แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ขัดจังหวะความมั่งคั่ง ซะหน่อย!!



ตัวผมจริงๆ ถือว่า โชคดี ที่ได้เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลง "ความมั่งคั่งของตระกูล อย่างใกล้ชิด" (จากรวยมาก มาเป็นรวยธรรมชาติ และมาเป็น รวยนิดๆ) แต่จริงๆแล้วผมก็มานั่งนึกๆว่า จริงๆเราวัดความมั่งคั่งจากอะไร

วันก่อนผมนั่งดู "Zeitgeist" video สารคดีที่หาดูไม่ได้จากแหล่งทั่วไป มีแต่ใน youtube "อันนี้ขอบอกว่า FBI Censor" เพราะเนื้อหามันแรง เริ่มตั้งแต่ ถ้าทายศาสนา ต่อมาก็ท้าทาย FED และต่อมาก็ท้าทาย 9-11 (ดูแล้วก็ตัวเบาขึ้น มันช่วยให้ภาพเก่าๆที่เคยศึกษา เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มัน "Flash!!" ขึ้นมา Before my eyes!!)

อย่างที่บอกครับว่า ปกติงานผม Banker ขลุกอยู่กับตัวเลขและข้อมูล (คือ ถ้าไม่เขียน Blog คงสติแตกไปแล้ว.. อิ อิ) ..ส่วนตัวแล้วผม ว่าการเดินอยู่ใน Mean ของตัวเอง และทำสิ่งที่เราชอบ โดยไม่เบียดเบียนใคร ผมว่ามันเป็นอะไรที่เรียกว่า "มั่งคั่ง"แล้วครับ

ช่วงหลังจากที่ผม ออกหนังสือ แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน กับทาง S2M มันเป็นการเปิดประตูให่้ผมเข้าสู่ ชุมชนของนักลงทุนอย่างแท้จริง ทุกวันนี้ผมใช้เวลาค่อนข้างมาก ในการพบปะและพูดคุยกับนักลงทุนหลายๆประเภท ..จุดนี้มันชี้ให้ผมเห็นเลยว่า "เงินมันสร้างจากความคิดจริงๆ หลายคนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุน เริ่มจากเงินเพียงน้อยนิดเท่านั้น" (แต่!! ต้องไม่ลืมว่า คนที่เจ๊ง มันมีมากกว่าเยอะครับ)

วันนี้พี่ป้อม"พี่ใหญ่ของ web stock2morrow โทรมาหาผม บอกว่าทาง TRIS ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำลังอยากจัดสัมมนา อยากให้ผมกับคุณป้อมร่วมใส่ input ในงานสัมมนา รวมทั้งต้องการหาข้อมูล จากรายย่อย "ประเด็นก็คือ การศึกษาว่ารายย่อยคิดอย่างไรนั่นแหละ" ...คืองานนี้ผมก็ตอบตกลง แต่ยังไม่รู้จะพูดอะไรดี!!

จริงๆแล้วมุมมองของการสร้างความรวยจริงๆ ผมกลับมองว่า "คุณต้องตัดมันได้" (ถูกต้อง)ผมหมายถึง ถ้าคุณมองว่า เงินก้อนที่คุณลงทุน คุณสามารถตัดมันออกไปจากชีวิตได้(หรือไม่)..ผมพูดถึงว่า เงินก้อนนี้เป็นเงินที่คุณจะไม่ต้องแตะมันอีกเลยชั่วชีวิต --- "การลงทุนด้วยเงินแบบนี้ ผมว่าผลตอบแทนมันจะมหาศาล!!"

หลักการของการลงทุน แบบนี้ จริงมันก็คือ Buffet นั่นแหละ ..ผมมานั่งนึกๆนะว่า ทำไมเขาทำได้ --จริงๆแล้วถ้านึกให้ดี หากใครเคยอ่านประวัติของ Buffet ตอนเริ่มต้นของ Partnership เขาแทบไม่ได้ใส่เงินตัวเองลงไปเลย ..ซึ่งถ้าคุณมองในจุดนี้ มันชี้ให้เห็นเลยว่า เขามองจากศูนย์ ดังนั้น ไม่แปลกที่เขามองเงินนี้ด้วยใจที่นิ่งมาก!! "เพราะผมไม่กลัวที่ มันจะกลับไปเป็นศูนย์"(ด้วยหลักการคัดหุ้นที่ Conservative อย่าง Buffet เป็นไปได้น้อยมากที่ หุ้นที่เขาเลือกจะเจ๊ง และนี่ก็คือ"หัวใจของหลักการนี้")

แต่ด้วยความประจวบเหมาะของ Buffet กับนโยบายของ FED ซึ่งเพิ่ม Supply และ Dilute ค่าเงิน ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา "มันเป็นช่วงที่เกิด Inflation ในอัตราเร่ง จุดนี้ถ้าวิเคราะห์ลึกๆแล้ว Buffet แทบจะไม่ได้ สร้างผลตอบแทนที่มากมาย แต่จุดที่เขายืน คือ "เขาสามารถชนะหรือ Beat Inflation ในขณะที่คนทั้งโลกทำไม่ได้"

จุดนี้ผมว่าเป็นปัญหาของคนรวยนะ "ซึ่งตัวอย่างที่ผมเอามาวิเคราะห์ก็ปู่ผมนี่แหละ" หากคุณต้องการรักษาสถานะความมั่งคั่งของคุณ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของ Inflation ในระยะยาว ผมมองไม่ออกว่า วิธีไหนที่จะสามารถชนะ หลักการของการ Hold Key Asset till your Dead!! (ผมว่ายากนะ!!)

โจทย์หนักอีกข้อของพวกเรายุคนี้ คือ "Key Asset" ของเรามันคือ perishable product ที่เน่าเสียได้ นั่นก็คือ Commodity ..จุดนี้ผมว่ามันต่างกับยุครุ่นปู่หรือรุ่นพ่อของเรา ที่รวยกันมาจากที่ดินและ Real Estate !!

2 ความคิดเห็น:

  1. พวก commodity มันเป็น cyclic หากอ่านทางออกรวยได้มากจริงๆ
    ถ้าเข้าตอนช่วงต้นของวัฐจักร ส่วนตัวผมตอนนี้มองว่ากลุ่มพลังงานกำลังจะมาแล้วเหมือนกับที่คุณภาววิทย์เคยdiscussไว้ครับ
    เข้ากันตอนนี้ยังทันนะผมว่า แม้จะไม่ใช่ ตีนดอย
    ส่วนหลักของ buffet ผมมองว่าเอามาใช้กับcommodity ไม่ได้เพราะ buffet ถือหุ้นแบบ till you dead
    แต่กลุ่ม commodity ถ้าถือยาวจนเป็นขาลง หรือมัน perished ซะก่อน เรา dead แน่ๆ

    ตอบลบ
  2. ผมได้ดู Zeitgeist Addendum จบแล้ว "Slavery" through "Debt" and the killing blow with "Interest" ได้มุมมองที่อธิบายได้ถึงเหตุผลที่เทคโนโลยีใหม่ๆไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน และทำเป็น mass ยากเหลือเกิน สงสัยว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 คงเป็น Corporatocracy VS Technocracy เป็นแน่แท้

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