เอาวาทะของนาย Murthy ครั้งที่มา เป็นองค์ปาฐก ให้ธนาคารกรุงเทพเมื่อสามปีก่อน ( Murthy พูดตั้งนานมาแล้ว แต่สิ่งที่เขาพูดมันกำลังเกิดขึ้น “จริง!!” ในปัจจุบัน นี่แหละที่เราเรียกว่า คนที่มี Vision อย่างแท้จริง มันทำให้ทุกคำพูด และทุกแนวคิด สามารถนำมาศึกษาต่อยอด พัฒนาความคิดของคนเล็กๆอย่างพวกเราได้ดีขึ้น “สุดยอดจริงๆครับ!!” )
…เศรษฐีอินเดียเหล่านี้สร้างตัวจากมือเปล่า ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ ไม่น่าจะสร้างธุรกิจได้ … “ประเทศอินเดีย ใครๆก็รู้ว่า Infrastructure ตั้งแต่ระบบราชการ การขนส่ง แรงงาน การคอรับชั่น ..พูดง่ายว่าไม่มีอะไรที่เอื้อในการสร้างกิจการระดับโลก อย่าง Infosys ได้เลย ..แต่!! พวกเขาทำได้ และทำได้ดีด้วย”
ปัจจุบันอินเดีย ถือว่าเป็น Back Office ของโลก …พวกเขาใช้เพียง “Internet + เครื่องคอมพิวเตอร์ -- มองข้ามทุกอย่างไป แล้วสร้างกิจการระดับโลก” …. คนไทยเกิดในสภาวะน้ำมีปลานามีข้าว ทำธุรกิจก็แสนง่าย ระบบการขนส่ง ท่าเรือ เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ .. “เราน่าจะทำได้อย่างพวกเขาบ้าง ..ลองทำดู!!”
“Leveraging Information Technology” (ติดปีกการแข่งขัน ให้ธุรกิจด้วย IT)
โดย Narayana N R Murthy
(ผู้ก่อตั้ง Infosys Technology “เศรษฐีพันล้าน ผู้มีแนวคิดติดดิน” ..ชายผู้นี้สร้าง ปรากฏให้ให้โลกเห็นว่า การหั่นบริษัทออกเป็นซีกๆ แล้ว นำไปตั้งอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลก มันเป็นเรื่องที่ทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย “NR Murthy” บิดา ของ White Collar Outsourcing --- “ผู้แจ้งเกิดให้อินเดีย กลายเป็น Back Office ของโลก ในเวลาไม่ถึง 10 ปี” …ปัจจุบัน Infosys เป็นบริษัท Outsource ในด้าน IT ที่ใหญ่อันดับต้นๆของโลก มีพนักงาน 122,468 คน กระจายสำนักงานไปใน 33 ประเทศทั่วโลก )
..จะว่าไปแล้ว Infosys ไม่ใช่เพียงแค่บริษัท IT รายใหญ่ของโลก หากแต่เป็นบริษัทที่สร้างคุโณปการ ต่ออุตสาหกรรม IT ของอินเดียเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากการจ้างงานที่มหาศาลแล้ว สิ่งที่ Infosys ได้สร้างมันคือ มหาวิทยาลัยที่ใหญ่โตและสุดทันสมัย เพื่อมุ่งเน้นในการพัฒนาบุคคลากร ซึ่งเราพูดได้เต็มปากว่า ชายผู้นี้ Narayana N R Murthy เป็นผู้วางรากฐานทางด้าน Inflastructure ของอุตสาหกรรม IT ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดแห่งนึงในโลก …สุดยอดจริงๆ)
ต่อไปนี้เป็น การสรุปใจความสำคัญของปาฐกถา ของ นาย Murthy ที่ได้มาเป็นองค์ปาฐก ในงาน “รำลึกถึง คุณ ชิน โสภณพนิช ครั้งที่ 9 ที่ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่”
เกริ่นนำ
“ผมมีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสมาแสดงมุมมองของการ “leveraging IT” ในวันนี้ …เราปฏิเสธไม่ได้ว่า อุตสาหกรรม IT ได้มีบทบาทต่อ บริบทในการแข่งขันของธุรกิจในด้านต่างๆ ….ผู้ที่สามารถใช้ IT ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะสร้าง Competitive edge ทั้งในด้านของต้นทุน และ Productivity
Information Technology เป็นอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Innovation ..ทุกองค์กรทั้วโลก ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ , วงการศึกษา , โรงพยาบาล , กลุ่มทางสังคม ตราบจนรัฐบาล ล้วนได้ประโยชน์จากการ นำ IT มาใช้ในการประหยัดต้นทุน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต ไม่ว่าจะเป็น ในเชิงของการปรับปรุงและลดต้นทุน เช่น ลดการเดินทาง , การเชื่อมโยง กับลูกค้า ด้วยค่าใช้จ่าย ต้นทุนที่ต่ำลง …ในธุรกิจธนาคาร ATM คงเป็นเรื่องที่เป็นไม่ได้ หากปราศจาก IT และ IT เองก็คงไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากปราศจาก Infrastructure และ เครือข่าย
การวิวัฒนาการของระบบ IT
