วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553
คนเก่งทำไมไม่รวย แต่คนรวยทำไมไม่โง่ ส่วนคนโง่นั่นไม่รวย
การหาเงินเป็นเรื่องที่ตลกที่สุด --- เพราะยิ่งเราไม่ต้องการใช้ โอกาสการสร้างให้รวยเป็นกี่เท่าทวีคูณ ยิ่งง่ายเข้าไปอีก ปีที่แล้ว 2552 ตลาด SET ของเราพุ่งกว่า 60 % แต่ลองดูจริงๆซิว่า คนที่ได้รับCapital Gain จริงๆ ก็คือ คนที่ไม่สนใจที่จะขาย เพราะตอนแรกใครๆก็บอกว่ามัน เป็น Bear Market Rally แต่ที่ไหนได้ Bull เต็มๆ และแรงมากๆด้วย
กองทุนส่วนใหญ่ออกมายืดอกแล้วประกาศ!! -- ปีนี้กำไร 60 - 80% แต่คุณกางไส้ในออกมาซิจะเห็นว่าไอ้ที่ปีนี้กำไร 60 แต่ปีที่แล้วกลับขาดทุน 100 หักลบกันยังติดลบอยู่--ขี้ตู่มาก.. ถ้าเจ๋งจริงต้องนำตั้งแต่ เริ่มต้นปี 2551 ถึงตอนนี้ซิ เอามาดูว่า มีสักกี่กองทุนที่สามารถทำกำไรได้ ชนะตลาดบ้าง --- ถ้ามองโดยรวมทั้งประเทศไทยขอบอกเลยว่า ขี้เหร่มาก เพราะกองทุน ส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่ได้บริหารโดย Investor จริงๆ แต่จะอาศัย คณะกรรมการร่วมกันบริหาร ซึ่งแน่นอนผลตอบแทนที่คัดสรรจากคณะกรรมการย่อมไม่สามารถที่จะโดดเด่น หรือ เยี่ยมยอด
ปีที่ผ่านมา ตลอดปี 2552 ผมพยายามเล่นเร็วเข้าออกเร็ว เล่นแบบ Trader เลยก็ว่าได้ ซื้อถูกขายแพงทำกำไร ตอดตลอดปี ถ้ามั่นใจมากผมใส่เยอะแต่ถ้ามั่นใจน้อยผมก็ใส่น้อย สรุปทั้งปี ผมทำได้ 35% จากเงินเริ่มต้น นับว่า ไม่ขี้เหร่ แต่ถ้าเทียบกับตลาดโดยรวมที่ขึ้น กว่า 60% ถือว่า ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ถ้าจะให้สรุปว่า หลังจากเหตกาณ์ที่ผ่านมา ผมคิดว่า การลงทุนถ้าลงยาวจะได้เงินเยอะกว่า แต่สิ่งที่สำคัญคือ จะเข้าเมื่อไหร่ นี่จะเป็นตัวปัจจัยชี้วัดถึงกำไรโดยรวม ในขณะนี้ ถ้ามองภายนอกตลาด ที่เงินฝาก ต่ำกว่า 1 % และเงินเฟ้อที่ก่อตัวระดับ 3 -4% นับว่า คุณไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าตลาดหุ้น แต่คำถามคือ คุณ จะเข้าก่อนหรือเข้าทีหลัง (การเข้าทีหลังย่อมหมายความว่า เข้าแพงขึ้น) ผมตัดสินใจ กระโดดเข้าไปก่อนเลย แล้วรอดูว่าปีนี้จะให้ผลตอบแทนที่เท่าไหร่
ช่วง Peak ของ ปีนี้น่าจะมี 2 ช่วง คือ ช่วง เมษา และ กันยา เพราะเป็นช่วงที่บริษัทให้ปันผล ซึ่งช่วงดังกล่าว คนที่มีเงินฝากก็จะเทียบว่า ถ้าเอามาวางในตลาดจะให้ผลตอบแทน จึงโยกเงินมาใส่ พอกำไรก็รีบดึงออก แต่เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่มีการจ่ายปันผล 2 ช่วง ทำให้ช่วงเมษาจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Bull Market ในปีนี้ แล้วขึ้นไปเรื่อยๆ จนไป Peak ที่ ตุลา ซึ่งพฤติกรรมของตลาดในปี 2553 คงไม่ต่างจากปี 2552 แต่อย่างใด แต่ผลแตบแทนโดยรวมอาจไม่สูงเท่า
