วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553
“ปลายฝนต้นหนาว” เศรษฐกิจไทย ไปยังไงต่อ โดย ภาววิทย์ (16 สิงหา 2010)
ตอนนี้ขบวนนักวิเคราะห์ เริ่มออกมาฟันธงกันอีกครั้งว่า SET เลย 1,000 จุดแน่นอน (เชื่อดีไหม!! เห็นผิดตลอดเลยตั้งแต่ปากกาหัก ..อิ อิ)
เราได้ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล มาเป็นผู้ว่าแบงค์ชาติคนใหม่ของเรา ซึ่งผมมองว่า “เยื่ยมนะ!!” เพราะจากผลงาน การนำทัพ K-bank ขึ้นมาโดดเด่นที่สุดใน The big three ถือเป็นผลงานที่พิสูจน์ฝีมือว่า เก่งขั้นเทพ!!... เมื่อเช้าหยิบ กรุงเทพธุรกิจมาอ่าน เจอแกให้สัมภาษณ์ “เงินสำรองเราไม่ได้เยอะอย่างที่คิดกัน!!” (อ้า!! หนึ่งโชว์ความเป็น media mover อย่าง Greenspan ที่พูดทีไร ตลาดหมุนตาม (เท่ห์) สอง โชว์ความ Conservative ในมุมมอง “ลุ่มลึกในมาด หัวเรือใหญ่ธนาคารชาติ” ..เชียร์ไปหรือเปล่านี่ ..ฮิ ฮิ ฮิ)
ตอนนี้เงินสำรองระหว่างประเทศประมาณ 1.5 แสนล้านดอลล่าห์ (มากแค่ไหน ก็ประมาณ ว่าถ้าเรานำเข้าอย่างเดียว ไม่ส่งออกเลย จะอยู่ได้ 3 เดือน..จุดนี้หลายคนอาจมองว่า “บ้าหรือ น้อยจริงๆ” แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ เพราะประเทศเราเป็นประเทศพึ่งพาการส่งออก ดังนั้นในสถานการณ์ปกติ -- ส่งออกมากกว่านำเข้าอยู่แล้ว “เงินสำรองจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆดังที่เห็น”)
ดร.ประสาน มองว่า “ในอนาคตเราต้องลดการพึ่งพาการส่งออก และสร้างการบริโภคภายในให้ใหญ่แทน” จุดนี้เป็นการมองที่ฉลาด เพราะถ้ามองให้ดีแล้ว เดิมเอเชียทั้งหมดพึ่งพาการส่งออก หรือ พูดอีกนัยก็คือ “เอเชียผลิตให้ไอ้กันแดก!! แต่ตัวเอง ผอมบาง” ตอนนี้อเมริกากินจนอ้วนเป็นชูชก “พุ่งแตก” หนี้สินมหาศาล ตอนนี้จะเห็นได้ว่าทั้งอเมริกาและยุโรปมีหนี้หัวบาน !!
…เอกชนก็เลยชะลอการบริโภคอย่างที่เห็น ทำให้รัฐบาลอเมริกาและยุโรปต้องเป็นผู้บริโภคแทน ด้วยการก่อหนี้ และก็เอาเงินมา ถมเมือง!!
จากเอกชนกู้เกินตัว ตอนนี้เพิ่มอีกปัญหาคือ รัฐบาลกู้เกินตัว (ถ้าไม่ทำตลาดจะพังทันที) …ดังนั้น ตามที่ ดร.ประสาน มองถือว่า ถูกต้อง “อนาคตเราจะมาหวังแต่ส่งออก ไปไม่รอดแน่นอน” …(แล้วไงต่อ!!) ถูกต้องแล้วครับ เราต้องมองไปข้างหน้า คือ จากการที่เอเชียมุ่งแต่ผลิตๆ ส่งออกๆ แล้วก็เป็นเจ้าหนี้ประเทศตะวันตก …แต่ด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของประเทศตะวันตก ผมมองว่าประเทศเอเชียจะหันมากระตุ้น และสร้างตลาดการบริโภคภายในของประเทศตัวเองให้แข็งแรงขึ้น --ดังนั้นที่ผม ฟันธงการเกิด Asian Miracle 2 ไปใน หนังสือ “แกะรอยหยักรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet” ของผม เชื่อว่าใกล้จะได้เห็นอีกไม่นาน !!
