วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
บ้านชั้นเดียวเล็กๆในแคนาดา หลังละ 30 กว่าล้าน คุณคิดว่ายังไง!!
ในแวนคูเวอร์ (แคนาดา) ราคาบ้านพุ่งไปสุดๆ จนนักวิชาการหลายๆคนมองว่า "มันอยู่ในสภาวะ Bubble หรือไม่" ถ้าเราเอาคำถามนี้มาถาม คนไทย ..เราก็จะตอบว่า "มันโตครแพง..บ้านที่สร้างด้วย Fiber หลังเล็กๆชั้นเดียว ราคา 30 กว่าล้านบาท" เพราะในเมืองไทย ด้วยราคาเท่านั้น คุณสามารถซื้อบ้าน "Grand Boulevard ของ SCASSET ได้เลย"
แต่ถ้าเอาคำถามนี้ไปถาม คนญี่ปุ่นที่อยู่ในโตเกียว เขาคงมองว่า "ถูกมากๆ" เพราะด้วยเงิน 30 ล้านบาท ในกรุงโตเกียว คุณซื้อได้แค่ Apartment ห่วยๆเท่านั้น (ทั้งที่ 30 ล้านบาท คุณคือ คนที่รวยคนนึงในเมืองไทยเลยทีเดียว!!)
ประเด็นที่ว่านี้ คือ "มุมมองของคน ที่มีต่อ ราคาสินทรัพย์ ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีความแตกต่างกัน" จุดนี้ถ้ามองให้ดี มันเป็นปัญหาโลกแตก เพราะ การที่คุณได้เงินเดือนแสนบาทในนิวยอร์ก อาจ(จน)กว่าที่คุณได้เงินเดือนหลักหมื่นในกรุงเทพเสียด้วยซ้ำ
ราคาของ Asset ในประเทศต่างๆ ถ้ามองให้ดี มันคือ สัดส่วนของ ความร่ำรวยของคนในประเทศต่างๆ (คุณลองนึกภาพ คนๆหนึ่ง สมมุติคุณมีเงิน 100 ล้าน--คุณก็จะซื้อบ้านในระดับสิบล้านขึ้นไป ..แต่ถ้าคุณรวยในระดับ 1,000 ล้าน--คุณก็จะซื้อบ้านในระดับร้อยล้านขึ้นไป ..ทั้งที่จริงๆแล้ว บ้านเป็นการลงทุนที่ "เป็นเงินจม" เพราะยิ่งคุณซื้อบ้านแพงเท่าไหร่ คุณก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างคนใช้ ค่าบำรุงรักษามากขึ้นตาม "แต่แปลกไหม ไม่ไม่ใครสนใจ (เพราะเมื่อคุณรวยคุณก็จะซื้อบ้านที่แพงขึ้นเสมอ)"
ประเด็นที่ผมพูด หากเราขยายเป็นภาพใหญ่ ..ราคาบ้าน ก็จะแพงตามความมั่งคั่งของคนในประเทศนั้นๆนั่นเอง --ถึงจุดนี้หลายคนคงสงสัยว่า "แปลก!! แล้วทำไม ไม่ทำเงินในประเทศที่มองบ้านแพง แล้วก็ค่อยย้ายไปอยู่ (ซื้อบ้าน) ในประเทศที่มองว่าบ้านถูก" --ผมเชื่อว่า "มีหลายๆคนคิด แต่ทำจริงไม่ได้"
อย่างกรณีของผม ผมไปทำงานได้เงินเดือนเยอะมากในออสเตรเลีย แต่ผมกลับมีคุณภาพชีวิตต่ำกว่า การได้รับเงินเดืินที่ต่ำกว่ามากแต่อยู่ในประเทศไทย --เพราะฉะนั้น ในเรื่องของราคาบ้านของประเทศหนึ่งๆ มันคือ สิ่งที่ได้คิดรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความมั่งคั่งของคนในประเทศนั้นๆเรียบร้อยแล้ว
การที่ราคาของบ้านในประเทศหนึ่งๆ จะตกมากเกินไป จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล -- ดังนั้น หากคุณวาด Cycle ของ Real estate คุณจะเห็น Cycle ที่ต่างจาก Cycle ของธุรกิจทั่วไป ---"ใช่แล้วครับ มันไม่ใช่ Cycle ที่ขึ้นและลงมาที่จุดเดิม หากแต่มันเป็น การขึ้นแล้วนิ่ง (อาจปรับฐานนิดๆ) จากนั้นก็ขึ้นต่อ และก็ขึ้นต่อ"
ตราบใดที่ "มนุษย์ยังคงมองภาพราคาสินทรัพย์แตกต่างกันไป และผูกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของความมั่งคั่งของบุคคล--เมื่อนั้น ราคาของบ้าน ย่อมขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นเอง" จุดนี้เองหากคุณเข้าใจ คุณก็จะสามารถทำกำไรจากสิ่งที่คุณเห็น ในขณะที่คนอื่นไม่เห็น!!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
"ไปเจอ ภาพนี้มา" ...ผมเห็นแล้วเกิดความคิดมากมาย ...ระยะหลังการลงทุนผมดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งผ่านวิกฤต ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก ...ผมว่า ม...
-
7 ข้อ ต้องรู้เมื่อ FED ลดดอกเบี้ยลง 1. ‘เป็นสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจ’ …ก่อนหน้านี้ FED ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อปราบเงินเฟ้อ …ตอนนี้ต้องกล...
-
7 เรื่อง เบื้องลึกเบื้องหลังของคำว่า ‘เงิน’ ในโลกปัจจุบัน 1. ‘เงินในปัจจุบัน เป็นเงิน Fiat’ …เงิน Fiat สร้างจากหนี้ แปลว่า เงินในปัจจุบัน ไ...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
7 สิ่ง ที่จะต้องดูในการเล่นหุ้นไทยขาขึ้น รอบใหม่ 1. ‘เด้งจากหุ้นใหญ่‘ …ในการเริ่มขาขึ้นรอบใหม่ จะเริ่มจากหุ้นใหญ่ เพราะ เม็ดเงินต่างๆ จะเข้...
-
7 ข้อควรรู้ การลงทุนยาว กับ การเทรดสั้น อะไรรวยเร็วกว่าในเวลานี้ 1. ‘การเทรดได้เงินเร็วกว่า’ …แต่ข้อเสียก็คือ เสียเงินเร็วพอๆ กัน ถ้าจับจัง...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น