แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การทำงานต้องใช้สมองจริงหรือ(..สู่งานที่ใช้สมองและสร้างความมั่งคั่งอย่างแท้จริง!!)


คนรุ่นใหม่ๆหลายๆคน(เรียกว่าส่วนใหญ่ก็ได้) ที่ได้เริ่มชีวิตการทำงาน "พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาสู่ชีวิตการทำงานจริง" มักพบว่า "ตัวเองกำลังสงสัยว่า การทำงานจริงๆ ต้องใช้สมองด้วยหรือ" .."และตรงไหนล่ะ!!"

จากทฤษฎีที่เรียนมาอย่างล้ำลึกในมหาวิทยาลัย ไม่ได้สอนว่า "ต้องชงกาแฟให้อร่อยอย่างไร" .."หลายคนเรียนรู้ Skill ใหม่ในการตรวจอักษร , ถ่ายเอกสาร ..แล้วเรียนรู้ว่า การโดนเบรคแรงๆ สำหรับการเสนอความคิดมันเซ็งเพียงใด" --หลายคนถึงกับวิ่งออกไปบนดาดฟ้าแล้วตะโกนว่า "เบื่อเว้ย!!"

ประเด็นนี่จะบอกว่า ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่องค์กร เพราะองค์กรมันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ก่อนคุณจะเข้ามา ..แต่การศึกษาต่างหาก ที่สอน Skill ที่มันใช้ไม่ได้จริง ถ้าเขาสอนวิธีชงกาแฟอร่อย ,Service Mind, การปรับตัวและความ Friendly และการตรวจอักษร อาจทำให้เขาเหล่านั้น พร้อมต่อการทำงานมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้

ปริญญาโท ในสาขา "ชาวสวน" อาจทำให้คุณประสบความสำเร็จในการเล่นหุ้น มากกว่า ปริญญาโททาง Finance เสียด้วยซ้ำ ...ปริญญาโทสาขา "Know Who" อาจทำให้คุณไต่เต้าในองค์กรในเมืองไทยได้มากกว่า "Know How" ...ปริญญาโทสาขา "สมบัติผลัดกันชม + ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร" อาจทำให้ท่านรุ่งเรืองในการเมืองมากกว่า สาขาสื่อสารการเมือง หรือ รัฐศาสตร์ ก็เป็นได้

บางคนหลีกหนีงานเหล่านี้ไปสร้างกิจการของตัวเอง กลับพบว่า งานที่ทำยิ่งใช้แรงงาน หนักยิ่งกว่าเดิมอีก --"คุณสงสัยไหมว่า แล้วงานอะไรที่จะทำให้คุณใช้สมอง"

ประเด็นมันมีอยู่นิดเดียว ที่หลายคนตีไม่แตก เพราะแท้จริง การทำงานโดยใช้สมองมัน "มี" แต่เมื่อคุณผมขาวแล้ว!!(รอไปก่อน) --- แต่การที่คุณจะได้ใช้สมอง(ตอนนี้!!เลย)... มันได้เปิดแล้วที่ ตลาดการลงทุน ตั้งแต่ หุ้น, ทอง, กองทุน ไปจนถึง Real estate

ผมเป็นคนนึงที่เจอปัญหาเดียวกับทุกคน ..ผมพบว่า "ยิ่งผมทำงาน ผมยิ่งโง่" นับแต่นั้นมา ผมได้ซื้อหนังสือต่างๆมาอ่านมากมาย(เดือนนึงผมเสียเงินหมื่นกว่าบาท ซื้อหนังสือ-- บ้าไม่บ้า คุณคิดดู!!) จากนั้นผมก็เริ่มลงทุน อย่างจริงจัง-- เริ่มจาก port ตัวเอง จากนั้นก็ไปบริหารให้ พ่อแม่ น้อง (เดี๋ยว!! คุณต้องทำให้เขาเชื่อในความสามารถ ..ขั้นแรกถ้าพ่อแม่หรือ พี่น้อง ไว้ใจให้คุณบริหารเงินเขา --"ผมว่าคุณผ่านขั้นแรกของความเจ๋งแล้ว...หุ หุ" ..เพราะมันไม่ง่ายแน่นอน--นี่คือขั้นแรกของ OPM (Other People Money) "ลองดูซิ!!")--- จากลงทุนจริง ก็เลยเขียน Blog ระบายความรู้และข้อมูลที่อัดในสมอง (กลายเป็นยิ่งให้ ก็ยิ่งได้รับ)จริงๆ!!...

