วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
มุมมองของสองสุดยอดเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจ(Paulson & Krugman)
ผมว่าหลายๆคนน่าจะรู้จัก Paul Krugman พ่อมดเศรษฐกิจที่ทำนาย"วิกฤตต้มยำกุ้ง" ได้อย่างแม่นยำ ...จนทั่วโลกยกย่องเขาว่า เป็นสุดยอดนักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญของโลก
อีกคนคือ Paulson (คนไทยน้อยคนนักที่จะรู้จักเขา) แต่เขาคือ Hedge fund manager ที่รวยที่สุดจากวิกฤต Sub-prime เพราะเขา Bet Against "Sub-prime" ..ปัจจุบันเขารวยระดับ Billionaire ของโลก (ซึ่งจะว่าไปแล้วก่อน วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เขาเป็นคนที่ no name ไม่มีใครรู้จัก
จุดที่น่าสนใจคือ ทั้งสองคนนี้ออกมา "โต้ความคิดกัน" โดย Krugman บอกว่า โลกจะเข้าสู่ Double Dip ส่วน Paulson บอกว่า โลกกำลังฟื้นตัว และ Inflation อย่างแรงกำลังก่อตัว ...(ผมถามหน่อย คุณจะเชื่อใครดี!!)
ทั้งสองคนล้วนมี Success Trail ในการ Predict Trend ที่น่าสนใจทั้งคู่ ...โดยที่ Paulson จะต่างอยู่นิดนึงตรงที่เขาไม่ใช่แค่ทำนาย แต่เขาเอากองทุน(เงิน)ทั้งหมดที่เขาบริหาร ---Bet ในความเชื่อของเขาจริงๆ (คือ ถ้าเขาทายผิด เขาก็จะจน ว่างั้นเถอะ) --"ตอนนี้ผมถามอีกครั้งว่า คุณเชื่อใคร!!" (แน่นอน ทุกคนยังลังเล เพราะ ตราบใดที่ยังเป็นอนาคต ทุกสิ่งที่คนวิเคราะห์ก็เป็นการเดาทั้งสิ้น)
แต่การเดาจะน่าเชื่อถือ มากน้อยขึ้นกับว่า "คนเดา" กล้าเสี่ยงกับ ความคิดของตัวเองมากน้อยเพียงใด อย่างกรณีของผม ผม Bet ทั้ง Port ผมแบบ Paulson เพราะผมมองว่า ไม่ว่าจะอ่าน Comment อะไรจาก "คนอเมริกาทั่วๆไป ..คนเหล่านี้มองภาพเศรษฐกิจในแง่ลบมาก" หลายคนสงสัยว่า ว่าผมเอาอะไรมาวัดว่า คนส่วนใหญ่คิดอย่างไร (ง่ายๆครับ คุณไปดู Comment จาก Web ที่เกี่ยวกับการลงทุน แค่นี้ก็เป็นการทำ Servey แบบย่อยๆ ที่ดีทีเดียว)
ดังนั้น ผมมองในแง่ว่า "ถ้าคนส่วนใหญ่คิดลบ" --- เงินส่วนใหญ่ ก็จะอยู่ในที่ปลอดภัย นั่นหมายความว่า Investment Product ที่เสี่ยง ตอนนี้ยังมีราคาถูก เพราะไม่มีใครอยากถือนั่นเอง
ประเด็นนี้ทำให้ผมสรุปได้ว่า การที่ Paulson ลงเงินไปใน Asset ที่เสี่ยงอย่างหุ้น Bank ของอเมริกา รวมทั้ง Citybank เป็นการซื้อที่ราคาถูก ...ดังนั้น ไม่จำเป็นเลยว่า มันจะ Double dip หรือไม่(ก็ไม่สำคัญ) เพราะถ้าคุณ(ซื้อถูก)..ถึงในอนาคตมันจะถูกกว่านี้ --"คุณก็ไม่จำเป็นต้องขาย" (เพราะยังไงราคาที่ซื้อมันก็ไม่ได้แพง..จริงไหม!!) ดังนั้น การถือต่อไปจน "ฟ้าใส" เศรษฐกิจดี -- Paulson ก็ค่อยไปขาย Asset ที่เขาถือในราคาแพง !!
ผมว่า Paulson ฉลาดโคตร --"และเขามอง คนละประเด็นกับนักวิเคราะห์ทั่วไปที่มองว่า "ฟื้นไม่ฟื้น" แต่เขากลับมองว่า "ถูกหรือไม่ถูก" และทำกำไรจากประเด็นนี้ต่างหาก!! ..ไม่แปลกที่เขาจะรวยระดับ Billionaire จริงไหมครับ!!"
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
"ใครว่าเป็นนักธุรกิจยาก ..หากเทียบนักกีฬา เกมธุรกิจเล่นง่ายกว่าเยอะ -- เล่นแล้วรวยอีก!!" ..คิดดูนะ ถ้าเราเล่นกีฬาอะไรก็ต...
-
หลายคนสงสัยว่า ตลาดหุ้นผันผวนสุดๆ ทำไมนักลงทุนระยะยาวถึงแทบไม่เคยดูราคาหุ้นขึ้นลงรายวันเลย ? "บ้าหรือ เงินแกว่งขึ้นลงเป็น แสน เป...
-
‘หุ้นไทย’ ไม่มีอนาคตแล้วจริงหรือ ? 1. ’ขาขึ้นรอบใหม่ มักเริ่มเวลาที่ทุกคนสิ้นหวัง’ …ก็ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นต้นรอบ 2. ’ไทยม...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
6 กลโกง ในตลาดหุ้นที่ใช้หลอกคนมีความรู้แบบง่ายๆ เวลาเสียเงินเองนี่ก็ว่าหนักแล้ว …แต่ถ้าโดนหลอกนี่มักจะหนักกว่า ’เพราะ ความโลภ + เชื่อใจ’ ใ...
-
เข้าใจกลไกเศรษฐกิจที่ซับซ้อน แบบง่ายๆ ใน 6 ข้อ 1. ‘เงินเฟ้อ คือ ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดในระบบทุนนิยม‘ …เงินเฟ้อแปลว่า เงินที่เราหาได้เก็บสะส...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
"ถูกหรือไม่ถูก" น่าสนใจทีเดียวครับ :)
ตอบลบ