แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

“ฟรีด้อมเทรดเดอร์” ทำอะไรถึงจะรุ่ง ( Freedom Trader !!)

“ทำอะไรจะรุ่ง ..เป็นคำถามที่ถามง่ายแต่ตอบยาก” -- บางคนบอกให้ทำในสิ่งที่ชอบ ใช่ไหม!! …

ในยุคก่อน ที่ Demand เยอะๆ แต่ Supply น้อยๆ “ทำอะไรก็รุ่ง” หากใครจำสมัยยุค RS รุ่งเรือง สมัยนั้น ฮ่าฮ่า (ขำ) จะเห็นได้ว่า “เชยโคตร วงการบันเทิง” ประเด็นคือ ใครหน้าตาดี เขาเอามาเป็นนักร้อง เรื่องความสามารถค่อยมาฝึกเอา ---“แต่จุดนี้ถ้าใครสังเกตุการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน มันคนละเรื่องเลย”

ทุกวันนี้ ถ้ามองแค่ธุรกิจบันเทิง ใครอยากจะเป็นนักร้องต้องแข่งกันเข้ามา คือ คุณต้องมีฝูงชน ชื่นชอบก่อน เช่น พวก The Star , AF หรือ เวทีต่างๆ …ที่เป็นเช่นนี้เพราะมันง่ายต่อคนปั้น “ปล้ำง่าย..เฮ้ยไม่ใช่!! หลุดๆ ๆ .. ปั้นง่าย ต่างหาก” …. “มาให้ป๋าปั้นซิ -- ไม่ค่อยมีแล้ว เดี๋ยวนี้ต้องผ่าน The Star … จากนั้นป๋าค่อยรอ Step ถัดไป …หุ หุ”

ดังนั้น ถ้าคิดดีๆแล้ว ในเมื่อยุคนี้ คนเก่งมันเยอะขึ้น ในด้านการผลิตสินค้า Supply ก็เริ่มมากกว่า Demand…ดูจีนซิครับ ผลิตอะไรก็สุดจะ Mass ราคาต่อชิ้นก็สุดถูก ประเด็น มันคือ เมื่อตัวเลือกมันเยอะมากๆ --การที่คุณจะโดดเด่นในส่ิงใด นั่นหมายความว่า คุณต้องเจ๋งสุดๆ จริงไหม!!

บอกตรงๆกว่าผมจะเข้าใจประเด็นนี้ ผมโยนทิ้งไปแล้ว 20 ล้านบาทเป็นค่าโง่ คือตอนขยายกิจการร้านอาหารในออสเตรเลีย มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมรัก หรือ สิ่งที่ผมถนัดแต่อย่างใด มันเป็นเพียงช่องว่างที่ผมเห็นว่า “อาหารไทย” มันสามารถโตระดับโลกได้ ..แต่สุดท้ายผมก็คิดผิด เพราะโอกาสจริงๆมันไม่ได้สำคัญที่สุด …การที่เรามองเห็นโอกาส ก็ใช่ว่าคนอื่นเขาจะไม่เห็น ดังนั้น การที่ผมกระโดดเข้าไปในโอกาส โดยที่ผมไม่มี ความเชี่ยวชาญอย่างโดดเด่น --- ในที่สุดมันก็ไปไม่รอด!!

หลังจากนั้น ผมกระโดดเข้าไปในกิจการกระจก ซึ่งผมก็ไม่มีความชำนาญอีกเช่นเคย -- สรุป ทั้งหมดคือ ค่าโง่!! “โง่ที่ไม่เชื่อว่า ความสำเร็จต้องเกิดจากสิ่งที่เรารัก และชำนาญต่างหาก” ..หลายคนบอกว่า “ผมยังหาไม่ได้” …ผมก็บอกได้เลยว่า ตราบใดที่คุณยังหาไม่ได้ “คุณก็ไม่มีทางสำเร็จ..ฟันธง!! ..อ้าว เฮ้ย ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ”

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ “จะทำอย่างไรเราถึงจะหาเจอว่า เราชอบและชำนาญอะไรล่ะ” คำตอบก็คือ “คุณก็หาให้เจอซิครับ”

