วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วิถีชีวิตที่เราอยากเปลี่ยน!! มองแบบเด็ก เพื่อก้าวผ่านช่องว่างของโอกาสที่เรามองไม่เห็น
ถ้าคุณไปถามผู้ใหญ่ว่า "วิถีชีวิตที่คุณอยากเปลี่ยนคืออะไร" ผมว่าคำตอบที่ได้ก็จะเป็น "หน้า งงๆ ว่าลื้อจะถามไปทำไม..ทุกอย่างมันก็ยุ่งพออยู่แล้ว!!" ...ในทางกลับกันถ้าคุณเอาคำถามนี้ไปถามเด็ก คุณจะได้อีกมุมมอง จนน่าตกใจ "ไม่ว่าจะเป็น รถเหาะ , Time Machine , ร้านเกมส์แบบแจ๋วกว่าเกมปลูกผักใน Facebook"--คือพูดง่ายๆว่า คนถามก็สนุกกับคำตอบที่ออกมาจากเด็ก แต่หดหู่ทุกครั้งจากการฟังคำตอบจากผู้ใหญ่ที่มากด้วยประสบการณ์
หลายคนบอกว่า ก็นี่เอง เป็นสาเหตุที่เราแบ่งธุรกิจออกเป็นแผนกๆ คนรุ่นใหม่ก็อยู่ในด้านการออกแบบ การสร้างเทคโนใหม่ๆ ส่วนคนที่มีอายุก็อยู่ในส่วนของตรวจสอบ และการป้องกันความเสี่ยง (แล้วมันทำงานด้วยกันได้จริงหรือ!!)
ประเด็นนี้น่าสนใจมาก นั่นแสดงว่า ผู้ใหญ่โตไปพร้อมๆประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น แต่จินตนาการที่ลดลง ...หรือ อีกนัยหนึ่งคือ"ยิ่งเรียนรู้มาก จินตนาการก็จะหายไปเรื่อยๆ"..คุณสังเกตุไหมว่า สังคมอเมริกา จะสอนให้คนของเขา เป็นเด็กตลอดกาล --ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิต และความไฮเปอร์ ความอยากรู้อยากเห็นอย่างเหลือเชื่อ
เด็กอเมริกา จะถูกปล่อยให้วิ่งเล่น และเรียนรู้ด้วยตนเอง ในขณะที่เด็กไทยถูกจำกัดกรอบเพียงกรอบเล็กๆ ..จุดนี้ผมมองว่า การที่เด็กอย่างอเมริกาได้ เปิดโอกาสให้ทดลองและเห็นสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา มันเป็นการสร้างประสบการณ์ ที่ท้ายสุดแปรเปลี่ยนเป็น นวัตกรรมทางความคิด ที่ส่งผลให้เด็กฝรั่งทำอะไรอย่างสุดโต่ง ในขณะที่เด็กไทยทำทุกอย่างภายใต้กรอบ
ผลลัพธ์ก็คือ เด็กฝรั่งถูกกระตุ้นให้รักการเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก ซึ่งท้ายสุดเป็นการสร้าง Platform ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนของการสร้าง "นวัตกรรม(Innovation)"..และสิ่งเหล่านี้เองที่เป็นสิ่งที่ทำให้อเมริกาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลก --ซึ่งจุดนี้หลายๆคนสงสัยว่า การที่อเมริกาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของโลก มันคือการวางรากฐานจากอะไร "ก็นิสัยความเป็นเด็กหรือความอยากรู้นี่แหละที่ทำให้เขาเจริญ!!" ...เขาไม่ได้โตมาจากการสร้าง Connection และการวางตัวไฮโซ แต่อย่างใด..หุ หุ (สิ่งที่เราพยายามเรียนรู้และสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่าย และ Connection มันเป็นสิ่งที่เกิดภายหลังจาก Innovation ต่างหาก --ปัญหาคือ เราพยายามแบ่งตลาดมาจากสิ่งเก่า(อุตสาหกรรมเก่า) แต่ไม่สร้างตลาดใหม่ๆ บ้านเราจึงเป็นสภาวะที่ธุรกิจต้องแข่งขันสูง ภายใต้ผลกำไรและโอกาสของการเติบโตที่แย่ลงเรื่อยๆ)
วันนี้หากคุณ ลดข้อจำกัด ทางความคิดต่างๆลงไปได้ แล้วมองโลกในมุมที่เด็กมอง ..ผมว่าเราจะเห็นสิ่งใหม่ๆที่เราไม่เคยเห็นอีกมากมาย ..จากนั้นก็ค่อยต่อยอดจากมัน!! และนี่คือ ช่องว่างระหว่าง "ความรู้" และ"ความคิด" ที่ขาดการเชื่อมโยงที่ดี!!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0 1. ‘นโยบาย American First’ …Trump จะทำทุกอย่างให้อเมริกาได้ประโยชน์ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ 2. ‘Dere...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น