วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553
“The Crises of Capitalism” โดย David Harvey (เอาการ์ตูนที่เครียด!! ที่สุดเท่าที่เคยดู มาแปล!!)
“ความ(บ้าคลั่ง)ของทุนนิยม” … “ใช่แล้ว..เราทุกคนอยู่ภายใต้ทุนนิยม หนีไม่พ้นแม้แต่คอมมิวนิสต์อย่างจีน หรือ Russia” ความบ้าคลั่งของทุนนิยม เริ่มก่อตัวตั้งแต่ปี 1970s ในอเมริกา “เริ่มจากความไม่พอใจของ Labour (แรงงาน) ที่ไม่พอใจกับค่าจ้างที่มันต่ำเกินไป” --วิธีแก้ของอเมริกา ก็คือ การ Offshore เอางานออกไปให้จีน,อินเดียทำ (ให้ประเทศที่ใช้แรงงานถูกๆ) “สร้างปัญหาแรงงานเด็ก แรงงานเถื่อนรอบโลก” ผลลัพธ์ก็คือ ปัญหาของ Labour “รายได้น้อย”เปลี่ยนมาเป็นปัญหาของ “ไม่มีงานทำแทน”(หนักเข้าไปอีก)
Harvey กล่าวว่า การแก้ปัญหาของทุนนิยมตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ไม่ใช่การแก้ปัญหา..แต่เป็นการ shift ปัญหาไปที่อื่นๆ ซึ่งท้ายสุด “ปัญหามันก็ยังคงอยู่ เพียงแต่มันก็ก่อตัวรวมกับปัญหาใหม่ๆ เป็นดินพอกหางหมูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ปัญหาการไม่มีงานทำ” ส่งผลให้ Demand ลดลง (Problem of effective demand) ก็แก้ด้วยการสร้าง “Credit card สร้างระบบเงินกู้ …”---Pumping up the credit economy!!
ปัญหาของ Credit Economy ผนวกกับค่านิยมการมีบ้านของคนอเมริกา (68 % ของคนอเมริกัน own their own house..นับเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก) ดังนั้น การ spoil คนอเมริกันด้วยนโยบายส่งเสริมให้ “สร้างหนี้ ซื้อบ้าน” รวมทั้งลดภาษีบ้าน …ก่อให้เกิด Bubble ใน Real-estate ซึ่งตลาดพึ่งจะมา crash เมื่อปี 2008 นี่เอง
Harvey กล่าวถึง ระบบทุนนิยมที่มีรากฐานจากความคิดของ Maxist เป็นวังวนที่ “ไม่มีทางออก” (คือพูดง่ายว่าปัญหาต่างๆมันไม่มีทางแก้ ดังนั้น วิธีการก็คือ การโยกปัญหาไปเรื่อยๆ “it just move the problem around geographically!!”)
แก่นของปัญหาของทุนนิยมที่ Harvey ยกประเด็นขึ้นมาก็คือ “ปัญหาของการสะสมความมั่งคั่งของบุคคลนั่นเอง” ( The internal contradiction of Capital accumulation) …ประเด็นนี้มันสะท้อนภาพรวมใหญ่ของระบบทุนนิยม ที่ทุกอย่างเริ่มที่ “เงินทุน” จากนั้น “เงินทุนก็นำไปจ้างงาน” … “นำไปสู่การผลิต”…. “การสร้างกลไกของบริษัทในรูปแบบของ organization” … “ซึ่ง process เหล่านี้ก่อให้เกิด Commodity หรือผลิตผลทางเศรษฐกิจที่เราบริโภค” … “จากนั้นก็เอา Commodity นั้นๆที่ผลิตไปขาย” ..ก่อให้เกิด “รายได้ + กำไร” (วนเวียนไปเรื่อยๆ)
ปัญหามันอยู่ที่ “กำไร” คือเมื่อบุคคลมีกำไรหรือมี wealth ก็ต้องการทำให้มันเพิ่มโดยเอาไปลงทุน (recapitalize) ผ่านทางสถาบันการเงิน , Fund Manager , Hedge Fund (คุณเห็นภาพไหมครับว่า เมื่อทุกคนที่ลงทุนต้องการให้เงินตัวเองเพิ่มก็เอาเงินไปฝากให้นักการเงินจัดการ (เป็นวิธีการของ Empowering Financiers) ซึ่งไอ้ Financiers ลวงโลก ก็เช่นพวก Wall Street ที่ใช้ “Greed” หรือความโลภ บวกกับ Financial Innovation บ้าบอ อย่างเช่นพวก Derivative ต่างๆที่เพิ่ง พังเละเทะอย่างที่เราเห็นๆกัน
หลักการของที่เราจะทำกำไรจากการลงทุน ก็คือ คุณต้องอยู่ใน right place at the right time !! (มันเป็นกระบวนการ ขับเคลื่อนเงินไปรอบๆโลก เพื่อหาโอกาสจากช่องว่างของจังหวะ และความโลภของมนุษย์ ---การให้อำนาจกับนักการเงินเหล่านี้ ผนวกกับความโลภของ “นักการเงิน”อยู่เป็นทุน ก่อให้เกิด Bubble อีกลูกทางการเงินก็คือ easy credit การก่อหนี้อย่างมหาศาลก่อนที่ตลาดจะ crash ในช่วง sub prime ปี 2008
