(หุ้น BJC ของเจ้าสัวเจริญ "เจ้าพ่อแห่งวงการน้ำเมา เจ้าของราชา Take Over เมืองไทย")
พูดถึง "เจ้าสัว" แล้วมันเป็นอะไรที่ตื่นเต้น ดูยิ่งใหญ่จริงๆ .. ผมนั่งศึกษาหุ้นเยอะมากในตลาดเพื่อเอามาเป็น Case Study ที่ช่วยให้ภาพการลงทุน มีความชัดเจนขึ้น ..สิ่งที่ผมสงสัยคือ "หุ้นหลายๆตัวมาก ราคานิ่งมาเป็น 15 ปี อย่าง BJC หรือ CPF ...ทำไมต้องมาขึ้นปีนี้" (-- "เอาใหม่ ถามใหม่ ให้ชัดขึ้น" ....ทำไมต้องเอาหุ้นขึ้นปีนี้ แสดงว่า 15 ปีที่่ผ่านมา เศรษฐกิจมันไม่ดีหรือ ..ไหนใครๆก็บอกว่าก่อน Subprime ทำมาหากินคล่องไงล่ะ ..แล้วทำไมต้องปี 2010 ล่ะ!!)
จะใช้คำว่า "ปั่น" มันอาจจะแรงไป สำหรับหุ้นที่มีพื้นฐานดี ..ขอใช้คำว่า "เอาหุ้นขึ้นละกัน ...จะด้วยวิธีใด ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ..เพราะหุ้นไม่มีทางขึ้นได้แรงๆ ถ้าเจ้าของหุ้นไม่เปิดไฟเขียว"
ผมเป็นคนที่ชอบ เลือกหุ้นเล่นไม่กี่ตัว เพราะต้องพยายามศึกษารอบด้านก่อนว่า กิจการนี้เป็นอย่างไร ตั้งแต่ภาพรวมอุตสาหกรรม มันจึงต้องใช้เวลามาก ...สิ่งที่ผมเห็นจากการศึกษาหุ้นในตลาดพบว่า "กิจการดีๆ ที่ปันผลดีเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ แต่ราคาหุ้นที่ Trade กลับราคาต่ำกว่า Book Value และจุดนี้ส่งผลให้หุ้นนั้นๆ ไม่มี Volume ในการซื้อขาย "ถึงหุ้นมันดีมาก แต่ถ้าไม่มี Volume ในการซื้อขาย ..คุณก็ซื้อไม่ได้อยู่ดี"
คุณสงสัยเหมือนผมไหมว่า "ทำไมเจ้าของหุ้นเหล่านี้เขาไม่อยากขายหุ้น ---(ถูกต้อง!!) เพราะราคามันต่ำเกินความเป็นจริงไงล่ะ" ...ดังนั้น ถ้าถามว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าของเขาถึงอยากขาย ..ก็ใช่!! เมื่อราคาหุ้นมันเริ่มแพง (ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ ไอ้หุ้นที่ พื้นฐานแย่ๆ แล้วดันราคาขึ้นมาพร้อม ข่าวว่าจะดี ..พวกนี้หุ้นปั่นทั้งนั้น ไม่รู้จะแย่งกันเข้าไปซื้อทำไม!!)
จุดที่ผมสนใจ ไม่ใช่การเข้าไปแย่งซื้อหุ้นปั่นกับคนอื่นๆ เพราะมัน "ห่วย!! แถมแพง" ...ไปหาซื้อหุ้นที่เจ้าของเขาไม่อยากขายดีกว่า..หุ หุ หุ (แหมจริงๆ อยากจะทำ List ออกมา แต่เดี๋ยวโดน เขม่น!! โหะๆ ๆ)
กลับมาดูหุ้นสองตัวของเจ้าสัว CPF & BJC ขึ้นยังกับคู่แฝด ..จุดที่น่าสนใจคือ แน่นอนเจ้าสัวเขาไม่ใช่นักปั่นหุ้น ดังนั้น เขาไม่มีทางที่จะลากขึ้นไปเพื่อทุบแล้วกลับมาที่ราคาเดิม เพราะไม่รู้จะทำอย่างนั้นทำไม ..ประเด็นก็คือ เจ้าสัวทั้งสองรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อเอาราคาหุ้นขึ้นแล้วจะไม่โดนทุบกลับมาที่จุดเดิม !!
