แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“ภาววิทย์” คุยกับ “ป๋ากิ้ง” ตอนที่ 4 รู้ทันเศรษฐกิจ New Economy ก็รวย!!


ป๋ากิ้ง : ป๋าแพ้ท บอกว่าได้ประเด็นดีๆ จากการคุยกับ ดร.กอบศักดิ์ (พี่กอบ) ..ไหนเล่าได้ไหม ว่าป๋าแพ้ท ได้อะไร

ภาววิทย์ : โอเค !! จะเข้าใจเศรษฐกิจ คุณต้องเข้าใจภาพรวมก่อน …ผมจะยกตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดมาวิเคราะห์ให้ฟัง “จริงๆ ผมจะบอกว่า ตัวเลขเศรษฐกิจพวกนี้มีประโยชน์มากๆ แต่คนส่วนใหญ่มองมันเป็นตัวเลข และเมื่อมันเป็นตัวเลข มันก็ดูไม่รู้เรื่อง …สิ่งที่คุณต้องทำอย่างแรก เมื่อคุณได้ตัวเลขเศรษฐกิจ คือ คุณต้องเปลี่ยนเป็นภาพ เป็นเรื่องราว อย่างถ้าหนังสือพิมพ์ บอกปีนี้ “การส่งออกแตะ 1.77 แสนล้านดอลลาห์” (หมายความว่าอะไร ใช่!! มันไม่รู้เรื่องเลย) เพราะประการแรกคุณไม่ได้ เอาตัวเลขมาเปลี่ยนเป็นเรื่องราว มันจึงไม่น่าสนใจ “แต่สำหรับผม มันเป็นประโยชน์มาก” ..มาดูกัน

อย่างแรกจะเห็นภาพคุณต้องรู้ภาพรวมใหญ่ และหน่วยในการคำนวณ ต้องเป็นหน่วยเดียวกัน ..อย่างผมชอบเปลี่ยนหน่วยทุกอย่างออกมาเป็น billion dollar เพราะมันง่ายต่อการเปรียบเทียบแล้วเห็นภาพ เพราะ ผมชอบอ่านนิตยสาร Fortune หรือ Forbes เวลามันเปรียบเทียบขนาดของบริษัทต่างๆ นโยบายของ Obama ตัวเลขการค้าของโลก ความรวยของ Bill Gates เรื่องราวทุกอย่าง จะมีหน่วยเป็น US Dollar ดังนั้น อย่างแรกเปลี่ยน หน่วยการรับรู้ให้เป็นหน่วยเดียวกัน

ประเทศไทยมี GDP $246 billion (ในขณะที่ Warren Buffet รวยประมาณ $50 billion) ตัวเลขการส่งของเราล่าสุด ณ เดือน November 2010 คือ 177,977 ล้านบาท เอามาเปลี่ยนเป็นหน่วยดอลลาห์ ก็เท่ากับ $177 billion เงินฝากรวมทั้งประเทศไทยรวมกัน $ 220 billion ตลาดหุ้นประเทศไทยทั้ง SET รวมกัน $280 billion
มาดูตัวเลขล่าสุดการส่งออกของเรา (ดูที่ภาพ)

คุณก็เห็นแล้ว ว่า ASEAN-10 กับการรวมตัวของ AEC จะส่งผลให้เอเชีย เติบโตแบบพึ่งตัวเอง
ที่ชอบยกตัวอย่างกัน เช่น การค้ากับอเมริกา ที่บอกๆกันว่า เยอะๆ จริงๆ คิดเป็นแค่ 10% ของการส่งออกเราเท่านั้นเอง อย่างจีนก็เพิ่มบทบาทการค้ากับเรามากๆ ดังนั้น นี่แหละภาพที่ผมอยากจะบอกว่า คุณต้อง แปลข้อมูลเป็นภาพ จากนั้นคุณถึงจะแปลเป็นความหมายให้เข้าใจได้ง่ายนั่นเอง

จากที่คุยกับพี่กอบ นี่ผมเข้าใจภาพเลยว่า ที่คนส่วนใหญ่มองว่า เรากำลังจะแย่ เพราะยุโรป เพราะอเมริกา แต่แท้จริงแล้ว เราเริ่มพึ่งพากันเองในเอเชียมากขึ้น ..ประเทศที่น่ากลัวจะ Bubble ก็คือ ประเทศที่ไม่เคยเกิดวิกฤต อย่างบ้านเรามีวิกฤต ตลอดเวลา หมายคนมองว่ามันแย่ แต่พี่กอบกลับมองว่า มันดี เพราะ เงินร้อนก็จะเข้าตลาดเราน้อยลง โอกาสที่เราจะ Bubble ก็น้อยลง …ประเทศที่น่ากลัวกลับเป็นจีน กับ อินเดีย แค่ถ้าถามว่า ใครกระทบเรามากกว่า “แน่นอน คุณดูตัวเลข ก็จีน เพราะเราค้าขายกับเขามากกว่า” ..แต่ อย่างปัจจุบัน จีนเป็น “เผด็จการทุนนิยม” ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจความผันผวนสุดโต่งอย่างในปัจจุบัน การมีการเมืองที่มั่นคง มันได้เปรียบอย่างมาก ..ดูสิงคโปร์เป็นตัวอย่าง

