ตั้งแต่เริ่มอาทิตย์นี้ ฝรั่งเริ่มเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง 3 วัน ยอดซื้อสุทธิ 4,370 ล้านบาท Fund Flow เข้าเยอะ ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น(ผมเซ็งเป็ดมากๆ เพราะตอนนี้มีเงินต่างประเทศเข้า รอแลกก็แข็งขึ้นๆ น่าเบื่อจริงๆ) แต่ผมไม่ตกใจหรอกครับเพราะการแข็งค่าของเงินบาทสอดคล้องกับ Fund Flow ที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องแสดงว่า ต่างชาติเริ่มมองบวกขึ้น --- อันที่จริงตลาดไทย ตอนนี้นับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้ง Dividend Yield ก็ให้ผลตอบแทนที่สูง(สูงกว่าเงินฝาก 10 ปี คือ ต้องฝากเงิน 10 ปี กว่าจะได้เท่าปันผลในตลาด --ตลกไหมทำไมคนไม่กล้าลงทุน )
ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ตอนนี้ Fund Manager ใหญ่ๆ อย่าง กบข. / ออสสิน และ กองทุนประกันสังคม ต่างเตรียมเงินสด รวมประมาณ 20,000 ล้าน รอซื้อหุ้น ถ้าเกิดหุ้นตก -- ถ้ามองอย่างนี้แล้วแสดงว่า ตลาดไม่น่าจะตกมาก ถึงตกก็น่าจะช่วงสั้น
สัญญาณการเข้าของต่างชาติที่ชอบสวนกระแส เริ่มมาตั้งแต่ตอนตลาดแตะ 600 จุด ปีที่แล้ว นักวิเคราะห์ทุกคนฟันธงให้ออกได้แล้วเพราะตลาดจะพัง ปรากฏ Fund Floe วิ่งเข้า สวนทางนักวิเคราะห์ สรุปตลาดไม่ตก เอาแต่ขึ้น ขึ้น จนไปแตะ 750 จุด (คนที่เชื่อนักวิเคราะห์ นั่งน้ำลายยืด เอ๋อไปเลย กลายเป็นขายหมู แล้วท้ายที่สุด รายย่อยก็ไปรับที่ประมาณ 700 จุด ที่ต่างชาติเทขายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2552 จนถึงต้นปี 2553 --- ตอนนี้เข้าช่วงวัดใจอีกครั้ง ต่างชาติเข้าเก็บอย่างต่อเนื่อง -- ผมถามหน่อยว่า หุ้นจะขึ้นได้ เพราะต่างชาติ้อเท่านั้น แล้วตอนนี้ต่างชาติซื้อ งั้นสรปว่าหุ้นก็ต้องขึ้นจริงไหม (แล้วไอ้พวกที่ขายอยู่ตอนนี้ เขากำลังขายหมูหรือเปล่า ประเด็นนี้น่าคิด จริงไหม)
ส่วนตัวผมมองตลาด side way up ส่วนจะ up มากน้อย มันขึ้นอยู่กับต่างชาติว่า รอบนี้จะลากไปเชือดที่กี่จุด เพราะถ้ามองให้ดี การเข้าตลาดในช่วงนี้ของต่างชาติ ถือว่าฉลาดมาก เพราะข้อแรก กำลังจะปันผล ส่วนข้อสอง หุ้นไม่แพง ดังนั้น ต่างชาติเขาถือว่า การมาปั่นรอบนี้หากไม่สำเร็จ เขาก็ไม่เจ็บตัว แค่รอรับปันผลเฉยๆ พอสิ้นปี พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ตลาดก็วิ่งได้ต่อ รับทั้ง ปันผล รับทั้ง Capital Gain พุงกางสบายจริงๆ
การวาง port ที่ save ที่สุดในขณะนี้น่าจะถือหุ้นที่ประมาณเกิน 70% แล้วถือเงินสด 30% เพราะเงินสดถือเป็น Insurance Policy คือ ถ้าตลาดพลิคคุณก็แค่ใช้เห็นสดที่มีอยู่เก็บหุ้นในราคาถูกเพิ่ม แต่หากไม่ตก หุ้นที่คุณถือ 70% ก็มากพอที่จะให้ผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำ (แต่สำหรับคนที่ใจถึงกว่าผม ผมก็ยังเชื่อว่าปี นี้น่าจะผันผวนมากกว่านี้ คือ ต้องตกกว่านี้ ส่วนตอนขึ้นต้องสูงกว่านี้ พูดแค่นี้คุณคงคิดออกว่าผมหมายความว่าอย่างไร จริงไหมครับ นักพนันใจใหญ่ทั้งหลาย)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
หลายคนสงสัยว่า ตลาดหุ้นผันผวนสุดๆ ทำไมนักลงทุนระยะยาวถึงแทบไม่เคยดูราคาหุ้นขึ้นลงรายวันเลย ? "บ้าหรือ เงินแกว่งขึ้นลงเป็น แสน เป...
-
"ใครว่าเป็นนักธุรกิจยาก ..หากเทียบนักกีฬา เกมธุรกิจเล่นง่ายกว่าเยอะ -- เล่นแล้วรวยอีก!!" ..คิดดูนะ ถ้าเราเล่นกีฬาอะไรก็ต...
-
‘หุ้นไทย’ ไม่มีอนาคตแล้วจริงหรือ ? 1. ’ขาขึ้นรอบใหม่ มักเริ่มเวลาที่ทุกคนสิ้นหวัง’ …ก็ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นต้นรอบ 2. ’ไทยม...
-
6 ข้อ ใสใส VI รุ่นใหม่ ควรต้องรู้ ขึ้นชื่อว่า ‘นักลงทุนคุณค่า’ ก็แปลว่า เราต้องข้ามผ่าน ’ราคา’(Price) แล้วพุ่งไปที่แก่นของมันคือ ‘มูลค่า’ (...
-
7 ข้อ ที่คนปกติเขาไม่ทำกันในตลาดหุ้น 1. ’หมกมุ่นอยู่ในจุดที่คนอื่นบอกไม่มีอนาคตแล้ว‘ …ตลาดหุ้นไทยไม่มีอนาคตแล้ว ไปตลาดอื่นเถอะ 2. ’ซื้อหุ้น...
-
'ขายของอย่างไรในยุคขายยาก' คนที่จะขายสินค้าและบริการได้เก่งในยุคนี้แบบ Steve Jobs คือ สามารถสร้างสินค้าและบริการที่ 'โดน' มา...
-
วันนี้ไปเจอหนังสือเล่มนึง ที่ผมว่า เขียนได้ In-trend มากๆ ..มันเป็นแนวคิดสำหรับ คนรุ่นใหม่ที่อยาก Self-made "คนรุ่นใหม่ที่สร้างตัวด้วยต...
-
วันนี้มีโอกาสได้คุยกับ คุณ สุระ ผู้ก่อตั้ง Com7 เจ้าของ ร้านในเครือ Banana IT ..เดี๋ยวนะ อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการมาเชียร์หุ้น แต่จะมาเล่ามุ...
-
ในหนังสือ สร้างล้านแรกต้องแหกกฏ ...มีอยู่บทนึงที่พูดถึง การหาตัวตนของเราให้เหมาะกับงาน ...ซึ่งก็คือ การรู้ว่า "จริตการทำงาน" ขอ...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น