วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ทำไมเรายินดีที่จะโฆษณาให้ Facebook ล่ะ!!
ทุกวันนี้แทบไม่มีใครไม่รู้จัก Mark Zuckerberg (เด็กหนุ่มอายุเพียง 20 กว่าๆ ผู้ก่อตั้ง Facebook จาก Dorm ในมหาวิทยาลัย Harvard) เอ๋อ!! ว่าแต่ ถ้า Facebook ก่อตั้งจาก มหาวิทยาลัยเมืองไทย คงไม่ดังเท่านี้ (คิดแล้วอยากย้าย ไปเกิดใหม่ใน USA ฮ่า ฮ่า .. แต่ถึงไปเกิดได้จริง ก็อาจเข้า Harvard ไม่ได้ ..งั้นอยู่อย่างนี้ดีแล้ว..หุ หุ หุ)
"ทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่า Facebook มันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม --นอกจากงาน ..ก็เข้า Facebook แล้วก็เล่นหุ้น ..แล้วก็โดนไล่ออก มัวแต่เล่นหุ้น..แหะๆ ๆ --(ยัง ๆ ๆ ..ยังไม่ตกงานครับ)--- (แต่มันแปลกมากที่ อยู่ดีๆชีวิตของพวกเราหลายๆคน ก็ถูกหนุ่ม Mark Zuckerberg เปลี่ยนวิธีการติตต่อและสื่อสารของพวกเราไปส่วนหนึ่งเลยทีเดียว)
เดี๋ยวนี้นั่งๆอยู่ต้อง หยิบ BB หรือ ไม่ก็ Notebook ขึ้นมา Check BB แล้วตามด้วย Facebook ..อย่างผมก็เผอิญต้องลากกราฟด้วย เลยต้องเอา Air Card มาเล่น เรียกได้ว่า เสียเงินค่าบริการให้ AIS และก็ใช้ Facebook ..."หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ผมก็โทรศัพท์ไปหา Broker แล้วตัดสินใจซื้อหุ้น ADVANC เข้ามาใน Port" ...เรียกได้ว่า จากที่เคยรู้สึกห่วยๆกับค่ายมือถือ ก็เปลี่ยนมาเป็นความผูกพันธ์ "เพราะผมได้กลายมาเป็นเจ้าของ AIS แล้วนั่นเอง...อิ อิ"
ประเด็นคือ วิธีการที่มนุษย์ติดต่อสื่อสารกัน มันเปลี่ยนไป ...ผมยอมรับเลยว่า ผมชอบคุยใน Facebook มากกว่า ..และเนื่องจากเราคุยกับคนมากมายใน Online อยู่แล้ว ความรู้สึกโดยปกติจึงรู้สึกอยากสันโดษเงียบๆคนเดียว เวลาว่าง (เอิ๊ก ๆ ๆ ..เหมือนโฆษณาของ DTAC เลย ที่กลายเป็นว่า มือถือและโลก Online ..มันดึงคุณออกจากสังคมรอบข้าง!!)
(แต่!!) ผมไม่ได้มองว่า พฤติกรรม Online ของผมจะเป็นปัญหา เพราะท้ายสุดแล้ว ผมมองว่า ความสุขของเรามันอยู่ที่ "ตัวเรา" เป็นผู้ประเมิน ..ไม่ใช่คนรอบข้างจะมาบอกอะไร แล้วเราจะต้องรู้สึกอย่างนั้น ... ถูกไหม!!