ประการแรก หุ้นพวกนี้พื้นฐานดี มีมูลค่าแฝง ที่ยังไม่มีการ Realize Value ดังนั้น พวกมูลค่าแฝงหรือ Silent Asset สามารถ Turn ให้เห็น บนงบการเงิน เมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ "และเมื่อใด ก็คือ เมื่อเขาต้องการให้หุ้นวิ่งนั่นเอง"
ประเด็นที่สอง คือ เจ้าของต้องแน่ใจว่า ภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจยังอยู่ในขาขึ้นต่อไป "ไม่งั้นเสียแรงเปล่า" นั่นแปลว่า เจ้าสัวทั้งสองได้ฝันธง ให้พวกเรารู้แล้วด้วยการกระทำ ว่าตลาดหุ้นในภาพใหญ่ ไปต่ออีกไกล!!
แค่สองประเด็นนี้ก็โอเคที่จะ "ทำให้หุ้นขึ้นได้แล้ว" แต่สิ่งที่หลายคนไม่เข้าใจคือ ...คนส่วนใหญ่อาจคิดว่าหุ้นมันจะวิ่งเป็นจรวด --แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ เพราะเมื่อราคาขึ้นถึงจุดนึง เจ้าของก็ต้องหากำไรบ้าง เพื่อเอากำไรนั้นๆ เก็บเป็นเงินสำรอง..หุ หุ -- เผื่อหุ้นจะหย่อนๆ ก็จะได้ รับไว้ ..ทำให้ไม่เสียหน้า!! ...(หรือเจ้าสัวอาจขายบางส่วน เอาไปช่วยตัวอื่นๆในเครือ อะเปล่า อันนี้ไม่รู้ได้ ) ..แต่ที่รู้คือ อย่าไปตามเขาเลย อะไรที่ปั่นมาแล้ว ---มาช่วยกันหาหุ้นที่เจ้าของไม่อยากขาย แล้วโกยเข้า Port ดีกว่า เพราะวันหน้าหุ้นนั้น อาจเป็น BJC หรือ CPF ก็เป็นได้!!
(รีบหา รีบซื้อ!!) ---- "เจ้าสัวยังรีบเลย คุณจะมัวรออะไรอยู่ .."ไปซื้อด่วน!!" ....อิ อิ"
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบcpf ที่เพิ่งจะขึ้นเป็นเพราะผลประกอบการมากกว่านะครับ แต่ก่อนขายได้เป็นแสนล้านแต่กลับทำกำไรได้แค่ไม่กี่พันล้าน แถมกำไรยังขึ้นๆ ลงๆคาดการณ์ก็ยาก roe ก็ต่ำมาก แต่มาปีสองปีนี้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นมาก และบริษัทมีการซื้อกิจการต่างประเทศ ซึ่งช่วยในการเติบโตแบบพรวดพราดขึ้นมา กำไรจาก 3พันล้านกลายเป็นหมื่นล้าน คนที่มองเห็นตรงนี้ก็เข้ามาเก็บกันจนทำให้ราคาพุ่งปรี๊ดขึ้นมา ส่วนอนาคตจะกลับไปเห็นกำไรหลักพันล้านอีกหรือไม่ ผู้บริหารเคยบอกว่าไม่น่าจะเห็นเนื่องจากกำไรที่ได้จากการลงทุนในต่างประเทศน่าจะช่วยเสริมได้เยอะ ส่วนตัวผมชอบที่มาเน้นอาหารสำเร็จรูปกับร้าน cpfreshmart ที่มีmargin ดี มองเห็นการเติบโตในระยะยาว ทำให้ไม่ติดกับวัฏจักรสินค้าเกษตรมากเกินไปครับ
ตอบลบอีกหนึ่งความเห็นครับ
แล้วจะรู้ได้ไงล่ะว่าหุ้นตัวไหน มันจะขึ้นเหมือน 2 ตัวนี้
ตอบลบ