โอกาสใหม่ๆ ได้เข้ามาหลังจากที่ผม(เริ่มให้).. วันนี้ผมได้ Feed back และรู้จักคนมากมายในวงการหุ้น .. Web board ที่ผมเข้าไป Share ความรู้ (stock2morrow) ก็เปิดเวทีให้ผมให้ไปในสังคมนั้น ..ซึ่งเร็วๆนี้ผมก็จะมีหนังสือของตัวเอง (โอกาสใหม่ๆ สำหรับหน้าที่การงานก็กว้างขึ้น ) Limit ของการทำงาน มันเริ่มไกลกว่า การตลาด และ ธนาคาร ..ตอนนี้ผมได้ก้าวขาเข้าสู่ โลกของ "การใช้สมองอย่างแท้จริง" --ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง "การลงทุน"

นี่แหละครับ อาชีพที่ ไม่มี limit ในการเรียนรู้ และ รายได้ รวมทั้งโอกาสที่จะเข้าสู่งานอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพราะการลงทุนสอนให้คุณกว้าง สอนให้รู้จักการปรับตัว และนี่แหละครับ "งานที่เริ่มจากสมองอย่างแท้จริง!!"...

(ใครอึดอัดในหน้าที่การงาน ผมก็ขอแนะนำให้ คุณเริ่มศึกษาหาความรู้อย่างจริงจัง และร่วมกันเผยแพร่ถ่ายทอด เช่น เขียน Blog หรือ เข้ามา post ในกระทู้ต่างๆ ..
..."ถ้าใครสนใจ วิธีเรียนรู้และ แบ่งปัน .." ผมขอเรียนเชิญมาที่ www.stock2morrow.com ---" เริ่มจากการอ่าน จากนั้น ก็คือ การให้กลับ ..ส่วนใครต้องการคำแนะนำ ก็ Facebook หรือ email มาหาผมได้นะครับ.." เพราะตอนนี้ทางเจ้าของ Web(พี่ looking) และผมก็กำลังมองหา นักลงทุน และนักเขียน นักถ่ายทอดรุ่นใหม่อยู่ครับ) ---"สังคมและโอกาสในการสร้างรายได้เปิดกว้างเสมอ สำหรับคนที่ไม่ท้อต่อความเฉี่อยของสังคม")

จากที่ผมเคยนำเสนอ การทำงาน กับ การทำเงิน มันคนละประเด็น --เมืองไทยคนรวยส่วนใหญ่(99.99%) ไม่ได้เกิดจากที่เขา เก็บเงินเดือน แต่เป็นการที่เขารวยจาก การลงทุนและ Asset ที่เขาถือครองต่างหาก (ถึงเงินเดือนเป็นแสนๆ แต่ถ้าคุณเอาแต่ฝากธนาคาร ไม่รู้จักบริหาร ชาตินี้ คุณก็ไม่มีทางรวยได้!!) เอ้า..สู้ สู้

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ10 กรกฎาคม 2553 เวลา 19:24

    การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ นอกจากนั้นแล้วยิ่งให้ก็จะยิ่งได้ ผมเคยอ่านหนังสือเล่มนึง " ยิ่งให้ยิ่งได้" บอกว่า ถ้าเราค่อยๆให้ผู้อื่น ผลนั้นจะกลับมาหาเราอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นกำลังใจให้คุณ
    ประภาวิทย์นะคับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ10 กรกฎาคม 2553 เวลา 23:49

    ถูกต้องครับ ยิ่งให้ยิ่งได้จริงๆครับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ13 กรกฎาคม 2553 เวลา 12:46

    "ยิ่งให้ ยิ่งหมด"(ตังค์) จิงๆคับ

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