"ความสุขของผมในวันนี้ คือ การได้ศึกษาการลงทุน และเผยแพร่ความรู้ในเวลาเดียวกัน".. (มันทำให้ความรู้ของผมแม่นขึ้น เพราะการถ่ายทอดมันเป็นการ Defined Knowledge ..ทำให้ความรู้ที่คุณได้มา มันตกผลึกทางความคิดนั่นเอง) ..ถูกแล้วครับ!! แนวทางของผมมันไปตรงกับ ป๋ากิ้ง และ เด็กหนุ่มนักลงทุนอีกหลายๆคน ในทีม S2M Money Kid!! ที่หมุนเวียนกันมาถ่ายทอดความรู้ และความเฮฮา ในรูปแบบต่างๆ ทั้งงานเขียนผ่าน กระทู้ stock2morrow , ผ่าน Blog , Facebook รวมทั้งผ่านการจัดสัมมนาของ S2M อย่างต่อเนื่อง
กลับมาประเด็น Facebook ..หลังจากที่ผมใช้มันอย่างจริงจัง มันทำให้ผมมองเห็นประโยชน์ที่แท้จริงของ Social Network ซึ่งมันให้ประโยชน์ต่างกัน ตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ ..อย่างทีมหนุ่มๆนักลงทุนของ S2M เราทุกคนก็จะเปิด Facebook ไว้เป็นอีกช่องทางในการ พูดคุยกับเพื่อนๆ ที่ติดตามผลงาน ซึ่งจะว่าไป มันก็คือ จุดที่เราได้รับ Feedback และเป็นแหล่งที่แลกเปลี่ยนความรู้เป็นอย่างดี (มีประโยชน์..ว่างั้นเถอะ!!)
ผมจะยกตัวอย่างให้ดู ที่ Facebook ของผม "Pawawit Stock Comment" (คลิ๊กที่นี่ http://www.facebook.com/home.php?#!/pages/Bangkok-Thailand/Pawawit-Stock-Comment/327341826315 )
นี่เป็นตัวเลขของการเข้ามาเป็นเพื่อน "กด Like" ..ถ้าดูจากสถิติ ผมเพิ่งเปิดหน้า Pawawit Stock Comment มาแลกเปลี่ยนความรู้กันเรื่องหุ้นแค่ 6 เดือนที่ผ่านมา ..สิ่งที่น่าสนใจคือตัวเลขของการเติบโต มันไม่ใช่ 1 + 1 แต่มันโตแบบ exponential "แบบทบทวีคูณ" (ตอนนี้ยอดเพื่อนๆของผมแตะ 3,000 กว่าคนสูงกว่า Facebook อย่างเป็นทางการของหลายๆ Broker ด้วยซ้ำ)... มันก็เป็นเรื่องที่ท้าทายสื่อในโลกเดิมเลยก็ว่าได้ ..เพราะถ้าคิดให้ดีแล้ว มูลค่าของสื่อ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ ทั้งหมด ..มันไม่ได้มีค่าที่ตัวของมันเอง
"สื่อ" จะมีค่าก็ต่อเมื่อ "มีคนมาดู มาอ่าน หรือ มาฟัง..คือพูดง่ายๆว่า มูลค่าของสื่อคือ "เวลาของคน" ที่ใช้กับการบริโภคสื่อนั้นๆ นั่นเอง ....ใช่แล้ว!! ช่อง 3 รวยเป็นหมื่นล้าน เพราะคุณให้เวลาของคุณกับ ละครน้ำเน่ามากหน่อย..หุ หุ (ล้อเล่นนะ มันมีต้องมีบ้างนะ ขำขำ ..แต่นี่ก็คือจุดที่สื่อรวย "เวลาของคุณนั่นเอง!!")