การหามันต้องเกิดจากการสังเกตุ ว่าเราทำอะไรแล้ว “มันดี” ถ้าทำแล้วมันดี แถม “คุณชอบ” มันก็มีโอกาสที่สิ่งนั้นๆ หากคุณมุ่งมั่นที่จะทำมัน ก็อาจนำไปสู่ความสำเร็จได้ ….ใช่แล้ว!! ผมพูดอย่างนี้ อาจกระทบจิตใจใครหลายๆคนว่า เอ๊ะ!! เรามาทำงานทุกเช้า โคตรจะไม่อยากมาทำงานเลย ..ยิ่งวันไหนวันหยุดน่ะ โห!! แม่เจ้า ดีใจสุดขั้ว .. “ก็นี่แหละงานผม ทำเพื่อมีเงินเดือนมากิน รอเพียงวันหยุด” --- เห็นไหมล่ะครับว่า คนส่วนใหญ่รู้สึกเช่นนี้ กับงานที่ตัวเองทำ มันจึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ ไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำ “ก็เพราะเขาไม่ได้รักในสิ่งที่ทำ และไม่ชำนาญ”

“ลาออกซิ!!” อิ อิ เฮ้ย !! ไม่ใช่ จะบ้าหรือ …ถ้าใครอ่านบทความนี้เสร็จแล้วอยากลาออก ก็บ้าเต็มทีแล้ว เพราะมันผิด Step คือ ก่อนอื่น “มันต้องหาให้เจอก่อนว่า คุณชำนาญและชอบในเรื่องอะไร จากนั้นต้องมาดูว่าสิ่งที่คุณชอบนั้น มันสามารถทำเงินได้ไหม …ส่วนใหญ่ผมบอกได้เลยว่า สิ่งที่คุณชำนาญและชอบ มักเป็นสิ่งที่ไม่ทำเงิน ฮ่า ฮ่า”

คุณรู้ไหมสิ่งที่ เศรษฐีของโลกที่ทำในสิ่งที่ตัวเองรักในตอนแรก มันก็ไม่ได้ทำเงิน …สมัยที่ Tiger Woods เล่นกอล์ฟหลังเลิกเรียนช้อมอย่างหนักเป็นเวลานับสิบปี ก็ไม่ได้ทำเงินแต่อย่างใด ..มันค่อยมาทำเงินทีหลัง ประเด็นก็คือ Tiger Woods รักในสิ่งที่ทำ เพราะทำได้ดี และ Keep going เขาจึงรวยเป็นพันล้านอย่างวันนี้ “เริ่มจากสิ่งที่รัก”

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ค ชอบเล่นคอมเป็นชีวิตจิตใจ เขาใช้เวลาเป็นสิบปี ฝึกฝนเล่นคอม เขียนโปรแกรม จริงๆเขาก็ไม่ต่างจาก Bill Gates , Sergey Brin , Larry Page เท่าไหร่ ที่ทุ่มชีวิตให้กับสิ่งบ้าๆ อย่าง คอมพิวเตอร์ จนเกิดความชำนาญ และในที่สุดหลังจากนั้นเป็นสิบปี จึงมี Microsoft มี Facebook มี Google …ทั้งหมด เร่ิมจาก “รักในสิ่งที่ทำ แถมทำอย่างไม่ได้อะไรเลยเป็นสิบปี ก่อนที่ “ไอ้ไม่ได้อะไรเลย” จะสร้างเงินให้เขารวยระดับโลก”

แถมไปอีกคน J K Rowing นักเขียนนิยายเพ้อฝันไส้แส้ง ลูกติด กินเงินประกันสังคมจากรัฐบาล ประทังชีพ อย่างตกอับ แต่ก็เขียนไอ้นิยายเพ้อฝัน พ่อมดบ้าบอ เป็นสิบปี ก่อนที่ไอ้นิยายพ่อมด บ้าบอ จะกลายมาเป็น Harry Potter และสร้างให้ J K Rowing กลายเป็น เศรษฐีพันล้านคนแรกของโลกที่สร้างตัวจากอาชีพนักเขียน “อันนี้ก็เกิดไม่ได้เลย หาก J K Rowing ไม่ยอมเป็นนักเขียนไส้แห้ง และ Keep on เขียนนิยายเพ้อฝัน ที่ตนเองรักเป็นเวลานับสิบปี ก่อนที่ สิ่งนั้นจะเริ่มทำเงินให้เขามหาศาล”

