วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เรื่องเล่าจาก Banker โดย ภาววิทย์ (ตอนที่ 5) "Risk"
ความเสี่ยง "The Risk"
ความเสี่ยงมันมาจากการ "หยุด" ..แชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็คือ "ระบบทุนนิยม" ดังนั้น การเคลื่อนตัวของระบบเศรษฐกิจเกิดจากการ สร้างเงินใหม่ แล้วถมเข้าระบบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ใช้กลไกของ "ความโลภ Greed เป็นกลจักรในการขับเคลื่อน"
ระบบเศรษฐกิจเราขับเคลื่อนด้วย Financial Innovation ซึ่งล้วนแต่สร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของ Risk (นั่นก็คือ เดิมที เครื่องมือเหล่านี้สร้างขึ้นมาเพื่อ "ลดความเสี่ยง" ไม่ว่าจะเป็น Derivative อย่าง CDO ที่เริ่มสร้างเพื่อการลดความเสี่ยงของ "เงินกู้บ้าน" แต่ท้ายสุด คนเราก็เอาไปใช้อย่างผิดวิธี จนที่สุดแล้วจากเครื่องมือ ลดความเสี่ยงก็เปลี่ยนมาเป็นระเบิดเวลา มาระเบิด Lehman Brother ในที่สุด
อาจจะฟังดู เท่ห์ ว่า Goldman Sachs สามารถรอดจาก Sub prime มาได้อย่างหวุดหวิด จนหลายคนมองว่า "เป็น Hero" เพราะขนาดสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Citibank ยังหนีวิบากตรงนี้ไม่พ้น.. Chuck Prince อดีต CEO ของ Citibank เคยกล่าวไว้ว่า "ทุกคนจงเต้นรำต่อไป ตราบเท่าที่เสียงเพลงยังคงบรรเลงอยู่" มันเป็นประวลีเด็ดที่ โชว์ภาพของความเป็น "เก้าอี้ดนตรี" ของระบบการเงินของอเมริกา (ที่เรียกว่าเป็นต้นแบบของ Financial Innovation ทั่วโลก)
เครื่องมือ ความเสี่ยงที่ผมจะเอามาแนะนำท่านวันนี้มี 2 ตัว ตัวแรกคือ Futures ส่วนอีกตัวคือ Options ..สิ่งที่ต่างกันระหว่าง Derivatives สองตัวนี้ก็คือ "ตัวนึงเสี่ยง" "ส่วนอีกตัวเสี่ยงกว่า"..เอ๋อ!! สรุปว่ามันเป็นเครื่องมือ ลดความเสี่ยง (Risk Control) หรือ เครื่องมือเพิ่มความเสี่ยงกันแน่!!
ถ้าจะให้พูดมันก็เหมือน "มีด" คือถ้าใช้ให้ดีมันก็มีประโยชน์ แต่ถ้าใช้ผิดๆ อาจบาดมือ ..ฆ่าคนอื่น ..แล้วก็ฆ่าตัวตายได้!!นั่นเอง
ประเทศเราเพิ่งจะได้ลิ้มลองกับ Futures และ Options ไม่นาน ..คือ บางคนบอกแค่หุ้น ตูก็มึนตึบแล้ว (จะเอาอะไรกับตูอีก!!) ...ตัว Futures และ Options ความเด็ดมันก็คือ Gearing หรือ leverage ซึ่งก็คือ คุณสามารถใช้เงินน้อยกว่า และ Take Bet ในจำนวนที่มากกว่า "และถ้าคุณคิดเช่นนี้ คุณกระโดดลงหลุมไปได้เลย .."ย้ำว่าฝังกลบ ไม่ต้องเผา!!"