ทุกวันนี้ Facebook ได้เวลาของผมไปค่อนข้างเยอะ แต่จุดต่างคือ Facebook มันไม่ได้เป็น Content แต่ตัว Content หรือเนื้อหา มันกลับเป็นสิ่งที่เรากำหนดเอง ..อย่างผมสนใจเรื่อง การเล่นหุ้น ดังนั้น เนื้อหาใน Facebook ของผมย่อมมีแต่เรื่องหุ้น จะไม่มีละครน้ำเน่าเข้ามา ..อย่างคนที่ชอบละคร Facebook เขาก็อาจจะมีแต่ละคร หรือ บางคนก็มีแต่เพลง "นี่แหละความสยองที่ช่อง 3 และสื่อต่างๆ กำลังเผชิญ"
Facebook คืนอำนาจให้กับผู้บริโภคให้เป็นคนกำหนดเนื้อหาเอง ในขณะที่ BEC ช่อง 3 กำหนดเนื้อหาให้คุณบริโภค ..โอ้โห !! งั้นพรุ่งนี้ขายหุ้น BEC ไปซื้อหุ้น Facebook แทน ..หุ หุ (ล้อเล่น ๆ)
ดังนั้น ในความหมายของ Social Network ที่ Facebook เป็นเจ้าตลาด มันจึงกลายเป็นขุมทรัพย์แฝงที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น .."คุณคิดดูนะครับ เด็กอายุ 20 กว่าๆ กับความคิดที่จะสร้าง Platform การสื่อสารระหว่างมนุษย์ในรูปแบบทางเลือก.. คือ เขากำลังปั้นรูปแบบ การติดต่อสื่อสารของคนรุ่นใหม่ --มันเป็นโจทย์ที่ท้าทายและสุดโต่งมาก!! (คิดได้ไง)"
ทุกวันนี้เรายินดีจะโปรโมท Facebook นั่นก็เพราะ Facebook มันทำหน้าที่โปรโมรทเรา .."ตกลงใคร ปั้นใครวะเนี่ย..ชัก งง!!" อยากรู้ต้อง E-mail ไปถามผู้ก่อตั้ง Mark Zuckerberg ฮ่า ฮ่า
เอาเป็นว่า เกมของ Social Network มันเพิ่งเริ่มต้น ..เพราะในที่สุดก็จะต้องมีผู้เล่นรายใหม่ที่เข้ามาท้าทาย Facebook เหมือนที่ Facebook เข้ามาท้าทาย Myspace ก่อนหน้านี้ -- อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ Social Network ผมมองว่า เป็นการเอื้อต่อการสร้าง Platform ที่เป็นประโยชน์ต่อ Content ของผู้ใช้ ต่างหาก ..อย่างผมที่เลือกใช้ Facebook ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องหุ้น เพราะมันเป็น Platform ที่ง่ายในการ เผยแพร่ความรู้ ถามตอบ หรือแม้กระทั้ง Post กราฟหุ้น
แต่ถามว่า ข้อจำกัดมีไหม ..(มีครับ!!) ผมมองว่า สิ่งที่ Facebook ขาด มันคือการย้อนดูข้อมูลย้อนหลัง ที่ไม่สะดวกเอาเสียเลย ..ซึ่งจุดนี้ผมก็ใช้ Blog มาเก็บเนื้อหาย้อนหลังแทน (แต่ก็อีกนั่นแหละ ..เพราะ Blog มันก็ไม่สามารถเก็บรายละเอียดทั้งหมดที่คุยกันใน Facebook เอามาเก็บไว้ดู ..) "นี่แหละครับ เป็นธรรมดา ทุกอย่างมันไม่มีอะไรที่ Perfect มันถึงไม่มีใครหรือธุรกิจใดที่เจ๋งตลอดกาล ...สิ่งสำคัญที่สุดมันคือ idea และการเติมเต็มความต้องการของ เพื่อนมนุษย์ด้วยกันต่างหาก ที่มันคือ หนทางสู่ชัยชนะในโลกของธุรกิจและชีวิตจริง"
