‘ออมหุ้น ทำให้เราประหยัดขึ้น’
หลายคนอาจจะคิดว่า นักลงทุนเป็นคนที่หาเงินง่าย ย่อมใช้จ่ายแบบไม่ประหยัด ...แต่ไม่ใช่สำหรับคนออมในหุ้น !!
หนึ่งในวิธีคิดที่สำคัญของการลงทุนระยะยาว ก็คือ ‘เขามักจะระมัดระวังอย่างมากในการใช้เงิน เพราะ เงินทุกบาท มันมีต้นทุน’
เราอาจเห็นว่า คนที่เล่นหุ้น มักได้เงินเร็ว ได้เสียทุกวัน ...แต่สำหรับคนที่ออมในหุ้น วิธีคิดมันวางอยู่คนละ Mindset เลย ...ผมจะเล่าให้ฟัง
1. ‘เงินทุกบาท มีต้นทุนค่าเสียโอกาส’ ...เงินทุกบาทที่เรามี นักลงทุนจะคิดเสมอว่า เงินก้อนนี้สามารถวางไว้ที่ไหนให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุด ...ยกตัวอย่าง ถ้าเรามี 1,000,000 บาท แล้วฝากธนาคารไว้เฉยๆ เราจะได้ดอกเบี้ยปีละ 5,000 บาท ...แต่ถ้าเราเปลี่ยนที่ออมไปซื้อหุ้น ยกตัวอย่าง เอาไปซื้อหุ้นธนาคาร เราก็เปลี่ยนสถานะ จากเดิมเราเป็นลูกค้า มาเป็นเจ้าของธนาคารแทน ซึ่งตอนนี้ ให้ปันผลประมาณ 7% เราก็จะได้ปันผลเพิ่มเป็นปีละ 70,000 บาท ...ใช่!! ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 17 เท่าต่อปี เลยทีเดียว
2. ‘ถ้าเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อของ มันต้องคุ้ม’ ...ถ้าไม่ฝากธนาคาร หรือ ลงทุน เราอาจเอาเงินนี้ไปซื้อของ ...แน่นอน มูลค่ามันไม่เพิ่มอยู่แล้ว แต่คุณค่าทางจิตใจ ต้องคุ้ม ...ไม่คุ้ม ก็ไม่ซื้อแน่นอน !!
3. ‘การเติบโตของเงินที่วางในหุ้นระยะยาว มันโตเฉลี่ยมากกว่า 10% ต่อปี’ ...พูดง่ายๆ ถ้าเราไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปทำอะไร การลงทุนออมในหุ้นระยะยาว มันให้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 10% ...คำนวณง่ายๆ ว่า ทุกๆ 7 ปี ที่เงินเราอยู่ในสินทรัพย์อย่างหุ้น มันจะโตทบต้น ...ใช่!! 6-7 ปี เงิน 1 ล้าน ก็จะโตขึ้นเป็น 2 ล้านได้ นั่นเอง
4. ‘เงินใช้จ่าย ต้องกันไว้ไม่ขาดมือ’ ...อย่างน้อยนักลงทุนระยะยาว ควรมีเงินใช้จ่ายในกรณีที่ไม่มีรายได้เพิ่ม ....ขั้นต่ำควรกันไว้ 1 ปี ...แปลว่า ถ้าเราต้องใช้จ่ายเดือนละ 50,000 บาท ...เราต้องมีเงินสด เผื่อไว้ 600,000 บาท
5. ‘ถ้ากู้เงิน เงินนั้นต้องสามารถสร้างรายได้ มากกว่าค่าใช้จ่าย’ ...แต่ถ้าเป็นไปได้ เรามักจะเห็นว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ แทบไม่กู้เลย ...เพราะ คนส่วนใหญ่มักกู้ ซื้อของ ไม่ได้กู้เพื่อสร้างรายได้ ดังนั้น ไม่กู้เลยดีกว่า
โอโห!! ทำไมนักลงทุนถึง คิดเยอะมากๆ กว่าจะใช้เงินหรือลงทุน แต่ละครั้ง
ใช่ครับ !! ...เพราะ การ ออมในหุ้น มันเป็นการวางแผนรวยแบบ ‘น้ำซึมบ่อทราย’ ...ทำให้คนที่ตัดสินใจจะจริงจังกับการลงทุนแนวนี้ ต้องเริ่มจากการประหยัด ในช่วงแรก
อดทน ปั้นให้พอร์ตโต
สุดท้าย ถ้าเราออมในหุ้นนานพอ (10 ปีขึ้นไป) ...เราจะเริ่มมี Passive Income ไปพร้อมๆ กับ การโตขึ้นของพอร์ต จนมีอิสรภาพทางการเงินในที่สุดครับ
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
เมื่อคืน 1 มีนาคม 2555 คุณแม่โทรมาบอกว่า "แพ้ท!! คุณตาท่านเสียแล้ว" ผมก็รู้สึกใจหายอย่างมาก เพราะคุณตาเป็น เสมือนต้นแบบ ที่สอนให้ผ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
"อึมครึม"..ดูแล้ว น่าลงทุนมาก..(อ้าว!!ไหงเป็นงั้น) --"แต่!!" ขอย้ำว่า "ต้องเป็นเงินนอน อีกเช่นเคย" ผมว่าหลายคน...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
“ความ(บ้าคลั่ง)ของทุนนิยม” … “ใช่แล้ว..เราทุกคนอยู่ภายใต้ทุนนิยม หนีไม่พ้นแม้แต่คอมมิวนิสต์อย่างจีน หรือ Russia” ความบ้าคลั่งของทุนนิยม เริ่...
-
6 หลัก ลงทุนที่ช่วยให้เรารวยได้เร็วและง่ายขึ้น ณ บัดนาว !! 1. ‘ลงทุนในสินทรัพย์ด้วยเงินส่วนใหญ่’ …แทบจะตลอดเวลา เพราะ เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...
-
10 ข้อเสีย ของลูกคนรวย เดี๋ยวนี้เราเห็นชีวิตคนรวยมากขึ้น จาก Social ..ส่วนใหญ่ก็มักจะปลอม ..ไอ้มีจริงๆ ไม่ค่อยโชว์ ..แต่ทั้งหมด เรา...
-
6 ข้อ คิดลงทุนแบบคนมีเงิน ทำได้ตั้งแต่เรายังไม่มีเงิน 1. ‘มองที่ความเสี่ยง ก่อนมองผลตอบแทน‘ …ถ้าเราซื้อหวย แปลว่า เรามองผลตอบแทนมากกว่าความ...
-
"ความหมายชีวิต และ ความสำเร็จ ของแต่ละคน" ..ไม่มีใครเหมือนกันเลย ...หลายคนมองว่า เงิน คือ คำตอบของทุกสิ่ง แต่เมื่อเขามีเงิน ก็...
-
5 หลักการหา S Curve ใหม่ เพื่อโอกาสที่ใหม่ใหญ่ขึ้น 1. ‘S Curve คือ ความบังเอิญ ไม่ใช่การวางแผน’ …พูดง่ายๆ ทุกสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่ ม...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น