ย้อนกลับมาดูอเมริกา ซึ่งหลายๆคนกังวล ว่าถ้าท้ายสุด “ไปไม่รอด” โลกทั้งโลกก็จะ “ซวยเหมือนปี 2008” ..แต่ผมกลับไม่มองอย่างนั้น --อเมริกาเป็นเจ้าแห่งทุนนิยม ที่เอาตัวรอดทุกยุค ด้วยการผลักภาระไปข้างหน้า “อาศัยการก่อ Bubble ลูกใหม่แทน” ดังนั้น จริงๆถ้าถามว่า หนี้สินที่อเมริกามีนั้น ต้องใช้คืนไหม --จริงๆมันไม่ต้อง!! เพราะตราบใดที่โลกยังคงอยู่ภายใต้ระบบทุนนิยม ตราบนั้น อเมริกายังไม่ตาย!! และก็ยังสามารถผลัก Bull shit โดยการสร้าง Bubble ลูกใหม่กลบวิกฤตเก่าไปเรื่อยๆ (ชิวๆ)
ตอนนี้หนี้สาธารณะของอเมริกาแตะ 90 % ต่อ GDP (ซึ่งคาดกันว่าจะแตะ 100% ต่อ GDP ในไม่ช้า) …จริงๆผมถามหน่อย เขาตื่นเต้นอะไรกันหรือ!! ญี่ปุ่นหนี้สาธาณะต่อ GDP แตะ 200% แล้วยังไม่เห็นเจ๊ง!! …เอาอย่าง SCC หนี้สินก็มากกว่ารายได้เกินเท่าตัว ไม่เห็นผู้บริหาร SCC หรือ ผู้ถือหุ้นออกมา โวยวาย -- “เฮ้ย!! ซวยแล้ว ..เห็นแต่นั่งยิ้มดูราคาหุ้นพุ่งเอา ๆ (งง ไหมล่ะ!!)
ขอย้ำนะว่าเราอยู่ในระบบ “ทุนนิยม” ไม่ว่าจะเป็น Corporate หรือ ประเทศ ก็ไม่ได้ต่างกัน …เพราะตราบใดที่คุณยังสามารถ create Value จอมปลอม เช่น ราคาหุ้น , ราคา Asset ให้มันขึ้นต่อแล้ว และคุณยังสามารถชำระหนี้ได้แล้ว (ซึ่งด้วยเครดิตอย่างอเมริกา ทำได้สบาย) การสร้างหนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
ประเด็นจึงไม่ใช่การมาดู เรื่องการสร้างหนี้ของอเมริกา แต่ประเด็นของการสร้าง Another Bubble ต่างหากที่ต้องจับตามอง “การสร้าง Bubble ก็เริ่มจากการสร้าง Innovation ซึ่งจุดนี้เป็นรากฐานของอเมริกาอยู่แล้ว”
บทความที่ผม concern ในครั้งที่แล้ว ในเรื่องของ ประเด็นระหว่างจีน ที่เข้ามา challenge ในเรื่องของ Clean Energy ที่ผมมองว่า จะเป็น Key ของ The Next Innovation นั่นเอง (แต่เท่าที่ดู ผมก็ยังเชื่อว่า ท้ายสุดอเมริกาก็ยังคงเป็น หัวหอกของ The Next Innovation เพราะไม่ว่าด้วย ทุน โครงสร้างของอุตสาหกรรม ศักยภาพของคน และ Technology ..อเมริกายังคงกินขาด!!)
ปลายฝนต้นหนาวนี้ ขอแนะนำให้ซื้อหุ้นในกลุ่มที่ ลั้งตลาดอย่างพลังงาน จากนั้นเลิกฟังเสียงนกเสียงกา ถือมันผ่านไปอีกจนถึงช่วง Asian Miracle 2 ที่ผมมองว่าน่าจะ peak ในปี 2556 (ตามดวงเมือง ..อิ อิ แทรกไสยศาสตร์นิดๆ!!) จากนั้น โยกเงินออก แล้วรอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ อเมริกา!!
(เอ๋อ!! บทความนี้ ลับเฉพาะ นักลงทุน Cycle เท่านั้น พวก Value Investor กับ Trader อย่าเอาไปใส่ใจครับ ---- เล่นมันส์ๆตามตลาดไปก่อน อิ อิ อิ…)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
6 ข้อ มาคุยกันเรื่อง Why Nations Fail ? สิงค์โปร์ไม่ทีทรัพยการเลย ทำไมรวย …เวเนซุเอลา มีน้ำมันมากที่สุดในโลก ทำไมจน ..แล้วสวิส ประเทศเล็กๆ...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0 1. ‘นโยบาย American First’ …Trump จะทำทุกอย่างให้อเมริกาได้ประโยชน์ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ 2. ‘Dere...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น