แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

บุกถ้ำเสือสีส้ม แล้วโกยความรู้และความท้าทาย จากพี่ TJ


วันนี้ได้มีโอกาสไปสวัสดีปีใหม่พี่ TJ หนุ่มใหญ่มาดเข้ม CEO ของ "Green Spot"

...ผมและทีมธนาคารกรุงเทพ ขนทีมผู้จัดการเข้าไปคาราวะพี่ TJ ถึงถ้ำเสือ ..."ได้กิน Vitamilk กันจนอิ่มท้อง แถมได้ความรู้รอบด้าน ตั้งแต่ Customer Service ไปจน Commodity Hedger !!"

ฮั่นแน่ !! เพื่อนๆอาจ งง ว่า ธุรกิจอย่าง Green Spot และ Vitamilk เกี่ยวข้องอะไรกับ Commodity ล่ะ ...เกี่ยวครับ แถมเกี่ยวอย่างแรง !!--- เพราะทุกขวดทุกกระป๋อง ของเครื่องดื่มเต็มไปด้วย Commodity อัดแน่นกระป๋อง นั่นก็คือ "ถั่วเหลือง และ ก็น้ำตาล"

ปัญหาที่น่าตกใจของธุรกิจในปัจจุบันนี้ ก็คือ ความเสี่ยงในเรื่องของต้นทุน "ลองคิดดูนะครับว่า สมมุติ Vitamilk หนึ่งขวด ราคาขายต้อง Fix เช่น 10 บาท แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ถ้าใครดูราคาน้ำตาลและถ่ัวเหลือง จะเห็นได้ว่า Commodity ทั้งสองที่เป็นส่วนประกอบหลักของ บริษัท Green Spot มีราคาผันผวนขึ้นลงเป็น "เจ้าเข้า" (ราคาแกว่งขึ้นลงทีเป็นเท่าตัว ในเวลาไม่กี่เดือน และนี่เป็นเรื่องที่น่ากลัว)

--- นั่นหมายความว่า ราคาขาย ปรับไม่ได้ง่ายๆ แต่ต้นทุน แกว่งขึ้นลง คือ ถ้าบริษัทไหน ไม่มีความรู้ในเรื่องของการ Hedge (ป้องกันความเสี่ยง โดยอาศัย Derivatives ทางการเงินอย่าง Futures แล้วล่ะก็ ..."สยองได้ง่ายๆ")

ผมจะยกราคา Commodity ทั้งสอง มาให้ดูกัน เริ่มจาก น้ำตาล SB.1

(ดูกราฟ) จะเห็นได้ว่าราคา น้ำตาลในหนึ่งปี มีการแกว่งขึ้นลงของราคาเป็นเท่าตัว "สยองโดยแท้!!" ..ผมถามหน่อยว่า หากคุณทำธุรกิจที่ ต้นทุนของสินค้าวิ่งขึ้นลงแบบ ราคาน้ำตาลที่เห็นคุณจะทำอย่างไร -- ฮึม!! ทางแก้ก็มีอยู่ เช่น หนึ่ง ซื้อน้ำตาลมาตุนเลยถึงปีถัดไป คำถามคือแล้ว พอถึงปีถัดไปมาถึงจะทำอย่างไร ... หรือ ถ้าเก็บแล้วน้ำตาล ราคาลด คุณก็ขาดทุน หรือ ถ้าน้ำตาลเก็บแล้วคุณภาพแย่ ก็ซวย ..."คิดแล้ว มันยากสุดขั้ว!!"

เอาใหม่ "วันนี้หากเราใช้ความรู้ทางด้าน Technical Analysis มาช่วยในการคาดคะเนราคาขึ้นลง ก็สามารถลดความผันผวนที่มองไม่เห็นได้" เรามาดูตัวอย่างกัน

(ผมลองยกตัวอย่างสัญญาณของ Moving Avarage มาใช้ ก็สามารถช่วยในเบื้องต้นได้แล้ว ...จาก Chart เราจะใช้ EMA 13 วัน (เส้้นน้ำเงิน) และก็ใช้ EMA 34 วัน (เส้นสีแดง) --คือ ดูค่าเฉลี่ยของราคา ระยะสั้นกับระยะยาวมาตัดกัน ถ้าเส้น สั้นตัดเส้นยาวขึ้น ก็คือ เรามอง Bullish "ราคามันน่าจะขึ้นต่อ" ..แต่ถ้าเส้นสั้นมันตัดเส้นยาวลง ก็คือ Bearish "ราคามันน่าจะลงต่อ") --- เพียงแค่ใช้ EMA เข้ามาดู เป็นเบื้องต้น เราก็สามารถลดความเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนลงไปได้มาก

นั่งคุยอยู่กับพี่ TJ ก็ เห็นได้เลยครับว่า ในอนาคตหากใครมีความรู้ในเรื่องของ การใช้ Technical Analysis ผนวกกับการดู Demand & Supply ของ Commodity ก็จะสามารถควบคุมต้นทุน ได้ดีกว่ากิจการที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

ทุกวันนี้ อย่างบริษัท Green Spot ใช้ ถั่วเหลือง และน้ำตาล ปีละกว่า 20,000 ตัน ในการผลิตเครื่องดื่ม นับว่าเป็นปริมาณที่มหาศาลจริงๆ .."และนี่เป็นการยกตัวอย่างให้ดู เพียงบริษัทเดียว" ...ลองนึกภาพกิจการทั้งประเทศ ที่ต้องอาศัย Commodity เป็นวัตถุดิบการผลิตรวมกันซิครับ ว่ามันมีปริมาณมากขนาดไหน ...แล้วภาพระดับโลก ยิ่งมากเข้่าไปใหญ่ !!