อุตสาหกรรม Computer เกิดขึ้นในช่วง 1940 – 1950 จากประเทศอเมริกา ซึ่งจุดเริ่มต้น มันพัฒนามาจาก วงการศึกษา ..ผู้เล่นที่มีบทบามสำคัญใน Computer ยุคแรก ก็เช่น IBM , BUNCH , UNIVAC , NCR , Control Data Corporation และ Honeywell
ในยุคแรก Computer เป็นอะไรที่ใหญ่เทอะทะ ประสิทธิภาพต่ำ และราคาแพง ..ปัญหาง่ายๆเท่านั้นที่เครื่อง Computer ในยุคแรกๆจะแก้ไขได้ …ในยุคต่อมา เป็นยุคเริ่มต้นของ Minicomputers และ Super minicomputers (ซึ่งทั้งขนาดและราคา ย่อขยาดลงมา จากยุคแรกๆมากทีเดียว) ต่อมาในยุคนี้เป็นยุคแห่งการกำเนิด อุตสาหกรรม Software ซึ่งพัฒนาไปควบคู่กับ ฐานข้อมูล
จากนั้นเราก็เข้าสู่ยุค PC ที่นำทัพโดย Bill Gates และ Steve Jobs วัตถุประสงค์ ก็เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึง Computer ได้ในวงกว้าง และใช้งานง่ายที่สุด ..และจุดนี้เอง ที่เป็นจุดเปลี่ยน ที่พลิกอุตสาหกรรม Computer ให้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ในระดับของ ปัจเจกชน Computer ก่อให้เกิด การสร้าง “ชุมชนเสมือน” ที่เชื่อมต่อบุุคคลในวงกว้าง ด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำมาก
ในยุคที่สี่ คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มใช้ Internet เข้ามาในชิวิตและส่วนหนึ่งของการทำงานอย่างขาดไม่ได้ “และนี่ที่เราเรียกว่า ยุคคลื่นที่สี่ของ Computer.. ในส่วนของ Web 2.0 เอง ตัว Internet จะกลายมาเป็น platform หรือ โครงสร้างรากฐานของการเชื่อมโยงที่เป็นหนึ่งเดียว
ปัจจัยสำคัญที่สร้างให้เกิดการกระจายตัวของ IT อย่างกว้างขวาง ประกอบไปด้วยแรงขับในห้าปัจจัย ดังนี้
1. อุปกรณ์ Computer ที่นับวันจะมีราคาถูกลงเรื่อยๆ
2. การลดลงของ ต้นทุนในการสื่อสาร ซึ่งเพิ่ม bandwidth ที่เอื้อให้เราสามารถส่งข้อมูล ในหลายรูปแบบด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก
3. การลดลงอย่างมหาศาลของหน่วยความจำ และ การระบบการเก็บข้อมูล รวมทั้งการกระจายข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
4. การเกิดขึ้นของ “ยุคที่เนื้อหา ถูกสร้างขึ้นจาก ผู้ใช้ (นั่นก็คือ ใครก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อ Computer คนนั้นก็สามารถผลิต Content ได้)”
5. การยอมรับในการ Offshoring IT “นั่นคือ ความเป็นไปได้ในการทำงาน ที่สามารถร่วมมือกัน โดยบุคคลที่อยู่ห่างกันคนละซีกโลก เช่น อินเดียได้กลายมาเป็น Back Office ของโลก
(อ่านต่อตอนต่อไป)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
Nexus อยากจะเล่า …ep 1 วันก่อนไปเดินห้าง ผ่านร้านหนังสือ เห็นหนังสือเล่มใหม่ของ Yuval Harari ลดราคา 20% ….ป๊าบ !! รีบเข้าไปเปิดอ่าน บอกตรงๆ...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
"ไปเจอ ภาพนี้มา" ...ผมเห็นแล้วเกิดความคิดมากมาย ...ระยะหลังการลงทุนผมดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งผ่านวิกฤต ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก ...ผมว่า ม...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
7 ข้อ ต้องรู้เมื่อ FED ลดดอกเบี้ยลง 1. ‘เป็นสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจ’ …ก่อนหน้านี้ FED ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อปราบเงินเฟ้อ …ตอนนี้ต้องกล...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
7 เรื่อง เบื้องลึกเบื้องหลังของคำว่า ‘เงิน’ ในโลกปัจจุบัน 1. ‘เงินในปัจจุบัน เป็นเงิน Fiat’ …เงิน Fiat สร้างจากหนี้ แปลว่า เงินในปัจจุบัน ไ...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
5 ข้อแลกเปลี่ยน ของการใช้ชนะใจ และบริหารคนเก่ง 'เวลา' คือ สิ่งที่เราแต่ละคนมีจำกัด ...คนยิ่งเก่ง ยิ่งใช้เวลาไม่เป็น ถ้าเขาไม่ฝึกที่...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น