ประเทศที่อาจจะ Bubble ก่อนจีน น่าจะเป็นอินเดียด้วยซ้ำ เพราะอินเดียโตด้วย Private Sector คือ เอกชนนำ ตรงนี้จริงๆควบคุมยาก (เพราะมันไม่ใช่ Control Market เหมือนจีน) …ดังนั้น วิกฤตคราวหน้าจับตาอินเดีย น่าจะเกิดก่อนจีน
ทุกวิกฤต ที่ไม่เกี่ยวกับเรามันเป็นโอกาสให้เราเข้าซื้อหุ้นทั้งนั้น เพราะอย่าง Subprime เป็นตัวอย่าง มันแย่แป๊บเดียว จากนั้นมันก็กลับไปเร็ว !!

“มองวิกฤตให้เป็น โอกาสในการช้อนซื้อหุ้นถูก …สบาย!!”

5 ความคิดเห็น:

  1. ขอแสดงว่าคิดเห็นหน่อยนะครับ
    คือผมคิดว่ามีโอกาศที่ตลาดหุ้นไทยจะไม่ตกอย่างรุนแรงน่ะครับ อาจจะกลายเป็นตลาดที่ขึ้นแล้วไปถึงจุดจุดหนึ่ง(ตรงไหนไม่รู้) ก็จะกลายเป็นตลาดที่นิ่งไปเลยนะครับ

    เพราะอย่างแรกเลย คนเริ่มมีความรู้มากขึ้น เริ่มระวังตัวกันมากขึ้น รวมถึงคนที่กำลังรอให้หุ้นตก เพื่อที่จะได้ซื้อตามหลักการของ VI หลายๆคนน่ะครับ ก็แสดงว่า เมื่อตลาดร่วงลงมาได้ไม่มาก ก็น่าจะมีแรงซื้อย้อนกลับมาน่ะครับ (เพราะคนส่วนใหญ๋รอให้ตลาดลง แสดงว่าเมื่อตลาดลง คนก็จะเข้ามา ทำให้ตลาดขึ้นแทน)

    นอกจากนั้นยังมีความคิดเห็นเกี่ยวกับ PTT oนะครับ
    คือผมเห็นข้อเสียเล็กประมาณ 3 ข้อน่ะครับ
    1 เป็นห้นที่น่าสงสาร ทำอะไรก็ผิด โดยขัดขาตลอดเลยน่ะครับ
    2 เป็นบริษัทที่ไม่มีวัตถุดิบในประเทศน่ะครับ (ซื้อน้ำมันจากนอกเอา)
    3 เป็นบริษัทที่ใช้เงินไปกับพนักงานมาก (หรือว่ากำไรมากเกินไปหรือยังไงน่ะครับ)

    ไม่ทราบว่า พี่แพทมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ

    ตอบลบ
  2. ผมว่าตลาดมันคงมี Correction แรง คือลงแรง แต่มันจะขึ้นเร็ว เพราะใช่แล้วครับ มีคนอีกเยอะที่ตกรถไฟขาขึ้นรอบนี้ จ้องจะเข้าตลาด ดังนั้น เขาจะเข้าจริงก็เมื่อตลาดมันลงไปแรงแล้วกลับขึ้นมาอีกรอบ ... มันน่าจะเป็นการขึ้นของ Wave 5 "แต่จุดที่ผมมองว่าจะจบรอบ Wave 3 ต้องขึ้นไปแรงๆอีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี" ...ดังนั้นให้เห็นภาพใหญ่ แต่ยังไงเราไม่ต้องกลัวเพราะ Momentum ตอนนี้ยัง Bullish อีกเยอะครับ ...ส่วน PTT เป็นหุ้นการเมือง แต่มันก็ไปพร้อมๆกับ SET แหละครับ "จุดชี้ขาดของหุ้นตัวนี้อยู่ที่ Foreign Investor ใหญ่ๆ ซึ่ง ณ ตอนนี้กลุ่มคนพวกนี้ ยังไม่ก้าวเข้ามาในตลาดไทยเลยครับ" ..ก็รอดูต่อไปครับ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณมากครับ

    กำลังศึกษาเรื่อยๆอยู่ อิอิ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ27 ธันวาคม 2553 เวลา 00:09

    ขอถามด้วยครับ
    เรื่อง book value ของ ptt อะครับ
    มันไปหนักอยู่ตรง พวก infra หรือ ท่อ อยุ่ซะเป็นส่วนมาก
    ของพวกนี้มันขายยากไม่เหมือน เหมือน ที่ดิน หรือ สินทรัพย์ตัวอื่น
    เราควรมอง p/bv ptt ยังไงครับ

    ตอบลบ
  5. ก็คิดเหมือนเดิมแหละครับ เพราะ Book value เราแค่วัดมูลค่าเพื่อความสบายใจในการลงทุน --- ในทางปฏิบัติจริง PTT ไม่มีทางปิดกิจการอยู่แล้ว ดังนั้น เรายิ่งได้ประโยชน์จากท่อเหล่านั้นแหละครับ ที่ผูกขาด NGV ของประเทศ

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