วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553
เรียนรู้จากเยอรมัน “การใช้ค่าเงินนำเศรษฐกิจ”
20 ปีก่อน ทั่วโลกตะลึงงัน ในการทุบกำแพงเบอร์ลิน !! ..ก่อให้เกิดการรวมประเทศระหว่าง “เยอรมันตะวันออก กับ เยอรมันตะวันตก”
โจทย์สุดหินสำหรับผู้นำเยอรมันในเวลานั้น คือ “ฝั่งตะวันออก กับ ฝั่งตะวันตก มันแตกต่างกันสุดขั้ว” คือ คนนึงรวยมาก อีกคนจนมาก
คุณรู้ไหม “ผู้นำเยอรมัน ทำอย่างไรให้รวมประเทศอย่างราบลื่น” (ปัจจุบัน เยอรมันกลายเป็น ประเทศที่มุ่งเน้นการผลิตเพื่อการส่งออก ที่แข็งแกร่งที่สุดใน EU) …
วิธีการของ ผู้นำเยอรมัน คือ “การใช้นโยบายค่าเงิน” โดยกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนของ “เยอรมันตะวันออก กับ เยอรมันตะวันตกเท่ากัน” (ซึ่งในความเป็นจริง ฝั่งเยอรมันตะวันตกมีเศรษฐกิจที่ดีกว่าก็ควรมีค่าเงินที่แข็งกว่า ..แต่ผู้นำเยอรมันกลับกำหนดให้ค่าเงินทั้งสองเท่ากัน) ….ทำไม!!
การกำหนดค่าเงินเท่ากัน ทำให้
1. ค่าเงินของเยอรมันตะวันตก อ่อนกว่าความเป็นจริง ..จุดนี้สร้างให้ธุรกิจแข็งแกร่งเพราะเมื่อค่าเงินอ่อนก็จะกระตุ้นให้ประเทศทำการผลิตเพื่อการส่งออก มาก ขึ้น ยิ่งส่งออกมาก อุตสาหกรรมยิ่งมีความชำนาญ “ธุรกิจในฝั่งเยอรมันตะวันตกจึงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”
2. ในฝั่งเยอรมันตะวันออก “ถูกกำหนดให้ค่าเงินสูงกว่า ความเป็นจริง” ดังนั้น เมื่อรวมประเทศ ก็จะส่งผลให้ ฝั่งเยอรมันตะวันออก อยากซื้อของจากอีกฝั่งเพราะค่าเงินตัวเองแข็งจึงซื้อของได้มาก ..ถ้ามองอีกมุม คือ เหมือนคุณเอาเงิน “แจกให้คนจน ให้เอาไปซื้อของในฝั่งตะวันตก”
ผลที่ตามมาของนโยบายค่าเงิน ก็คือ ธุรกิจในฝั่งของเยอรมันตะวันออก ตายเกือบหมด หรือ ไม่ก็โดนกิจการในฝั่งตะวันตกเข้ามาซื้อ ….
20 ปีให้หลัง ประเทศเยอรมันกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป แถมรายได้ ก็มีความเท่าเทียม .. “คุณเห็นภาพที่ผมชี้ไหม … ภาพที่เห็นก็คือ การปล้นเงินจากคนรวยด้วยการลดค่าเงิน เหมือนประเทศไทยทำกับนักธุรกิจทั้งประเทศในปี 1997 จากนั้น ก็เอาเงินแจกคนจน (ไม่ได้แจกจริงๆ) เพียงแต่ใช้การเพิ่มค่าเงินสกุลที่คนจนถือ “โดยนัยคือ การขึ้นค่าเงิน ทำให้คนจน รวยขึ้นทันที”
“การทำให้คนจน รวยขึ้นทันที เป็นการสร้างภาพลวงตาของความมั่งคั่ง ทำให้คนจนเอาเงินมาบริโภค มาจับจ่ายใช้สอย ..ท้ายสุดก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม” (มันช่างเป็นนโยบายที่ “เทพ” จริงๆครับ)
แต่มันใช้กับบ้านเราไม่ได้ เพราะ “คนรวยกับคนจนใช้เงินสกุลเดียวกัน.. ฮ่า ฮ่า”…จริงๆประเด็นที่อยากจะชี้คือ คนรวยกับคนจน มันไม่ได้ต่างกันที่ “เงินที่มี” แต่มันต่างกันที่ความคิด --อย่างเยอรมันเอาเงินให้คนจน คือ เยอรมันตะวันออก สุดท้าย คนรวยก็รวยตามทันอยู่ดี “นี่แหละครับ ต้องคิดอย่างคนรวยให้ได้” (เงินมันแค่ภาพลวง!!)
จากนี้ไป "ประเด็นเรื่องสงครามค่าเงิน กำลังจะปะทุขึ้น" ทุกประเทศพยายามทำให้ค่าเงินตัวเองอ่อน (อ่อนลงไปพร้อมปัญญา อิ อิ) ...Inflation แรงๆ มันใกล้เข้ามาทุกทีแล้วครับ "น่ากลัวมาก!!"
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
6 ข้อ มาคุยกันเรื่อง Why Nations Fail ? สิงค์โปร์ไม่ทีทรัพยการเลย ทำไมรวย …เวเนซุเอลา มีน้ำมันมากที่สุดในโลก ทำไมจน ..แล้วสวิส ประเทศเล็กๆ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0 1. ‘นโยบาย American First’ …Trump จะทำทุกอย่างให้อเมริกาได้ประโยชน์ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ 2. ‘Dere...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น