แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ช่องว่างกับการเรียนรู้(2)


การเรียนในระบบไม่ได้สอนให้เราสำเร็จ เพราะความรู้ที่เราได้เรียนมาเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้ หลายคนดิ้นรนเรียนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงโท ถึง เอก แต่กลับพบว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ช่วยให้เราประสบความสำเร็จเหนือคนอื่น และ อีกหลายๆคนก็ไม่เรียนเลย นอนอยู่กับบ้าน นั่งดูแต่ทีวี ก็พบว่าชีวิตก็ไม่ไปไหนเช่นกัน -- หลายคนพยายามเสนอทางสายกลางหรือความพอดี ก็ทำให้คนๆนั้น มุ่งสู่ความเฉี่อยชา ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้สำเร็จเหนือคนอื่นเช่นกัน

บทสรุปจึงมาลงตัวที่ความคิดต่าง ซึ่งความคิดต่างต้องมาจากการกระทำที่ต่างเช่นกัน เพราะหากเราไม่ได้ทำต่าง เราก็ย่อมไม่ได้คิดต่างเช่นกัน คนที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงหลายคน เกิดจากการมุ่งทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งและ สิ่งเดียวตลอดชีวิตของเขาก็ว่าได้ เช่น Tiger Woods สิ่งทั้งหมดที่เขารู้และทุ่มเทจนถึงปัจจุบันนี้ก็คือ กอล์ฟ หรือ นักประดิษฐ์ต่างๆก็ล้วนแล้วแต่เก่งด้านเดียวแต่เก่งสุด

-- คำถามคือ แล้วถ้าเราเก่งด้านเดียวแต่ไม่สุดๆ เรามีโอกาสสำเร็จไหม อันนี้ก็พูดยาก เพราะคนที่ทำด้านเดียว มุ่งด้านเดียวมีมาก แต่คนที่สำเร็จจริงๆ น่ะมีน้อย ไม่งั้น คงมีหลาย J.K Rowling หลาย Tiger หลาย ไอสไตล์ --- ยิ่งคิดก็ยิ่ง งง ว่าแล้วทำอย่างไรจะประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องเสี่ยงมาก -- ก็ขอบอกเลยว่า ไม่มี เพราะ High Risk ถึงจะ High Return ไม่งั้นทุกคนคง รวยประสบความสำเร็จไปล้นโลกแล้ว

แล้วเราทำอย่างไรให้มีโอกาสสำเร็จได้เหนือกว่าคนอื่น --- ก็คือเราต้องแสวงหาช่องว่างของโอกาสที่เหมาะกับตัวเรา ซึ่งถ้าเราประเมินว่า โอกาสที่เข้ามามันคุ้มที่เราจะเสี่ยง ก็ลองดู --- แต่ต้องไม่ลืมว่า โอกาสที่จะเข้ามาในชีวิตคนแต่ละคนมีมากมาย แต่ทุกโอกาสไม่ได้นำไปสู่ความสำเร็จเสมอไป หลายๆโอกาสนำไปสู่ความล้มเหลวและบทเรียนที่แสนแพง

-- ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ได้รับบทเรียนอันแสนแพง จากการเข้าไปลงทุนร้านอาหารใน Australia ร้านแรก ที่เปิดเรียกได้ว่าขายดีมากๆ จนทำให้อยากเปิดร้านที่สอง และ ต่อมาถึงร้านที่สองจะขายดีน้อยลง ก็อยากเปิดร้านที่สาม ซึ่งแม้ยอดขายแต่ละร้านจะลดลง แต่ยอดขายรวมมันเพิ่ม จนในที่สุดเปิดร้านที่สี่ และ ห้า พอเปิดร้านที่ห้าเสร็จ ก็เจอวิกฤตเศรษฐกิจทันที ผลปรากฏว่า ยอดขายแต่ละร้านลดฮวบลงไป จนขาดทุน แทนที่จะขาดทุนน้อยๆ ผมกลับขาดทุน แบบคูณ ห้า

