่งได้ 10-30% นั่นแปลว่า ถ้าคุณบอกว่า จะ Stop Loss ทุกครั้งที่ หุ้นลง 5% ...คุณจะต้อง Stop Loss บ่อยมาก ...และ หลายครั้งมากๆ ที่อาจขายแล้วหุ้นเด้งขึ้นเลย (โคตรเซ็ง!! จริงป่ะ?)
แถมหุ้นแต่ละตัว ก็มี รอบ การแกว่งที่ไม่เหมือนกัน ...ถ้าดูกราฟ เราก็จะเห็นว่า แต่ละตัวจริงๆ มัน Stop Loss แบบไหน
แต่สิ่งที่ยากที่สุด คือ ‘จะ Stop Loss อย่างไร ในการถือหุ้นระยะยาว หรือ แบบออมในหุ้น ?’
เพราะ ในระยะยาว ถ้าคุณถือหุ้นรอบใหญ่ จากจุดต่ำสุดขึ้นถึงยอด มันอาจวิ่ง 3-10 เด้ง ในสิบปี แต่พอมัน ‘จบรอบ’ แบบในตลาดปี 2020 ...เราจะเห็นเลยว่า หุ้นมันลงจากยอดได้ เฉลี่ย 70% บางตัวก็ลึกกว่านั้น แบบสุดใจ
กลับมาที่คำถามว่า ‘แล้วคุณจะตั้ง Stop Loss อย่างไร ให้ขายแล้ว ไม่หมู ...เพราะ คนส่วนใหญ่พอเกิดวิกฤต มักไม่ได้ขายข้างบน ...กว่าจะรู้ตัวว่า เฮ้ย!! กรูไม่ไหวแล้วส่วนใหญ่หุ้นลงจนจะจบรอบแล้ว ...พอตัดสินใจ Stop Loss ขายทิ้ง ก็เป็นหมู เพราะ จุดที่จะขาย มันเป็นจุดที่ควรจะซื้อสะสมในรอบใหญ่ ซะงั้น!!’
‘ตลาดหุ้นคงไม่ใช่แนวของเรา !!’ ...ก็พูดไปนั่น เอาจริงๆ ถ้าเราศึกษาตลาดจริงจัง แล้วมาพัฒนาวิธีการให้เหมาะกับตัวเอง ...ผมเชื่อว่า ตลาดหุ้นเล่นได้ทุกแนว เพียงแต่ กฏเหล็กไม่ว่าจะเป็นแนวทางไหน ...ต้องจำกัดความเสี่ยงได้ !!
ผมจะเล่าให้ฟัง ถึงวิธีการจำกัดความเสี่ยงในแนวผม คือ ‘ออมในหุ้น’ ....ในเมื่อวิธีการของผม คือ ซื้อหุ้นดีแล้วไม่ขายชั่วชีวิต ผมต้องจำกัดความเสี่ยงดังนี้
1. ผมต้องเข้าใจ ‘รอบหุ้น’ ทุกตัว ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ไม่เช่นนั้น เราอาจจะเป็นหมู เพราะ ซื้อดอย
2. ผมต้องดูกราฟ แล้วอ่านพื้นฐาน ว่า จากจุดที่ซื้อหุ้นสามารถขึ้นได้กี่เด้ง ...ถ้ามองแล้ว น้อยกว่า 2 เด้ง ไม่ซื้อครับ ...ถ้าผมจะถือชั่วชีวิต อย่างน้อยหุ้นนี้ต้องให้ผมขั้นต่ำเลยนะ 200%
3. ผมต้องอ่านโมเดลธุรกิจว่า ธุรกิจนี้มีอนาคต อยู่ไปได้อีกนาน ...ก็ผมจะ ออมหุ้น ให้เลี้ยงเราทั้งชีวิต ...ผู้บริหารเขาต้องเป็นคนดี เจ้าของดี ธุรกิจดี ไม่ใช่กระแส อันนั้นอาจเก็งกำไรได้ แต่ไม่เอามาออมในหุ้น