(TFEX กับ Gold Future บ้านเราก็คือ Future ลองซื้อดู ขำขำ (อย่าง TFEX คนเล่นมีแต่ เซียน กับ prop. trade คนนึงเขี้ยวสาด อีกคนค่าคอมถูกกว่าตลาด 10 เท่า เราจะกระโดดเข้าไปปล่อยหมูคงไม่มีใครห้ามครับ อิ อิ) ..ส่วน Options บ้านเราไร้สภาพคล่องสิ้นดี ซื้อปั๊บระวังออกบ่ได้ ยิ่งตลาด Afet ตลาด Future Commodity ของไทย ..ดูแล้วเอาเถอะ -- ดังนั้น ใครสนใจตรงนี้ go Inter เท่านั้น ค่อยๆเรียนรู้กันไป)
การใช้เครื่องมืออย่าง Futures และ Options ให้เกิดประโยชน์มันเริ่มจากที่คุณจะต้องเข้าใจก่อนว่า มันช่วยลดความเสี่ยงให้กับคุณอย่างไร
ในตลาด Commodity การเกษตรอย่าง ข้าว , น้ำตาล ,ยาง ล้วนแต่เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสุดๆ ..จริงๆแล้วหลายๆคนมองว่า การลงทุนเปิดศูนย์การค้า เสี่ยงกว่า ปลูกข้าว ..จริงๆผมว่า คุณอาจต้องคิดใหม่ (หากใครดูราคาข้าว หรือ น้ำตาล ตั้งแต่ตอนต้นปี จนถึงตอนนี้ คุณเห็นได้เลยว่าราคามันขึ้นลง มากกว่า หุ้น!!)
การใช้ Futures ในการ ซื้อขายล่วงหน้า ผลผลิตทางการเกษตร เป็นสิ่งที่ชาติตะวันตกใช้เป็นเวลานานแล้ว(เช่น ตลาด CME) จึงไม่แปลกที่ก่อนลงทุนเพาะปลูก ชาวนาของเขารู้ก่อนแล้ว ว่าจะได้กำไรเท่าไหร่
ในประเทศไทยมีโรงน้ำตาลมากมาย แต่มีแค่ "มิตรผล"เท่านั้นแหละ ที่เริ่มมีหน่วยงานเล็กๆ อย่าง Futures Trading เข้าช่วยในการป้องกันความเสี่ยง จะเห็นได้ว่า โรงน้ำตาลทุกโรง รวยสุดๆ และก็จนสุดๆ ขึ้นลงตาม Cycle ในขณะที่ "มิตรผล" ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
หากใครยังจำได้ Soros ผู้ได้ชื่อว่า "The Man who break Bank of England" มันช่างเป็นความเท่ห์ อย่างมหาโคตร สำหรับนักการเงินอย่างผม ..คุณรู้ไหมว่าเครื่องมือที่ Soros ใช้คืออะไร (ใช่!! นี่แหละ Options)
ปัจจุบัน โรงน้ำตาลใช้ Futures ในการ Hedge หรือป้องกันในความเสี่ยง (ซึ่งโรงน้ำตาลในประเทศไทยเกือบทุกโรง ใช้บริการ Trading Company เหล่านี้) Trading Company เหล่านี้ใช้ Futures --- ถึงคุณจะไม่ต้องจ่ายเงินทั้งก้อนอย่างซื้อหุ้น แต่คุณต้องวาง Initial Margin ซึ่งอย่างเยื่ยมก็ต้องใช้ถึง 10% ของราคาสินค้าเป็นอย่างน้อย ..แต่ในมุมมอง Commodity Trader แล้วหากคุณใช้ Options ในการ Hedge มันหมายถึง จำนวนเงินที่น้อยกว่าการใช้ Futures เข้าไปอีก( เอ๋อ!! แต่ถ้าคุณ Trade Options แบบไม่มี Physical Back (คือ pure paper play) เอ๋อ!! ตายได้ง่ายๆครับ
สรุปว่า เครื่องมือแต่ละอย่าง มีความซับซ้อนและมีประโยชน์ รวมทั้งโทษอย่างมหาศาล ขึ้นอยู่กับคุณจะใช้มัน ..และนี่คือ "การแนะนำตัว Futures & Options -- (มีดสุดคมกริบ ในโลกแห่งทุนนิยม) ..ถึงเวลาแล้วครับที่ทุกคนจะต้องใช้มีดเล่มนี้ให้เป็น ก่อนมันจะบาดนิ้วน้อง... "อุ อุ!! คุงแม่ มีดบาดนิ้วน้อง!! ฮะ"
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น