แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

10 คนที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เขาทำอะไรกิน ?



10 คนที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เขาทำอะไรกิน ?

เริ่มจากจนสุดในสิบคนนี้ก่อน ก็คือ อันดับ 10 "เจงกิสข่าน" ..หลักๆ เป็นนักรบ เหมือนที่เราเคยได้ยินว่า ชายผู้นี้ อยู่บนหลังม้าทั้งชีวิตและนอนในเต๊นท์จนวันตาย ไม่มีปราสาท ไม่มีพระราชวัง ...แต่ตีเมืองและครอบครองอาณาจักรไปกว่าค่อนโลกในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ ...หลักความยิ่งใหญ่ของเขา คือ แบ่งทรัพย์สมบัติส่วนใหญที่ได้มาจากการรบให้ลูกน้องเกือบทั้งหมด -- สรุป เจงกิสข่าน หากินโดยเป็นนักรบ

อันดับ 9 "Bill Gates" เป็นคนเดียวใน List นี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ...คงไม่ต้องเล่ายาวสำหรับความสุดยอด เขาคือ คนกลางระหว่างการสื่อสารของคอมพิวเตอร์กับมุนษย์ทั้งโลกมาหลายทศวรรษ ..ก็ window นั่นแหละที่ทำให้เขารวย มันคือ Platform ที่คนทั้งโลกต้องใช้ในช่วงเวลานั้น ...แม้วันนี้มี Platform ใหม่เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ Google , Facebook , IOS , Android , .. แต่เขาก็ยังรวยที่สุดในโลกปัจจุบันอยู่ -- สรุป Bill Gates หากินโดยเป็นเจ้าของ Platforms ที่คนต้องใช้ทั้งโลก !!(อ๋อ ความรวยของ Bill คือ $67 Billions ถ้าแปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท -- "ล้านล้าน" ..นั่นแหละ เราว่า พันล้านที่โคตรรวย อันนี้คิดไม่ออกเลย..ฮ่า ฮ่า)

อันดับ 8 "Alan Rufus" เขามีชีิวิตในช่วง 1040 - 1093 ก็เป็นนักรบ ..คร่าวๆ เขามี $194 Billions รวยกว่า Bill Gates เกือบ 3 เท่า

อันดับ 7 "ร็อคกี้เฟรเลอร์" (John D.Rockefeller) เขาเป็นตำนานที่หลายๆ คนรู้จัก โดยเฉพาะคนอเมริกา เพราะ เขาคือ ผู้ก่อตั้ง Standard Oil ซึ่งในยุคนั้นบริษัทนี้ มีส่วนแบ่งตลาดของการผลิตน้ำมัน 90% ของอเมริกา ..เยอะมาก ใหญ่กว่า Exxon ที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่รู้กี่เท่า -- สรุป เขารวยจาก ผูกขาดน้ำมัน ..ถ้าพูดแบบสมัยใหม่ ก็คือ เขาควบคุม Platform น้ำมันของอเมริกานั่นเอง

อันดับ 6 "Andrew Carnegie" เขาเป็นตำนานความร่ำรวยในอเมริกาเช่นกัน เขาเป็นผู้ก่อตั้ง US Steel ซึ่งคิดเป็นรายได้ 2.1% ของ GDP อเมริกา --สรุป เขารวยเพราะแทบผูกขาดตลาดเหล็กของโลก

อันดับ 5 "สตาลิน" ก็ผู้นำรัชเชียในยุคฮิตเลอร์นั่นเอง ผู้ควบคุมเบ็ดเสร็จของอาณาจักรหมีขาวในยุคนั้น ..เราอาจเห็น กัดดาฟี ก่อนโดนโค่นอำนาจ ก็ร่ำรวยกว่า Bill Gates หลายๆ เท่าตัว

อันดับที่ 4 "Akbar I" จักรพรรดิอินเดีย ..อันดับ 3 "จักรพรรดิ แห่งราชวงศ์ซ้อง" ว่ากันว่า ควบคุมการผลิตและการบริโภค คิดเป็น 25% ของทั้งโลก (นั่นคือ ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรจีนในยุคนั้น) ..อันดับ 2 "ซีซาร์" ..ควบคุมอาณาจักรโรมัน ..และ อันดับ 1 "Mansa Musa" ผู้มีชีวิตในช่วงของ 1280 - 1337 ..เขาเป็นกษัตริย์ของ Timbukutu ..สมัยนั้น อาณาจักรแอฟริการวยมาก เพราะ คุมทรัพยากรอย่างทองคำ และ อื่นๆ มหาศาล

ถ้าสรุป ในอดีตความร่ำรวย ก็คือ "เป็นเจ้าของอาณาจักร" ...ซึ่งในปัจจุบัน ก็คือ "การเป็นเจ้าของบริษัท"

จาก อาณาจักร สู่ บริษัท ก็มีสิ่งที่คล้ายคลึงกัน ในเรื่องของ

1. การครอบครองทรัพยากร ..ในรูปของบริษัท คือ มีคนที่เก่ง มีสินค้าที่ดี ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์
2. การจัดสรรทรัพยากร ...ในรูปแบบของบริษัท คือ การเลี้ยงคนเก่ง และ การให้ผลตอบแทนที่ดีเพียงพอ

ถ้าใครเคยฟังสัมภาษณ์ Jack Ma เขาพูดไว้อย่างน่าสนใจว่า "ความรวยที่เขามีในปัจจุบัน ก็คือ ความไว้วางใจของคนอื่น ที่มอบหน้าที่ในการจัดสรรเงินนี้" ..คำว่า "หน้าที่ในการจัดสรรเงิน"

...ใช่ !! TRUST = Money = Opportunity ...นี่คือ เคล็ดลับของความร่ำรวยทุกยุคทุกสมัยนั่นเอง 

การสร้างความมั่งคั่งที่แท้จริงของโลก ก็คือ การแข่งขันสร้างสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ ...อย่าง Jack Ma เขาสร้าง Platform การค้าออนไลน์ ที่สร้างอาชีพให้คนจีนเป็นล้านคน ได้มีรายได้ และ โอกาสในชีิวิตที่ดีขึ้น !! (เอ่อ แล้วเราจะสร้างไรดีหว่า ?)

"ผมว่าโอกาส และ ความร่ำรวย มันแฝงอยู่ที่การสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์นี่แหละ" -- มุ่งสร้างประโยชน์แก่มนุษย์แล้วมันจะเปลี่ยนเป็นความมั่งคั่งในที่สุด ผมเชื่อแบบนั้น !!

#ภาววิทย์ กลิ่นประทุม #ออมในหุ้น


http://ti.me/1N2b7xh

1 ความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