สาเหตุที่ราคา Commodity ทั่วโลก มีความผันผวนมากขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจาก การที่ Fund Manager ทั่วโลก กลัวในเรื่องของความผันผวนในค่าเงินดอลลาห์และยูโร ก็ทำให้กองทุนมากมาย โยกเงินมาเก็งราคา Commodity ซึ่งจุดนี้ก่อให้เกิด Demand ที่โป่งมหาศาล เพิ่มขึ้นจาก Demand ปกติที่บริษัทต่างๆต้องใช้อยู่แล้ว (นี่แหละการ Bubble ที่เกิดใน Demand ของ Commodity)

นอกจากนี้ หากมองการ ที่ประชากรในกลุ่ม BRIC ที่กำลังย้ายสถานะจากคนจน ที่บริโภคน้อย เลื่อนมาเป็นชนชั้นกลาง ที่บริโภค Commodity มากขึ้น ทั้งทางตรง เช่นอาหาร และทางอ้อม เช่น จากบ้านที่ใหญ่ขึ้น รถยนต์ เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ..ทั้งหมด ก็คือ ภาพใหญ่ของปริมาณความต้องการ Commodity ที่มากขึ้น

"ทั้งเก็งกำไร ทั้งประชากรบริโภคเพิ่ม ผนวกกับ การผันผวนของเศรษฐกิจ" ไม่แปลกเลยครับ ที่เราจะเห็นราคา Commodity ราคาแกว่งขึ้นลงอย่างมหาศาล และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นับจากวันนี้ไป "มันเป็นภาพที่น่ากลัวมากๆ นะครับ หากคุณเป็นหนึ่งในกิจการที่มี Commodity เป็นส่วนหนึ่งในการผลิต"

...โอ้โห!! มาสวัสดีปีใหม่ พี่ TJ แต่ได้การบ้าน และ มุมความรู้ให้ไปคิดไปต่อยอด ...เอาเป็นว่า ผมและทีม Monkey Trade ภายใต้ชุมนุม S2M จะพยายามไปคิดและต่อยอดสร้าง มุมมองที่เกิดประโยชน์ แก่ตลาดและ Trend ความผันผวนของ Commodity ที่จะเข้ามากระทบกับชีวิตของทุกคน อย่างไม่สามารถหลีกเลียงได้

ลุยแล้ว !! "Monkey Trade"

ทุนนิยมในปัจจุบัน เรากำลังก้าวมาสู่ จุดเปลี่ยนที่สำคัญในเชิงโครงสร้าง ของต้นทุนการผลิต "เพราะผลกระทบในเรื่องของสภาพแวดล้อม มันเข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ ที่อเมริกาและยุโรปในช่วงยุคเริ่มต้น ไม่ได้ประสบ" ดังนั้น โจทย์ของการก้าวขึ้นมาของเอเชีย สู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก จึงไม่ใช่ทางเดินที่ง่ายดายอย่างที่หลายคนคิดแน่นอน

เอ้่า!! ก่อนจบบทความลองมาดูราคาถั่วเหลืองกันดู ว่า "สยองแค่ไหน!!"

(ราคาถ่ัวเหลือง วิ่งเป็นพลุแตกตั้งแต่ต้นปี "ตั้งแต่สัญญาณ EMA ตัดขึ้น" และภาพในขาขึ้น ในมุมของ Technical ยังคงส่งสัญญาณ Bullish อย่างต่อเนื่อง ...ถ้าคุณต้องใช้ถั่วเหลืองในปีนี้ คิดหนักแน่นอน เพราะ Price Move In Trend การขึ้นของราคาถ้าขึ้นแรง คุณเดาทิศทางได้เลยว่า มันจะขึ้นต่อ "เหมือนกับเรือน่ะครับ" ..ถ้าเรือจะหันหัวลง มันก็จะส่งสัญญาณทาง Technical ให้คุณเห็นก่อนเช่นกัน ..."ภาพเช่นนี้ เปิดสัญญาณ Long ขาเดียวครับ"...)

...เอาเป็นว่า ฝากโจทย์ ในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของต้นทุน "หากใครทำได้ดี คุณจะได้เปรียบคู่แข่งอย่างแน่นอน"

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5 มกราคม 2554 เวลา 22:23

    บริษัทท่านสุดยอดมากที่กล้าทำ ไวตามิ้ล ขายซึ่งผมดื่มเป็นประจำ ชอบแบบทูโกมา แบบเกิดมาตั้งแต่เด็กคิดมาตรอดว่าเมื่อไหร่ ผมจะเอาแบบขวดออกไปกินได้ ไม่ชอบกล่องรสชาติไม่เหมือนขวด

    ขอคารวะหนึ่งจอก

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ6 มกราคม 2554 เวลา 22:56

    ชอบกรีนสปอต / ไวตามิ้ล อร่อยดี มีปีะโยชน์ค่า

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