ตอนนี้หลายคนคงคิดว่า Behavior ของตลาดดังที่กล่าวมาจะ Last Long เท่าใด ก็ขอ Predict เลยว่า Behavior ขึ้นเมษา Peak ตุลา จะไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ผลตอบแทนDividend Yieldในตลาดหุ้น ยังคงสูงกว่า Interest และ ดอกเบี้ย นั่นเอง --- ฟังดูง่ายๆนะครับ แต่จริงๆแล้วเวลานี้มีเงินจำนวนมหาศาลที่ลอยอยู่นอกตลาดโดยที่ไม่ได้รับผลตอบแทนแต่อย่างใด -- ใครกันจะถูก --ใครกันจะผิด -- มีแต่หมอดูเท่านั่นที่จะมั่วแล้วมีคนเชื่อ --- แต่สำหรับ ผมไม่เชื่อ ผมเชื่อว่า Only you --- It's you ตัวกูทำกู ตัวมึงก็ทำมึงเอง ฮ่า ฮ่า.. ขำ ก๊าก... ก๊าก ครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
หลายคนสงสัยว่า ตลาดหุ้นผันผวนสุดๆ ทำไมนักลงทุนระยะยาวถึงแทบไม่เคยดูราคาหุ้นขึ้นลงรายวันเลย ? "บ้าหรือ เงินแกว่งขึ้นลงเป็น แสน เป...
-
"ใครว่าเป็นนักธุรกิจยาก ..หากเทียบนักกีฬา เกมธุรกิจเล่นง่ายกว่าเยอะ -- เล่นแล้วรวยอีก!!" ..คิดดูนะ ถ้าเราเล่นกีฬาอะไรก็ต...
-
7 ข้อ ทำไมมนุษย์เรา ถึงแย่มากๆ ในการจัดการเงิน ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เราทำนายอนาคตได้แย่มากๆ …สิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่าจะดี มันจะแย่ …แต่...
-
‘หุ้นไทย’ ไม่มีอนาคตแล้วจริงหรือ ? 1. ’ขาขึ้นรอบใหม่ มักเริ่มเวลาที่ทุกคนสิ้นหวัง’ …ก็ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นต้นรอบ 2. ’ไทยม...
-
Real Estate Agent ในเมืองไทยคงไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะส่วนใหญ่ ซื้อขาย ไม่ค่อยผ่าน Agent แต่ในต่างประเทศ Real estate Agent เปิดกันยิ่งกว่า 7-...
-
วันนี้ไปเจอหนังสือเล่มนึง ที่ผมว่า เขียนได้ In-trend มากๆ ..มันเป็นแนวคิดสำหรับ คนรุ่นใหม่ที่อยาก Self-made "คนรุ่นใหม่ที่สร้างตัวด้วยต...
-
ตลาดหุ้น จะแบ่งออกเป็น ตลาด Bull & Bear Market Bull Market ก็คือช่วงที่นักลงทุน มองว่าเศรษฐกิจดี และ โอกาสที่หุ้นจะขึ้นมีเยอะ ทำให้ทุ...
-
เรื่องนี้เป็นประเด็นสอนใจ Brand ระดับโลกอย่าง Starbucks ที่เข้าไปบุกแดนจิงโจ้ ..ในที่สุด กระอัก “ไม่รุ่ง” ด้วยเหตุที่ Australia นับเป็นหนึ่ง...
-
'ขายของอย่างไรในยุคขายยาก' คนที่จะขายสินค้าและบริการได้เก่งในยุคนี้แบบ Steve Jobs คือ สามารถสร้างสินค้าและบริการที่ 'โดน' มา...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
บางครั้งคนโง่ก็รวยได้ เพราะเมื่อแรกเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย แต่ภายหลังอาจตกอับได้ แต่ถ้าโชคดีเกิดในตระกูลที่รวยมากๆๆก็อาจใช้เงินไม่หมดได้ ถ้าให้เลือกฉลาดกับโชคดี ผมขอโชคดีแบบไม่โง่มาก ถ้าเป็นไปได้ แต่ถ้าต้องโง่แต่รวยก็โอเคนะ...
ตอบลบ