หากเทียบกราฟความสำเร็จของคนที่มั่งคั่งจากสิ่งที่รัก มันคงเป็น “กราฟเรียบๆกระดกตูด--แบบตูดเป็ด” ก็เพราะช่วงแรก มันไม่ได้อะไรเลย ดังนั้น ถ้าคุณไม่ได้รักในสิ่งที่ทำ “คุณเลิกทำไปตั้งนานแล้ว”

ผมเฝ้าสังเกตุ ระยะเวลา อย่างน้อยที่คนเหล่านี้ “ทำสิ่งนั้นโดยไม่เห็นอะไรเลย” น่าจะประมาณ สิบปีเป็นอย่างน้อย ..ดังนั้น วันนี้ถ้าใครมาบอกผมว่า ลงทุน เล่นหุ้น หรือ ทำอะไรก็ตาม ..ถ้ายังทำไม่ถึงสิบปี ..ผมบอกได้เลย ว่ามันยังวัดไม่ได้ !! (สิบปี ไม่มีอะไรเลย โหด โคตร …ดังนั้น อยากสำเร็จมากๆ มันยิ่งยาก เพราะน้อยคนในโลก กล้าที่จะทำในสิ่งที่ สิบปี ไม่เห็นอะไรเลย… แปลกแต่จริง!!)

บ้านเรา “เมืองไทย” เหนื่อยหน่อย เพราะคุณมีสังคมรอบด้าน เพื่อนบ้าน พี่น้อง ญาติ คอยใส่ไฟคุณอยู่ “เฮ้ย!! ลูกเอ๊งวันๆ ไม่เห็นทำอะไรเลย ใส่แต่ชุดนอน นั่งอยู่หน้าคอม พอว่างๆ ก็นั่งสมาธิ ..มันเพื้ยนหรือเปล่า” ..แต่หารู้ไม่คนที่หลายคนนึกว่าเพื้ยนนั้น คือ Freedom Trader (เทรดเดอร์อิสระ ที่ทำเงินในชุดนอน)!!

แหม!! เล่ามาซะยาว ก็จะโฆษณา หนังสือ “ฟรีด้อมเทรดเดอร์” อาชีพอิสระที่สามารถทำเงินในชุดนอน ..ฮ่า ฮ่า เป็นผลงาน ร่วมสร้างระหว่าง "Trader ลึกลับ" กับ ภาววิทย์ ฺนายธนาคาร & นักเขียน ไส้แห้ง ที่มีความหวังจะเผยแพร่ ความรู้ในด้านการ Trade และ Hedging ให้ทุกคนรู้ว่า “ความมั่งคั่ง ในโลกยุคต่อไป มันไม่ได้อยู่ในมือเจ้านายหรือใครก็ตาม แต่มันอยู่ในมือคุณ”

…นี่แหละหนังสือที่คนรุ่นใหม่ทุกคนต้องอ่าน !! “วางแผงทั่วประเทศเร็วๆนี้ที่ SE-ED ทุกสาขา”

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ6 มกราคม 2554 เวลา 13:59

    อะนะ นี่มันชีวิตจริงของผมเลย ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน ใส่ boxer ตัวเดียวนั่งหน้าคอม จนเที่ยงค่อยอาบน้ำออกไปห้องค้า เลิกแล้วก็ ออกกำลังกาย ก่อนจะกลับบ้าน - -"

    ตอบลบ
  2. เป็นไปตามกฎ 10,000 ชั่วโมง

    ตอบลบ
  3. 5555+
    อยากอ่านๆๆๆ รอๆๆๆ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ6 มกราคม 2554 เวลา 21:16

    น่าอ่าน

    ตอบลบ
  5. กำลังหาหนังสือ การเงินอยู่เลย เพราะ ได้แนวคิดจาก เรื่องการเงินหลังไปฮ่องกงมา โดยกลุ่มคนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่รวยได้อย่างไร หาอยู่้พอดี เจอเล่มนี้ แค่จับหนังสือ ก็มีพลังอะไรบางอย่าง อ่านไปแค่ คำนิยม ก็ หุ หุ หุ ต้องซื้อไปอ่านให้ได้...... เลย จ่ายไป 213.75 บาท ลดไป 11.25 ราคาหน้าปก 225 บาท คุณค่า น่าจะ 225 Billion dollar จริง จริง จริง สิ ? ไปซื้อซะ

    สกลธัช www.Facebook/Sakoltouch

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