เล่าเรื่อง อย่างไรให้ได้เงินด้วย ?
อันนี้ปัญหาเปลี่ยนโลก ..ผมชอบเดินทางและชอบสังเกต ..ชอบนั่งคิดว่า 'ทำไมที่ต่างๆ ที่เราไปเที่ยว ไปเยี่ยมชม ไปใช้บริการ ถึงประสบความสำเร็จ ? -- สำเร็จอะไร ? -- ก็อย่างน้อย กรูก็ยอมจ่ายเงินมานี่แหละ จะมากิน หรือมาเที่ยว เราก็ยอมจ่ายเงินที่หามาอย่างยากเย็นมา แปลว่า มันต้องมีอะไรดี ?'
- คำถามที่ทำให้เรา 'สนุกและเก่งขึ้น' คือ ...'อะไรทำให้ฉันมาเที่ยวที่นี่ ...หรือ อะไรทำให้ฉันมากินที่นี่ ?'
ตอบ ..เพื่อนแนะนำ / เจอกระทู้ใน Pantip / เจอในหนังสือพิมพ์ / อ่านเจอในนิตยสาร / รายการท่องเที่ยง / หนังสือท่องเที่ยว /
...ลองตอบซิครับ ว่า 'อะไรที่ทำให้เรารู้จักที่นี่'
หนึ่ง : 'อะไรที่ทำให้เรารู้จักที่นี่' ก็คือ พาหนะ ..มันสำคัญกว่า เครื่องบิน หรือรถยนต์เสียอีก เพราะมันคือสิ่งที่พาเรามาเสียเงินนี่แหละ
สอง : 'ใครเล่าเรื่อง ทำให้เรามาที่นี่' ...อันนี้สำคัญกว่าพาหนะอีก เพราะ คนเล่าเรื่องนี่แหละสำคัญมาก ..คนนี้แหละ ทำให้เราตัดสินใจ เดินทางมา
วันนี้อยากยกตัวอย่างนักเล่าเรื่องคนนึง ที่ชื่อว่า Jamie Oliver ...เขาคือ นักเล่าเรื่องผ่านอาหาร ..เขาเป็นคนอังกฤษ ที่เล่าเรื่องการทำอาหารแบบง่ายๆ ใช้วัตถุดิบง่ายๆ ที่อยู่รอบตัว ..เอาของในตู้เย็น หรือสวนหลังบ้าน มาทำอาหารให้น่ากิน อร่อยแบบง่ายๆ
เขาเล่าเรื่องราวเขา ผ่านทีวี ..ผ่าน Facebook ...ผ่านสื่อต่างๆ รอบๆ ตัว ....เล่าผ่านร้านอาหาร 35 แห่งของเขา ...วันนี้เขาเป็น Naked Chef ชื่อดัง ที่รณรงค์การเปลี่ยนการกินของเด็กๆ อังกฤษ ..'เด็กต้องกินสิ่งที่มีคุณภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น' ...การเล่าเรื่องตลอด 20 ปีที่ผ่านมา สร้างให้เขามีทรัพย์สิน 400 ล้านเหรียญ ก็คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท
นี่แหละ 'พลังของการเล่าเรื่อง' ...ซึ่งมีหลักการเบื้องต้นง่ายๆ ดังนี้
1. สิ่งที่อยากเล่าต้อง 'แก้ปัญหา และ สร้างประโยชน์' ให้ผู้คน
2. เรื่องที่จะเล่า 'ต้องสนุกและน่าสนใจ' (เคล็ดลับอยู่ที่วิธีเล่าต่างหาก อย่าเพิ่งปิดใจ ..ต้องเริ่มจากฝึกวิธีเล่า)
3. สื่อที่จะเล่า ต้องเริ่มจากฟรี หรือ มีค่าใช้จ่ายต่ำ ..ทุกวันนี้ Social Media ทำให้การเล่าเรื่องง่ายกว่า และถูกกว่าแต่ก่อนเยอะมาก
4. สิ่งที่เล่าต้อง 'พิถีพิถัน + ใส่ใจ + สร้างแรงบันดาลใจ' ให้ผู้รับสาร
5. อย่าหยุดที่จะเล่าเรื่องในสิ่งที่คุณทำ เพราะ มันคือ คุณค่า และ แบรนด์ !!
'ฝากข้อคิด จากนักเล่าเรื่อง'
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น