วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553
George Soros กับมุมมองที่ไม่มีใครเข้าใจ!!
พ่อมดทางการเงินนาม George Soros ผู้ล้ม Bank of England และทำลายค่าเงินบาท ทั้งหมดนี้หลายคนมองว่าเป็นความผิดของ Soros แต่ผมกลับไม่คิดเช่นนั้น ..ไม่มีใครในโลกหรอกครับ ที่มีพลังพอที่จะทำลายล้างได้ "บ้าบอขนาดนั้น"..จริงๆ Soros เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นต่างหาก!!
หลายครั้งที่ Soros พยายามเสนอแนวคิดของ "Reflexivity"( Soros เขียนเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครอ่านแล้วเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะ ผมว่า Soros เองก็ยัง งง อยู่ว่าแนวคิดที่เสนอมันคือ ทฤษฎีหรือไม่..เฮอะ ๆๆ)--ผมว่าจริงๆมันไม่ใช่ทฤษฏีนะ..ว่าแต่จะเป็นไม่เป็น ก็ไม่เกี่ยวกับเรา --เอาเป็นว่า "เรามาทำความเข้าใจ แนวคิดเงิน Billions อันนี้กันดีกว่าครับ!!"
"นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกเชื่อว่าตลาดเสรี มีความสมดุลย์ นั่นคือหลัก Equilibrium ที่ท้ายสุดแล้ว ราคาจะกลับมาสะท้อนพื้นฐานของกิจการ" ซึ่งจริงๆแล้วมัน Make sense (เพราะทุกอย่างมี Demand & Supply เป็นที่ตั้ง ..แต่แนวคิด Reflexivity ของ Soros มันเป็นส่วนเสริมของทฤษฏีความสมดุลย์(Equilibrium)ต่างหาก)
ที่ผมบอกว่าแนวคิดของ Soros เป็นส่วนเสริม ก็เพราะ Soros พูดถึงตลาดมันจะวิ่งไปสุดๆทางด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจุดนี้ก่อให้เกิด Boom & Bust ของ Cycle --- "พื้นฐานของคนมีความโลภเป็นที่ตั้ง ดังนั้น เงินจะวิ่งเข้าหาที่สูง ส่งผลให้ตลาด Bubble เสมอ (คิดดูซิ ว่าคนเราเล่นหุ้นเวลาไหน!! --ก็เล่นตอนหุ้นขึ้นไง ยิ่งหุ้นแพงคนก็ยิ่งซื้อมันจึงเกิดเป็น Bubble ) และเมื่อตลาดขึ้นเลยความจริงไปมากๆ ท้ายสุดมันก็จะตกลงมา (แต่เวลาตก ก็อยู่บนพื้นฐานความกลัวเป็นที่ตั้ง ดังนั้น เมื่อหุ้นตกแรงๆ คนก็จะคิดว่ามันจะตกต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนเทขาย ผลก็คือราคามันก็จะตกสุดๆ หรือ ตลาด Crash นั่นเอง)
ในภาพใหญ่ระดับ Macro หากคุณมองอาณาจักรอเมริกา จะเห็นได้ว่า "เงินดอลล่าห์" นี่แหละที่ไม่เคยอยู่ในจุด Equilibrium เลย..เงินดอลล่าห์ ลดค่าลงเรื่อยๆ แต่ในเวลาเกิดวิกฤตแรงๆ คนทั่วโลกกลับวิ่งเข้าหาดอลล่าห์อยู่ดี "สิ่งนี้สะท้อน Reflexivity ได้ชัดเจนจริงๆ"(อเมริกาสามารถสร้าง Platform ทางการเงิน ที่บิดเบือนค่าความเป็นจริง ส่งผลให้อเมริกาเป็นศูนย์รวมแห่งเงินทั่วโลก ดังนั้น ราคา Asset ในอเมริกาคุณว่ามันสะท้อนราคาจริงๆเท่าไหร่ล่ะ!!)
ดังนั้นถ้าจะสรุปแนวคิดของทฤษฎี Reflexivity ของ Soros ก็คือ (ทฤษฎี "ความโลภ + ความกลัว")--ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ปัญหาคือ พอเกิดเหตุการณ์จริง คุณก็โดน "ความโลภ + ความกลัว" ครอบงำอยู่ดี!! ส่งผลให้เราซื้อหรือขายหุ้นแบบโง่ๆอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้!!
ที่ Soros รวย!! -- ก็เพราะเขาสามารถเอาชนะกลไกของ "ความโลภ + ความกลัว" ได้ (ซึ่งในโลกนี้มีคนไม่กี่คนที่สามารถชนะกลไกนี้ได้ คนแรกก็คือ พระพุทธเจ้า... ส่วน Soros กับ Buffet ก็ทำได้มากกว่าคนทั่วๆไปนิดหน่อย แต่แค่นี้ก็รวยสุดๆ แล้วกั๊บ!!)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
เมื่อคืน 1 มีนาคม 2555 คุณแม่โทรมาบอกว่า "แพ้ท!! คุณตาท่านเสียแล้ว" ผมก็รู้สึกใจหายอย่างมาก เพราะคุณตาเป็น เสมือนต้นแบบ ที่สอนให้ผ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
"อึมครึม"..ดูแล้ว น่าลงทุนมาก..(อ้าว!!ไหงเป็นงั้น) --"แต่!!" ขอย้ำว่า "ต้องเป็นเงินนอน อีกเช่นเคย" ผมว่าหลายคน...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
“ความ(บ้าคลั่ง)ของทุนนิยม” … “ใช่แล้ว..เราทุกคนอยู่ภายใต้ทุนนิยม หนีไม่พ้นแม้แต่คอมมิวนิสต์อย่างจีน หรือ Russia” ความบ้าคลั่งของทุนนิยม เริ่...
-
6 หลัก ลงทุนที่ช่วยให้เรารวยได้เร็วและง่ายขึ้น ณ บัดนาว !! 1. ‘ลงทุนในสินทรัพย์ด้วยเงินส่วนใหญ่’ …แทบจะตลอดเวลา เพราะ เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...
-
5 หลักการหา S Curve ใหม่ เพื่อโอกาสที่ใหม่ใหญ่ขึ้น 1. ‘S Curve คือ ความบังเอิญ ไม่ใช่การวางแผน’ …พูดง่ายๆ ทุกสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่ ม...
-
10 ข้อเสีย ของลูกคนรวย เดี๋ยวนี้เราเห็นชีวิตคนรวยมากขึ้น จาก Social ..ส่วนใหญ่ก็มักจะปลอม ..ไอ้มีจริงๆ ไม่ค่อยโชว์ ..แต่ทั้งหมด เรา...
-
6 ข้อ คิดลงทุนแบบคนมีเงิน ทำได้ตั้งแต่เรายังไม่มีเงิน 1. ‘มองที่ความเสี่ยง ก่อนมองผลตอบแทน‘ …ถ้าเราซื้อหวย แปลว่า เรามองผลตอบแทนมากกว่าความ...
-
"ความหมายชีวิต และ ความสำเร็จ ของแต่ละคน" ..ไม่มีใครเหมือนกันเลย ...หลายคนมองว่า เงิน คือ คำตอบของทุกสิ่ง แต่เมื่อเขามีเงิน ก็...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น