คำสารภาพของคนยุค ‘80
‘โห!! พี่โบราณ โคตรๆ ...ผมดูจากการคิด และ วิธีพูดของพี่ ผมนี่เซ็งเลยครับ !!’
ผมเกิดในยุคที่ แทบไม่มีเด็กคนไหนใช้มือถือ เพราะ มันแพงมากๆ เครื่องละแสน ของเงินสมัยนั้น ถ้าคุณไม่ใช่นักธุรกิจระดับใหญ่ หรือ ผู้ตรวจราชการลับ ..ไม่มีทางได้สัมผัสมือถือ
โทรศัพท์บ้าน เป็นของหรูหราในยุคผม ...บ้านใครมีแปลว่า คุณมีเส้น
เทป ครับ กับ นักร้อง RS ..ทุกเพลง เราจะร้องกันได้ทั้งบ้านทั้งเมือง
..ค่านิยมในยุคนั้น ...คือ นิยมฝรั่ง ...เออ ทุกวันนี้ ก็น่าจะนิยมอยู่นะ เพราะเราใช้แต่ของฝรั่ง แต่มันเพิ่มมาคือ เกาหลี
ความใฝ่ฝันของผมตั้งแต่เด็กคือ โตขึ้นจะเป็นนักธุรกิจ ...บอกตรงๆ ไม่เข้าใจหรอกว่า ธุรกิจคืออะไร ...รู้แต่ว่า ผมเห็นพ่อใส่สูทไปทำงานทุกวัน แล้วมันเท่ห์มาก ...ก็อยากเป็นแบบนั้นแหละ
ผมไปถามพ่อว่า ‘ทำไงผมถึงจะเป็นผู้จัดการได้ครับ?’
พ่อก็ถาม แล้วเอ็ง จะไม่เป็นตำแหน่งอื่นเลยใช่ไหม คือ จะเป็นผู้จัดการเลย ?
‘ใช่ครับ!!’ (ตอบแบบชัดเจน)
พ่อ (ส่ายหัว) แล้วบอกว่า ‘ถ้าอยากเป็นผู้จัดการเลย ก็มีทางเดียว พ่อต้องซื้อบริษัทนี้’
‘อะไรวะ ? ...ไม่เข้าใจ’ ...ก็มารู้ตอนหลังว่า ...ผู้จัดการที่เก่ง ต้องเคยเป็นลูกน้องมาก่อน ...ถ้าเราทำงานได้เก่งกว่า ทำงานหนักกว่าคนอื่น สุดท้ายเราจะได้ความรับผิดชอบที่มากขึ้นตามลำดับ
พ่อถามว่า ‘วางแผนชีวิตยังไง ?’
ผมก็ตอบว่า ‘ไม่รู้ครับ’
ถ้ารู้ดิแปลก เด็กยุค ‘80 ต้องไม่รู้ว่าจะทำอะไร ..เอาตรงๆ ไม่รู้อะไรเลย ...ยุคผมไม่มี Google ครับ ไม่ค่อยรู้อะไรหรอก ...คิดดู อยากรู้อะไร ต้องไปห้องสมุด มันลำบาก งั้นก็ไม่ต้องรู้ดีกว่าไหม ...แล้วก็ไม่ทะเยอทะยานมาก เพราะ ไม่มี Facebook , instagram ให้เห็นชีวิตคนอื่น ก็เลยไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
วันนึงแม่ เดินมาหาผม แล้วบอกว่า ‘ไปสอบ AFS ซิ’
สมัยนั้น AFS น่าจะเป็นโครงการแลกเปลี่ยนไปต่างประเทศไม่กี่อันในโลกที่มี ...แม่มานั่งเล่าให้ฟังว่า นักเรียนแลกเปลี่ยนดียังไง ...ก็เล่าอยู่ 3 วัน จนผมตัดสินใจว่า ‘ไปลองสอบ ก็ได้’
อัตราการสอบติด น่าจะยากพอๆ กับ สอบเข้ามหาวิทยาลัย ..คัดคนที่เก่งภาษา ซึ่งภาษาเป็นวิชา ที่ผมเรียนห่วยสุดแล้ว (ห่วยพอๆ กับ วิชาเลข และ ภาษาไทย) ...เอาตรงๆ ทุกอย่างที่เป็น ตรรกะ ผมอ่อนหมด ...จุดแข็งผมคือ จินตนาการ ...ไงล่ะ !!!
ที่สำคัญ คือ ผมไม่ได้เตรียมตัวอ่านหนังสืออะไรเลย เพราะ เอาจริงๆ ก็คิดว่า ‘ไม่มีทางสอบติด’
ประกาศผล ‘ผมผ่านข้อเขียน’ ต่อไปคือ สอบสัมภาษณ์ ...คุณคิดดูซิ ผ่านข้อเขียน ไปเจอสอบสัมภาษณ์อีก ....คราวนี้ผมเริ่มอยากได้จริงๆ ละ ...คนเราจะมีพลังจะสู้ เมื่อมันเห็นโอกาสชนะ จริงไหม ?
พอผ่านข้อเขียน ผมเห็นแล้วว่า ผมมีโอกาสชนะ ...คราวนี้ผมเตรียมตัวอย่างดีเลย ...แล้วการสอบสัมภาษณ์เขาให้เราเลือกประเทศก่อน ...ที่จริงผมอยากไปอเมริกา แต่รู้ว่า คนเลือกอเมริกามันเยอะ ถ้าไปเลือกอาจไม่ติด ...ผมเลยเลือกประเทศที่พูดภาษาอังกฤษแต่คนเลือกน้อยกว่า คือ ‘ออสเตรเลีย’
‘ผมใช้หลักการ ลดเป้าให้ต่ำลง แล้วทุ่มเททรัพยากรไปเพื่อชนะเป้าหมาย’ ...ติดครับ (ติดแบบนักกลยุทธ์ ใช้ทรัพยากรน้อยนิดที่มี พุ่งไปที่จุดๆ เดียว)
ก่อนไปผมตื่นเต้นมาก รีบไปแจ้งทางโรงเรียน ว่า ผมขอดรอปเรียน 1 ปี ไปแลกเปลี่ยน ...อาจารย์บอกว่า ตอนนี้โรงเรียนเปลี่ยนนโยบาย คือ สมัยก่อนใครไปแลกเปลี่ยน ก็เอาวิชาในต่างประเทศมาเทียบแล้วเรียนต่อเลย ..แต่ตอนนี้นโยบายใหม่ กลับมาเธอ ต้องเรียนซ้ำชั้น ...คือ ‘เธอต้องกลับมาเรียนซ้ำชั้น เรียนกับรุ่นน้องอีกปีนึง’
‘อะไรวะ ตกลงนี่คือ รางวัล หรือ การทำโทษ’ ..โคตรคิดหนัก เพราะ การซ้ำชั้นมันเหมือนตราบาป
...คิดอยู่หลายวัน ...’เอาวะ !! ซ้ำชั้นก็ได้ กูจะไป’
...นี่คือ จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สุด ในชีวิตเด็กธรรมดาๆ คนนึง ในยุค ‘80 ที่เรียนกลางๆ อ่อนเลขและภาษา ...ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ...ไม่มีความฝันอะไรที่เป็นของตัวเอง ...
(ชีวิตและความคิด ทั้งหมดเปลี่ยนแปลง เมื่อผมกลายเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ออสเตรเลีย)
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น