---ในที่สุด ลูกน้องก็ลาออกเพราะ กิจการย่ำแย่ จนผมต้องปิดลงทีละร้าน จนเหลือ สองร้าน ซึ่งทำให้ผมลดต้นทุน และกลับมาเป็นกำไรได้ แต่ปัญหาต่างๆก็ยังคงรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นหนี้ที่เกิดจากการขยายร้าน หรือ ภาษีที่ตามรังควาน เรียกได้ว่าผมใช้ 3 ปี สร้าง แต่ต้องใช้ถึง 5 ปี ตามล้างตามเช็ด กว่าจะหลุดออก จากความยากลำบาก มาเป็นกำไรต้องเสียค่าโง่ถึง 8 ปี เต็มๆ

--- จุดนี้ผม ถามว่า ถ้าคุณเป็นผมคุณจะทำไหม แน่นอนไม่ทำเพราะมันสุดจะโง่ แต่มันแฝงด้วยบทเรียนชีวิตที่เข้มข้นไม่ว่าจะเป็นปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้น ปัญหากับลูกจ้าง ที่จ้างมากจากเมืองไทย มาหาว่าเรากดขี่ หรือ หนี้สินที่พลุงพะลัง จนแทบไม่รอด แต่สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นบทเรียน ซึ่งประกอบขึ้นมาเป็นประสบการณ์ หรือ ความเก๋าของแต่ละคน --- ปัจจุบันนี้ผมฉลาดขึ้น และมองโลกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นจะฉลาดขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าผมเลือกที่จะไม่ทำอะไรผมคงไม่ต้องลำบาก แต่โอกาสในอนาคต ก็คงจะจำกัดเช่นกัน

ผู้ยิ่งใหญ่เกือบทุกคน ผมเชื่อว่าได้ผ่านความล้มเหลวมาแล้วทั้งสิ้น แต่ตัวที่ทำให้เขาสามารถลุกขึ้นมาได้ หรือ ไม่มันขึ้นกับว่า เขาผู้นั้นพลิกวิกฤตให้กลายเป็นอะไร --บางคนพลิกวิกฤตให้เป็นหน้าผาแล้วก็กระโดดลงไปตาย อันนี้ผมไม่ Comment แต่บางคนพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และนี่เองคือ นิยามเน่าๆที่หลายคนพยายามสร้าง Gimmick เพื่อมาเขียนหนังสือหาเงิน --- ไม่มีหรอกครับไอ้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส มีแต่การแก้ไขที่เจ็บปวด กับความอดทนผ่านช่วงเวลาแล้วเริ่มใหม่ ต่างหากที่เป็นของจริง

หลายคนบอกว่าเป็นคนจริง แต่ลองเจ๊งสักนิด อาจเข็ดขยาดไม่กล้าทำอะไรอีกตลอดชีวิตก็เป็นได้ ---- สุดท้ายนี้ขอสรุปว่า การหาช่องว่างของการเรียนรู้มัน ก็คือ ความกล้าที่จะทำสิ่งที่เราเชื่อว่ามันดี ทำไปแต่อย่าให้ใครเดือดร้อน หรือ อาจพูดได้ว่า ทุกคนที่อายุยังน้อยต้องวิ่งไปหาความล้มเหลวก่อนเพราะ ความล้มเหลวเป็น บันไดที่เราจะต้องผ่านก่อนไปสู่ความสำเร็จ เพราะถ้าเราไม่เรียนรู้ที่จะลุกขึ้นมาหลังจากที่เราล้ม ผมว่าคุณก็ไม่มีทางจะสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

--- ไม่มีใครหรอกครับที่ ชนะ หรือ สำเร็จตลอดเวลา หากแต่ถ้าโดยรวมแล้วเราสำเร็จมากกว่าล้มเหลวก็ถือว่าเราสำเร็จแล้ว -- คนที่ไม่เคยล้มเหลวก็ไม่ต่างจากคนที่ไม่เคยทำอะไรนั้นเอง (อย่าภูมิใจ) "คนจริงล้มได้ ก็ลุกได้ จริงไหมครับ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