'ร้านใหญ่ ใช่ว่าดี บทเรียนจากห้าง Sears'
ในอเมริกามีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า Sears ..ผมยังจำสมัยเด็กๆ พ่อแม่พาไปเที่ยวอเมริกาแล้วได้ไปเดินห้าง Sears นี่ตื่นเต้นมากๆ ...เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีทุกอย่าง ...มีทุกอย่างที่เด็กอยากได้ ผู้ใหญ่ก็อยากเดิน
ถ้านึกภาพเวลานั้นผมคล้ายๆ เด็กที่ไปเดินห้างเซ็นทรัลครั้งแรกในชีวิต นั่นแหละ
แต่วันนี้ Sears กำลัง ประสบปัญหาขาดทุนหนัก
ปี 2014 Sears มียอดขาย 36 Billions มีกำไร ..เอ่อ ไม่กำไรครับ ขาดทุน -1.3 Billions
ปี 2015 Sears มียอดขาย 31 Billions ขาดทุน -1.6 Billions
ปี 2016 Sears มียอดขาย 25 Billions ขาดทุน -1.1 Billions (คิดเป็นเงินไทย คือ ขาดทุนปีละ 38,500 ล้านบาท ...โอวว!!)
ยอดขายลดลงทุกปี ..แล้วก็ยังขาดทุนหนักหน่วงทุกปี ..คุณคิดว่า เพราะอะไร ?
วันนี้ถ้าไปถามร้านออนไลน์ เราจะได้ยินกลยุทธ์ขั้นเทพ คือ
1. ขายของทุกอย่างที่มีเหมือนในห้าง แต่ถูกกว่า ..เพราะไม่ต้องมีค่าเช่าพื้นที่ เอาค่าเช่ามาลดราคาให้ลูกค้าดีกว่า
2. ส่งของให้เร็ว รับประกันสินค้า ในขณะที่ของหลายๆ อย่างในห้าง ซื้อแล้ว ไม่รับคืน (เฮ้ย!! ไรวะ)
3. มีสต็อกสินค้า เพราะไม่ต้องเดาว่า ลูกค้าจะซื้ออะไรที่ห้างไหน ...เคยไปห้าง แล้วเขาบอกว่า สาขานี้ไม่มีของ เราต้องวิ่งไปอีกสาขา ...แต่ออนไลน์มีของ แล้วเอาไงดีล่ะ
4. ที่จอดรถแน่น บางที่เก็บเงินอีก ...แต่ออนไลน์ส่งฟรี
เอาแค่ 4 ข้อก็หนาวแล้ว
ลองคิดดูซิครับ ถ้าคุณเป็น Sears จะทำอย่างไร ..ในเมื่อตัวเองมีต้นทุนสถานที่ ค่าไฟ ค่าพนักงาน ค่า.. จะมาลดราคาแข่งกับออนไลน์ก็คงไม่ไหว
ใช่!! Sears เขาก็ขายออนไลน์ครับ แต่แปลกใจไหมว่าทำไมไม่ work คนไม่ซื้อ ...ก็เพราะออนไลน์ของ Sears ถูกไม่จริง / สินค้าหลากหลายไม่จริง / บริการและการันตีก็สู้ร้านออนไลน์ไม่ได้
ทั้งที่ใหญ่กว่า แต่ต้อง เจอคนตัวเล็กกว่าอย่างออนไลน์มาท้าทาย
ลองมาทายกันว่าเกมนี้ ...ยักษ์ หรือ มด จะชนะ
เรื่องนี้ทำให้เราเรียนรู้ว่า โลกยุคนี้ใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ 'เราชัดเจนในสิ่งที่ทำแค่ไหน ..ใครชัดเจนกว่า Focus กว่า คนนั้นชนะ'
'ต้นทุนต่างๆ ที่ลดลงจากออนไลน์ เราเอามาคืนกำไรให้ลูกค้า เพราะธุรกิจยุคใหม่ คือ การส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้ลูกค้านั่นเอง'
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น