แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เอา "ข้าว" จาก afet มาเล่าสู่กันฟัง


ตอนนี้หลายๆคนคงเริ่มจะคุ้นหูคุ้นตากับ ตลาดซื้อขายล่วงหน้าทางการเกษตร "afet" ..จริงๆแล้วผมมองว่า ตลาดล่วงหน้าทางการเกษตรของไทยควรเปิดมาตั้งนานแล้ว เพราะ Futures มันคือ "การป้องกันความเสี่ยง หรือ ที่เราเรียกว่าการ Hedging" แต่กลายเป็นว่า พอเมืองไทยเราเปิดตลาด afet ขึ้นมาจริง--กลับมีคนสนใจ Trade กันน้อยมาก(Volume น้อยจน นักลงทุนไม่อยากเล่น)..มัวแต่ไป Gold Futures กันหมด!!

อย่างในอเมริกาตลาด Futures ใหญ่ๆ ก็เช่น Merc (หรือ NYMEX ที่ซื้อขายน้ำมันกันอย่างเมามันส์), CBOT (ตลาดซื้อขายการเกษตรครอบจักรวาล) ...ถึงจุดนี้ผมว่าหลายๆคนคงสงสัยคล้ายๆกับผมว่า ทำไมต้องมีการซื้อขาย Futures "แปลกไหมทำไมต้องซื้อกระดาษ ทำไมไม่ซื้อกันสดๆล่ะ"

ในโลกของการเกษตร เราทุกคนรู้ว่า ผลผลิตขึ้นกับปัจจัยที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สภาพแวดล้อม อากาศ น้ำ.. สิ่งเหล่านี้ล้วนเข้ามามีบทบาทต่อผลผลิต ซึ่งท้ายสุดก็จะกระทบถึงจำนวนผลผลิตทั้งหมดของตลาด ที่เราเรียกว่า Supply ...การเกษตรเป็นธุรกิจที่แปลก เพราะแทนที่ Demand ของตลาดจะเป็นตัวกำหนดราคา --"แต่ไม่ใช่" การบริโภคของ Commodity หรือผลผลิตทางการเกษตร แต่ละชนิดจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย(คือขึ้นกับปริมาณประชากรและการบริโภค ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป)

ในทางกลับกัน Supply หรือ ผลผลิตทางการเกษตรต่างหากที่แกว่งมหาศาล!! เพราะมันขึ้นอยู่กับธรรมชาติ (พระเจ้ากำหนด..หุ หุ)..ดังนั้น การใช้ Futures มาเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เช่น ชาวนาสามารถขายข้าวล่วงหน้า ทำให้รู้ รายได้ในอนาคตที่แน่นอน โดยไม่ต้องพึ่งดวง( โดยปกติชาวนาจะพึ่งดวง ซึ่ง"ซวย"เป็นส่วนใหญ่ เพราะเมื่อผลผลิตออกมาพร้อมกัน Supply มาก ราคามันก็ตกเป็นธรรมดา ..จึงไม่แปลกถ้าชาวนา ไม่รู้จักวิธีการใช้ Futures มาป้องกันความเสี่ยงก็ต้อง จำใจขายของ"ถูก"เสมอ นำมาซึ่ง "ความจนดักดาน")

แต่คุณรู้ไหม "อย่าว่าแต่ ชาวนาเลย คนไทยแทบไม่รู้จัก Futures และไม่เคยป้องกันความเสี่ยงของผลผลิตทางการเกษตร" (งง ไหม!! .. อย่างชาวนาปลูกข้าว พอข้าวออกมาพร้อมกัน ก็ภาวนาพร้อมกันให้ราคาข้าวแพง "คุณว่า Supply ออกมาพร้อมกัน และทุกคนอยากขาย ..คุณจะขายได้แพงไหมล่ะ"(ไม่มีทาง..ราคามันถูกแน่นอน!!))

ข้าวปี 2008 พุ่งขึ้นไปแตะเกือบ 1,000 เหรียญต่อตัน เป็นราคาที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตอนนี้เหลือ 400 กว่าๆ ..แต่คุณรู้ไหมว่าปีนี้นักวิเคราะห์ดังๆ ขนาด Jim Rogers ปีนี้ก็ ทำนายผิดเกี่ยวกับข้าว ..เนื่องจากปีนี้มีภาวะน้ำ "แห้งแล้ง" ทุกคนเลยฟันธงว่า ราคาข้าวจะต้องพุ่งอย่างแน่นอน ..ปรากฏว่าพอเอาเข้าจริง โลกเรามี Stock ข้าวและผลผลิตอย่างเหลือเฝือ ทำให้พ่อค้าขาดทุนกันระนาว และราคาข้าวก็ตกเอา ตกเอา จนเหลือ 400 กว่าๆ อย่างที่เห็น

แต่การที่ราคาข้าวถูก มันก็จะส่งผลให้ฤดูกาลต่อไปคนปลูกข้าวก็จะน้อยลง ทำให้ Supply ลด และก็นำมาซึ่งราคาข้าวพุ่งขึ้นได้ จะเห็นได้ว่า ชาวนาชาวไร่บ้านเรา วิ่งตาม Demand&Supply ไม่ทัน ..คือจริงๆถ้าเขาอยากรวยก็ไม่ยาก แค่ปลูกพืชสวนกับราคาก็แจ๋วแล้ว (อย่างตอนนี้ถ้าข้าวราคาถูก คุณก็คาดได้เลยว่า ฤดูกาลหน้าคนจะปลูกข้าวน้อยลง ดังนั้นราคามันจะต้องขึ้น ดังนั้น คุณก็เริ่มปลูกข้าวเลยจริงไหม) ..แต่จะให้ดีผมว่า เราต้องเริ่มเข้าศึกษา Futures อย่างจริงจังแล้วเอาเครื่องมือเหล่านี้ มาช่วยป้องกันความเสี่ยงให้กับกิจการ จะเป็นวิธีการที่ฉลาดมากครับ!!

(ผมว่าคนที่กำลังมันส์กับ Gold Futures ลองมาดู Commodity Futures กันบ้าง "นักบุกเบิกมีโอกาสรุ่งนะ!!..ตามเขาทีไร ตลาดมัน Clash ใส่หน้าเราทุกที เพราะกว่าเราจะเล่นตลาดมันก็วายหมดแล้ว")

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