ทุกวันนี้มีคนรุ่นใหม่เข้าสู่วงการ การทำกิจการส่วนตัวมากมาย "ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะครับ" แต่ประเด็นที่อยากให้มองคือ "คุณเข้าใจเป้าหมายของการทำกิจการของคุณหรือไม่" หลายๆคนตอบผมว่า "ก็เพื่อเงินไง!!" อันนี้(ถูก) ผมไม่เถียง คือ ยังไงก็ต้องเพื่อเงิน -- แต่ความสำคัญมันอยู่ที่ การทำธุรกิจมันไม่ใช่การแข่ง"วิ่งเปรี้ยว"ที่มันจบภายใน 30 นาที
การทำธุรกิจมันเป็นเรื่องของ "ระยะเวลา" ซึ่งมันเป็นระยะเวลาที่นานมากๆ ดังนั้น การเข้าใจเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญ มิเช่นนั้น การเดินทางของคุณอาจเป็นการเดินทางที่ไร้จุดหมาย และอาจนำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุด
สิ่งที่อยากให้เรียนรู้ก็จาก บทเรียนของ Dot Com Boom และก็ยุคของที่ดินบูม --เราจะเห็นได้ว่า ทุกครั้งที่มี Bubble จะมีคนสองประเภทที่ออกมาจากวิกฤต คนแรกคือ (เจ๊ง) ส่วนอีกคนคือ (รวย) ..จริงๆ ถ้าดูแล้วพอ Bubble แตกจะเห็นว่าใครๆก็เจ๊งทั้งนั้น "คำถามคือ ไอ้คนที่มันเดินออกมาแล้ว มันรวย คืออะไร!!"
นี่แหละครับ จุดที่ผมอยากให้คิด..คนทีี่เดินผ่าน วิกฤตแล้วรวยขึ้นคือ เขามีเป้าหมายการทำกิจการที่ชัดเจน เช่น เขาสร้างธุรกิจขึ้นมาเพื่อขาย!! --คำแนะนำจากผมคือ คุณต้องดูว่า กิจการที่คุณสร้างขึ้นมาเป็นกิจการประเภทไหน ระหว่าง Me too , Value Added หรือ Innovation
ถ้าเกิดกิจการของคุณคือ Me too หรือ Value added ..พอมันเริ่มรุ่ง ผมแนะนำให้ขาย เพราะโดยทั่วไปธุรกิจ สองประเภทนี้ จะเกิดจากช่วงว่างที่ธุรกิจใหญ่ๆมองข้าม แต่พอคุณสามารถทำให้กิจการขึ้นมาโตได้ ..สิ่งที่บริษัทใหญ่เขามองก็คือ จะกำจัดคุณอย่างไร ซึ่งแน่นอน การทำ Business Buy out ก็ถือเป็นหนึ่งใน ยุทธศาสตร์ ของเขาเช่นกัน ---"เมื่อถึงจุดนี้ ผู้ประกอบการหลายๆคนอาจมองว่า ไม่ยอมขาย เพราะคิดว่ามันจะต้องใหญ่ จนสามารถสู้กับบริษัทใหญ่ได้ " แต่ปัญหาคือ "คนที่คิดเช่นนั้น ส่วนใหญ่ผลลัพธ์มันไม่ได้ออกมาเช่นนั้น" จึงไม่แปลกที่คน ที่ตัดใจขายกิจการให้บริษัทใหญ่ "กลับรวย"
ในทางกลับกัน หากกิจการของคุณเป็น Innovation ผมกลับแนะนำให้ถือต่อ ..เพราะกิจการ Innovation ของคุณอาจโตเป็น สุดยอดในอุตสาหกรรมใหม่ ที่เรียกว่า New Industry ..ลองดู Google ซิ "แน่มากๆ" ..(วันนี้คุณเข้าใจประเภทของกิจการ รวมทั้งเป้ามหายของคุณหรือยัง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น