ช่วงนั้น ถ้าให้พูดคือ พวก Financiers หรือนักการเงิน “รวยกันโคตร โคตร!!” --เมื่อนักการเงินมีอำนาจ ก็ยิ่งปั่นให้ธุรกิจการเงินโตขึ้น กำไรขึ้น คือ finance grow up in “Profit” ในขณะที่การผลิตหรือ Manufacturing ที่เป็นพื้นฐานจริงๆ กำไรลดลงเรื่อยๆ …ลดลงพร้อมๆกับรายได้ของคนเดินดิน ทั่วๆไปลดลงเรื่อยๆ
“นักการเงินยิ่งรวย นักการผลิตยิ่งจน ค่าจ้างยิ่งลดลงเรื่อยๆ ส่งผลให้ ระบบทุนนิยม ก่อตัวเป็น ปิละมิดแห่งความโลภ (อย่างที่เคยเขียนบทความที่ว่าคนรวย จะยิ่งรวย ส่วนคนจนก็จะยิ่งจน) การผูกขาดทางการค้า ถูกใช้ทุนในการผูกขาด ป้องกันผู้แข่งรายใหม่ ส่งผลให้ท้ายที่สุดความรวยก็จะกระจุกตัวอยู่ในมือคนไม่กี่คน กลุ่มไม่กี่กลุ่ม
คนเอเชียอย่างเรา “เห็นก่อน Harvey อีก…กั๊ก กั๊ก” บ้านเรา ถ้าคุณเอา chart มานั่งไล่ดู จะเห็นได้ว่า กิจการทั้งหมดในบ้านเรา ตกอยู่ในมือคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!!
Harvey ไม่มีทางแก้ ..แต่ภาววิทย์มี !! ฮ่า..เป็นไง แจ๋วไหว--- “นั่นก็คือ เรารายย่อย เอาเงินมารวมกัน ตั้งกองทุน จากนั้นก็ซื้อหุ้นกิจการใหญ่ในเวลาที่ถูก ขายเมื่อแพง …ผ่านไปสัก 2- 3 Cycle กองทุนของพวกเราก็จะ “เขมือบไอ้รายใหญ่”
…ไง ++ (มารวมกันเลย!! ) ตอนนี้ยังเป็นเพียงฝัน …จนกว่า รายย่อยจะรวมตัวกันได้ !! “รออยู่นะ พี่น้อง!!”
ดู video ครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
6 ข้อ ปฏิบัติของการเป็น ’นักลงทุนแบบทางสายกลาง’ หลังจากผมลงทุนมานานพอสมควรก็พบว่า ’ทางสายกลาง‘ คือ หลักปฏิบัติที่สำคัญที่ทำให้เราประสบความ...
-
เมื่อวันก่อน ผมได้มีโอกาสไปออกรายการวิทยุ Business Line & Life ของคุณม่อน .. มีคนสัมภาษณ์ผมเป็น คนหนุ่มรุ่นใหม่ ทายาทกลุ่ม ธุรกิ...
-
"QE2" ตอนนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก เนื่องจากลึกๆแล้ว หัวใจของนโยบายนี้ก็คือ "การเปลี่ยนเงินดอลล่าห์ให้เป็นแบงค์กงเต๊...
-
ท่านธนินท์มักกล่าวในงานสัมมนาต่างๆ ถึงแนวคิด "สองสูง" ของท่าน -- ซึ่งสูงแรกก็คือ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และสูงที่สอง คือขึ้นราคาพื...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
AEC ย่อมาจาก ( ASEAN Economic Community ) ..ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อ ASEAN รวมตัวกันได้ ก็จะทำให้เกิด Win-Win นั่นก็คือ ภาพรวมเศรษฐกิจในปร...
-
6 ข้อ หลักคิดที่ทำให้เราไม่สามารถซื้อหุ้นในจุดที่ราคาถูกที่สุด และ ขายหุ้นในเวลาที่แพงที่สุด 1. ‘หุ้นไม่มีจุดต่ำสุด‘ …หลายคนคิดว่า ซื้อหุ้น...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
6 เรื่องที่ AI ทำได้ดีกว่ามนุษย์ อย่างเรา การปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านมา …ทำให้อาชีพสังคมเกษตรกรรม หายไป และเกิดงานใหม่ใน โลกอุตสาหกรรม …งาน...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ชอบอ่ะ ไอเดีย "เขมือบไอ้รายใหญ่"
ตอบลบมาม่ะ มารวมตัวกัน ^ ^
ตอบลบบทความเสริมรอยหยัก ช่วยโหวตค่ะ
catpotter
มาม่ะ มารวมตัวกัน ^ ^
ตอบลบบทความเสริมรอยหยัก ช่วยโหวตค่ะ
catpotter
รวมตัวกันผลิตเองขายเองเอากำไรน้อยซื้อกันเองแล้วก็ปันผลกันเอง...55
ตอบลบ