ความรวยหรือความสำเร็จ หากเริ่มด้วยการกอบโกย มันจะนำทางเราห่างออกไปจากความสำเร็จ เพราะยิ่งกอบโกยคุณยิ่งโลภ เมื่อโลภ มันก็ยิ่งจะไม่ได้อะไรเลย... จาก Facebook สู่การลงทุน --คำตอบมันคือการใช้แต่เพียงพอ และปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันสะท้อนมูลค่าของมันเอง ยกตัวอย่าง คนที่อยากได้กำไรเร็วๆจากการลงทุน มีจุดป้องกันความเสี่ยงที่สูงสุด (คือไม่ยอมรับความเสี่ยง) ผลที่เกิดขึ้นคือ การลงทุนหรือการ Trade ทุกครั้งของเขา มีความเสี่ยงอย่างจำกัด ซึ่งก็นำมาสู่ การได้กำไรอย่างจำกัดเช่นกัน
ไม่มีใครหนีพ้นหลักการ High Risk High Return / Low Risk Low Return ...ดังนั้น คนที่อยากรวยคือ คนที่จะต้องกล้ารวย นักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ของโลก สามารถรอคอยเป็นเวลานานให้การลงทุนแต่ละครั้งเขากำไรจนสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงอย่างเต็มที่ แต่คนส่วนใหญ่กลับหวังว่า จะอาศัยช่องว่างของเวลาและพยายามทำกำไรจากความผันผวนของตลาด(ซึ่งคาดเดายาก) โดยหวังว่า "ตัวเราจะเก่ง และโชคดีกว่ามนุษย์คนอื่น"
ถ้ามันง่ายเช่นนั้น คงจะมีคนรวยในโลกมากกว่านี้ !! ..อย่างกรณีของ Buffett เขาสามารถรอให้หุ้นที่เขาลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ร้อยเท่าตัวในเวลาถึง 40 ปี (ไม่มีใครทำได้อย่างเขาหรอกครับ หุ้นที่เราถือขึ้น 1 เท่า เราก็วิ่งขายแล้ว) หรืออย่าง Mark Zuckerberg ขนาดอายุน้อย ยังไม่ชิงสุกก่อนห่าม รีบขายกิจการ ..เขากลับรอให้กิจการเริ่มมีจำนวนสมาชิกที่แน่น และแนวทางที่ชัด ก่อนจะเปิดตัวสู่นักลงทุน ...ในขณะที่ Myspace กับรีบขายให้ New Corp. "สิ่งเหล่านี้มันเป็น ความกล้าบนความเสี่ยงที่ น้อยคนจะทำได้"
อึดจริงๆ !! (ฮ่า ฮ่า)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
เป็นไปได้มั้ย ว่าอนาคต คนจะไม่เสียค่ามือถือกันแล้ว แต่จะเปลี่ยนเป็นค่าอินเตอร์เน็ตแทน ใช้มือถือแชตกัน คุยกันผ่านเน็ต ได้ทุกที่ทุกเวลา เชื่อมั้ยทุกวันนี้ใช้เน็ตโทรคุยกะเพื่อน ไม่ต้องเสียค่าโทรเลย จะต่างประเทศหรือในเมืองไทย ยกเว้นก็แต่ต่างจังหวัดไกลๆ โนน้ ที่ยังใช้มือถือโทรหาอยู่ แต่เชื่อว่าวันหนึ่ง มาแน่นอน เมือมือถือเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ เมื่อ 3G 4G 5G มา555 จำได้ว่าเมือสิบกว่าปีที่แล้วยังเขียนจดหมายหากันอยู่เลย 4ปีก่อนก็ยัง ใช้มือถือโทรหาพ่อ ทุกวันนี้ใช้เน็ตโทรฟรีจ้า
ตอบลบชีวิตหลังเกษียณก่อนอายุของดิฉัน ก็เป็นชีวิตนั่งหน้าคอมพ์ตั้งแต่ตืนนอนจนถึงก่อนนอน - ดูข่าวหุ้น การเมือง กระทู้ตามเว็บต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ facebook เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะ จะไม่พลาดสักวันคือ pawawit stock comment - ไปไหนก็ต้องมีโน้ตบุ๊คตัวหนึ่งติดตัวไปด้วยเสมอ (ยกเว้นเวลาเข้าห้องน้ำ) ทำงานบ้านและทำอาหารก็มีโน้ตบุ๊ควางใกล้ๆตัว เพื่อฟังรายการที่ชอบ (หุ้น เศรษฐกิจ การเมือง) เอ... นี่เราเป็นเอามากเหมือนกันนะเนี่ย อิอิ...
ตอบลบ