
ไหลมาเรื่อยๆครับ Fund Flow ..แต่มันเสียว วูบๆ วูบๆ ยังไงไม่รู้ ---แต่ยังไงก็เริ่มใจชื้น สำหรับกลุ่ม Blue Chip ที่ผมชอบ.. ตอนนี้ก็ค่อยๆไหลไปตาม ธารน้ำแข็งของฝรั่ง
ที่ผมบอกว่าเสียว คือ “เราอย่าพึ่งหลงดีใจ นึกว่าฝรั่งซื้อตอนนี้แล้วเขาจะมีต้นทุนเดียวกับรายย่อย” (ผิดแล้ว!!) เพราะฝรั่งมีต้นทุนปีที่แล้วเหลืออยู่ 30,000 กว่าล้าน ซึ่งเป็นต้นทุนเก่า (ตอนที่เขาเก็บปี 2009 ตลาดไม่ใช่ถูกธรรมดา มันถูกสุดขีด!! คิดดูต้นปี 2009 ที่ฝรั่งเริ่มเก็บ SET อยู่ที่ 400 จุดน่ะ)
จะเห็นได้ว่า การซื้อเพิ่มของฝรั่งตอนนี้ คือ การซื้อเพิ่มเพราะเขามองว่าตลาดน่าจะขึ้น “ดังนั้นประเด็นที่ต้องจับตาดู คือ จำนวนเงินที่ไหลเข้า มันเป็นตัวชี้ความมั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ” แสดงว่า ยิ่งมากยิ่งดี ---แต่ถ้าถามว่าผมคิดยังไง ผมกลับมองว่า ฝรั่งก็ยังเข้าแบบ กั๊กๆ ..จากที่เรารู้ว่าปีที่แล้วเขาเก็บต้นทุนต่ำไว้ประมาณ 3 หมื่นกว่าล้าน --ซึ่งถ้าเข้าเพิ่มแบบฉลาด เขาก็ต้องเข้าน้อยกว่าเดิม.. “จริงไหมครับ!!”
คือ ถ้าปีนี้ฝรั่งเข้าเพิ่มอย่างหรู ก็น่าจะไม่เกินอีก 2 หมื่นล้าน (ถ้าเกิน 2 หมื่นล้าน เรามองได้ 2 มุม คือ อย่างแรก “มั่นใจสุดโต่ง” อย่างสองคือ “เล่นโง่..หุ หุ หรือ ไม่ก็เล่นระยะสั้นแล้วออกปลายปีหลังรับปันผล”) ..ถ้าเอาตัวเลข Fund Flow จากต้นปีมาดู จะเห็นได้ว่า เงินที่เข้ามา peak ที่เดือนเมษายน 4.6 หมื่นล้าน --จากนั้นก็ panic sell “ขายหมู” ไปตอนเดือนมิถุนายน 7 หมื่นกว่าล้านบาท (สรุปเงินที่เข้ามาตอนต้นปี ฝรั่ง “ขายหมู” ออกไปเกินกว่าที่เข้ามา คือไปกินต้นทุนต่ำที่มีอยู่ใน port “แต่เขาก็ พูดแก้เขินว่า อ๋อ!! ขายทำกำไรบ้าง…หุ หุ “ฝรั่งขายหมูล่ะไม่ว่า”)
ดังนั้นให้จับตัวเลข Fund Flow ให้ดี ทิศทางมันค่อนข้างชัด แต่เดี๋ยวนี้มันหวือหวา “เกือบทั้งหมดที่เข้ามาใหม่ อาจจะเป็นเงินสั้น เหมือนตอนต้นปีก็ได้” --เอาเป็นว่า ถ้าฝรั่งกลับมาซื้อเป็นบวก ถ้าเลย 2 หมื่นล้าน เมื่อไหร่ต้องเริ่มระวัง เพราะส่วนที่เกินผมว่า ฝรั่งถอนออกหลังจากรับปันผลแน่ !!
งั้นเดี๋ยวไว้ผมจะ “จับตาดู Fund Flow แล้วมา Update ให้ต่อไป” ..ตอนนี้ตามน้ำไปก่อนคร้าบ…..
แปลเป็นภาษามนุษย์ก็คือ “ผมมองว่ากลุ่ม Blue Chip ที่ฝรั่งเล่นกำลังมาแล้ว รอบนี้พวกเจ้ามือที่กำลังปั่นหุ้นเล็กๆอยู่ ก็จะเลิกปั่น ปล่อยคนที่หลงกลติดดอย จากนั้นเขาก็จะโยกเงินมาอัดกันตามหุ้นที่ Fund Flow เล่น… จากนั้นถ้าตลาดจะแผ่ว หรือ Correction ก็น่าจะหลังจ่ายปันผลไปแล้วครับ” ..จบข่าว ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2553!!
(ปล. ใครว่างช่วย Vote "Blog"--ให้ผมด้วยครับ ใกล้จะเข้ารอบแล้วอีกนิดเดียว!!..(คลิ๊กที่ link ทางด้านขวามือ)-- ยังเหลืออีก 6 วัน"ขอบคุณครับ")
ขอบคุณครับ จะคอยตามติดสถานการณ์ วันนี้เผลอกดโหวตให้โดยที่ยังไม่ได้ล็อกอิน ก็เลยส่งคะแนนให้ได้แค่ +1 ยังไงพรุ่งนี้แก้ตัวใหม่นะครับ ขอให้โชคดีครับ :)
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบให้คะแนนไปแล้ว บทความเขียนดีครับ แต่อยากให้พูดถึงเรื่องของเงินทำเงิน สี่ด้าน พ่อรวยสอนลูก กับ ธุรกิจขายตรง หน่อยครับ เพราะ ผมไปฟังเค้าบรรยาย ขายตรง จะชอบพูดยกเรื่อง เงินสีด้าน มาอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งผมก็เคยอ่านในหนังสือเค้าแถบจะไม่ได้พูดถึงเรื่อง ขายตรงเลยนะ
ตอบลบเออแล้วอีกเรื่อง หนึ่ง ของธุรกิจ ประกัน เห็นเดียวนี้ ทางธนาคารหลายแห่งจะอ้างว่า ฝากเงินครบ ห้าปี สิบปี แล้วรอผลตอบแทนในปีที่ ยี่สิบ จะได้ถึง สามสิบ ถึงห้าสิบ เปอร์เซ้น นี้มันจริงหรือครับ อะไรมันจะดีขนาดนั้น แล้วทำไม ทางธนาคารไม่เอาไว้สะเองจะมาชวนเราลงทุนทำไม ไม่รู้ว่าทางคุณ ภาววิทย์ คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
ผมเขียนเกี่ยวกับ Rich Dad อยู่ใน http://pawawitbook.blogspot.com ลองคลิ๊กดู(อยู่ในคลังบทความครับ)
ตอบลบที่ธนาคารบอกว่าได้นู่นได้นี่ ไม่มีใครการันตีครับ ส่วนตัวผมไม่เชื่อในการบริหารของธนาคารหรือกองทุน (ไม่ใช่เขาไม่เก่ง) แต่มันมีข้อจำกัดที่ทำให้ผลตอบแทนมันไม่ดี "กฏระเบียบที่เขาต้องเล่นไม่ make sense" ...ดูบริหารเองดีกว่าครับ
ขอบคุณครับ
ตอบลบเหอๆ ไม่เหนแม่นเลย
ตอบลบโม้ขริงๆ