4. หุ้นนี้ต้องปันผลดี ..ในเมื่อเราจะถือออมหุ้นชั่วชีวิต จริงๆ ราคาหุ้น แทบไม่ใช่ประเด็น เพราะ เราไม่ได้จะรวยจากราคา ...ถ้าอยากรวยจะราคา คุณก็เปิดอีกพอร์ตแล้วเทรด อย่าเอามามั่วกัน ...คนเราต้องชัด ว่า ‘อันนี้เราเล่นหุ้นแบบทำงานเพื่อเงิน เราเทรด’ ...ส่วนอันนี้ ‘เราออมหุ้นแบบ ให้เงินทำงานให้เรานะ’
5. ผม Stop Loss ที่ 100% ของราคาที่ซื้อ ...เฮ้ย!! คุณแพ้ท เสียสติเหรอครับ ถ้า Stop Loss 100% ก็แปลว่า เวลาเสียหาย ก็เหลือศูนย์ซิครับ
ผมคิดมานาน กว่าจะตกผลึก ว่า จริงๆ จุด Stop Loss ที่ดีที่สุด ของการลงทุนแบบออมในหุ้น คือ 100% เพราะ มันแปลว่า ไม่มีเจ้ามือ หรือ รายใหญ่ คนไหนที่จะทนความผันผวนได้เท่าผม ‘อึดกว่าเจ้า’
ดังนั้น สำคัญมากคือ เมื่อผมรู้ว่า ถ้าผมเสีย อาจเสีย 100% ...ซึ่งตั้งแต่ออมหุ้นมา เคยโดนไม่กี่ตัว คิดเป็นเปอร์เซ็นต์นี่ต่ำมาก ....แต่เวลาได้ ผมเอาอย่างน้อย 200% ขึ้นไป ...ในทางปฏิบัติจริง เวลาขึ้น มันเกิน เฉลี่ย 300% ด้วยซ้ำ
แปลว่า ถึงผม Stop Loss ที่จุด 100% แต่เวลาได้ผมได้ 200-300 % เท่ากับ ค่าความเสี่ยง 2 ต่อ 1 เสมอ ...รวยดิครับ
ใช่!! ผมเอา ‘เวลา’ มาช่วยให้ การลงทุนของผม แทบจะปิดประตูแพ้ ในระยะยาว ...ซึ่งพอผมใช้ เวลา มาอยู่ข้างผม ก็เลยต้องเอา ‘ปันผล’ มาเป็นเพื่อนของเวลา
‘เวลา มาอยู่ข้างเรา ...ปันผล เอามาเป็นเพื่อนของ เวลา’ ...โห!!!
สุดท้าย อิสรภาพทางการเงินของการออมในหุ้นแบบผม ก็จะ ได้ปันผล ที่เลี้ยงเราชั่วชีวิต ...ส่วนกำไร พอร์ตโต มันแค่ผลพลอยได้ ..ถ้าทำไปสิบปี พอร์ตอาจโตนิดหน่อย แต่ถ้าทำ 20 ปี อาจโตเป็นสิบเท่า ...แต่ถ้าออมหุ้นเกิน 30 ปี มันต้องมีหุ้น 100 เด้งในพอร์ตเราแล้ว ...รวยแบบมีอิสรภาพทางการเงิน เรียก ‘รวยแบบเละเทะ!!’ ...ฮ่า ฮ่า
นี่เป็นวิธีคิด ในการจำกัดความเสี่ยง และ หาผลตอบแทน ในแบบของผม ที่มาเล่าสู่กันฟังครับ
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
สนใจเปิดบัญชีหุ้น หรือ ออมหุ้น คลิ๊กที่นี่เลย
http://bls.tips/pawawitTeam
หรือ โทร 02-618-1111 บอกทีมงาน ว่า “เอาแบบออมหุ้นอัตโนมัติ ที่พี่แพ้ทแนะนำ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น