กลับมาเจอเพื่อนเก่าๆ ที่ห่างหายไปนับสิบๆปี ด้วย “Facebook”
เรื่องมันมีอยู่ว่า ปีที่แล้ว ได้เกิดมีเด็กธรรมศาสตร์คนนึง อยากจะรวมกลุ่มเพื่อนๆที่ห่างหายกันไปนาน …”จึงเอา Facebook ขึ้นมาแล้วก็ตั้งเป็น Group “Kor Kai Friends”
เกริ่นหน่อยเกี่ยวกับกลุ่มก้อนใน เด็กบัญชีธรรมศาสตร์ ..ผมถือเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม กอไก่ ที่ถูกตั้งขึ้นมาเป็นกลุ่มๆในคณะบัญชี หลังจากที่เด็กใหม่สอบติดแล้วกำลังจะเดินทางเข้ามาเป็นน้องใหม่ในคณะนี้
“มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น สำหรับเด็กใหม่อย่างผมในเวลานั้น ที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม กอ ไก่ ..แต่พอหันไปกลุ่ม ข ไข่ หรือกลุ่มอื่นๆ กลับมองเห็นกลุ่มนั้น มีสาวสวยที่น่าตาน่าดึงดูดใจมาก “หน้าซีด!! อยู่คนละกลุ่ม ซวยเลยตู” (สาเหตุที่คณะบัญชีธรรมศาสตร์ รุ่นพี่ของแต่ละกลุ่มก็จะแบ่งรุ่นน้องออกเป็นกลุ่มๆ จุดมุ่งหมายก็เพื่อ แข่งกันร้องเพลงเชียร์)
“อ้า!!” คนนอกอาจไม่รู้ว่า …การแบ่งกลุ่มของเด็กคณะบัญชีธรรมศาสตร์ เป็นกลุ่มย่อยๆ ก,ข,ค,ง,จ,ฉ,ช…. แล้วเอาทุกกลุ่มมาแข่งกันร้องเพลง เพื่อชิงถ้วยรางวัลของคณะ มันมีความหมายมากกว่า แค่แบ่งกลุ่มร้องเพลง
โดยปกติแล้ว การเรียนในสถาบันทั่วไป ก็คือ เรียนจบก็สะบัดตูดแล้วจากไป แต่ที่ธรรมศาสตร์เขาต้องการให้ ผู้เรียนรู้สึกว่า นี่คือสถาบันที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่ง (ตรงนี้มหาวิทยาลัยที่เข้ายากๆ ทุกแห่ง ก็พยายามทำ ..อย่างของต่างประเทศ Harvard หรือตัวย่อ HBS นี่ก็ “ตักสิลา ของธุรกิจเลย” …นี่ยิ่งบ้าสถาบันเข้าไปอีก และจะว่าไปแล้ว ไอ้ Facebook เองนี่ ก็มีจุดเริ่มต้น หรือ รากฐานความคิด มาจาก Harvard นั่นเอง)
ผมว่าหลายๆคนคงได้ดู หรือไม่ก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับ Social Network มาบ้าง ..อย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ค จริงๆไม่ใช่ บิดาของ Social Network อะไรหรอก ..ไอ้ Social Network จริงๆ มันก็คือ รากฐานของสถาบันการศึกษาที่เราเรียกว่า สมาคมศิษย์เก่า ที่ตั้งมาเป็นร้อยๆปีแล้ว เพียงแต่ Facebook มันเป็นการพัฒนาโครงสร้างการติดต่อ ที่วางอยู่บน Internet ซึ่งทำได้ดีกว่า Social Network บน Internet อื่นๆ เช่น Hi5 , Myspace …ก็เลยดังสุดๆ
“บางครั้งคุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สร้าง เพียงแค่เลียนแบบเขา แต่ทำได้ดีกว่า ใช้ง่ายกว่า ก็สามารถรวยได้ -- นี่แหละที่ Facebook ทำ”
เอาล่ะ หลายคนอ่านถึงตรงนี้ อาจเริ่ม งง ว่า ผมเล่าจาก Facebook สร้าง Group ขึ้นมา แล้วก็เล่าที่มาของ โครงสร้างแนวคิดของ Social Network จากนั้นก็โยงกลับมาที่ Facebook … “นี่แหละ ผมว่า หลายๆคนคงเริ่มเห็นภาพที่ผมพยายามจะสื่อแล้ว”
โครงสร้างของ Social Media จริงๆแล้ว ก็คือ โครงสร้างของ การรวมกลุ่มแบบ Exclusivity คล้ายๆสมาคมศิษย์เก่าของที่ต่างๆ เพียงแต่การวาง Platform ในการติดต่อสื่อสารกันของ Facebook มันวางอยู่บน Internet เลยทำให้การติดต่อสื่อสารกันของสมาชิก มันง่ายและประหยัดกว่า การส่งจดหมายแบบเดิมๆที่สมาคมเหล่านี้ใช้อยู่
“คุณกรณ์ สารภาพลงไปใน Facebook ของเขาเลยว่า เขาชอบ Facebook มาก เพราะมันทำให้เขาสามารถติดต่อกับประชาชนได้ง่าย แถมไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย (แต่เท่าที่ดู แกไปจ้างดารามาแสดง วนิดา อะไรของแก ก็คงเสียเงินไม่น้อย ..ไม่เสียยังไงเนี่ย) ..แหะ ๆ ๆ ก็อย่างที่แก บอกแหละครับ คือ ถ้าคุณ กรณ์ต้องการสร้าง Impact อย่างที่เขาทำได้โดนผ่าน Facebook หากต้องใช้สื่ออื่นในการติดต่อ เช่น ผ่านทีวี , วิทยุ หรือ สิ่งพิมพ์ คงต้องใช้งบประมาณมหาศาลเลยทีเดียว”
….หากใครจะให้คำนิยามของ Social Media อย่าง Facebook ผมว่าเราต้อง นิยามมันว่า “Leverage Communication Tool for Small Guy!!”
อ่ะจ๊าก!! ขออีกรอบ “Leverage Communication Tool for Small Guy!!” แปลว่าไรฟะ …หุ หุ หุ ก็แปลว่า สมัยก่อน คนตัวเล็กๆ ไม่ได้มีอำนาจในการติดต่อสื่อสารกับคนจำนวนมากๆได้ แต่ไอ้ Facebook ทำให้ คนตัวเล็กๆที่ไม่มีสิทธิมีเสียบง แมลงหวี่ แมลงวัน อย่างผม สามารถใช้ Facebook ส่วนตัวของผม ติดต่อกับนักลงทุนได้เป็นหมื่นๆคนในคราวเดียว “พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก”
--- ถ้ามองให้ดี ไอ้ที่นิยายหลายเรื่องเคยพูดไว้เกี่ยวกับ One Man Media “คนๆเดียว สู้กับ ไทยรัฐ หรือ สู้กับช่อง 3 ..ผมว่าสิ่งนั่นมันกำลังจะเกิดขึ้น”
เรื่องของ Leverage ในแง่ของนักลงทุน ก็คือ คุณใช้เงินจำนวนที่น้อยกว่า แล้ว Bet กับเงินจำนวนที่มากกว่า โดยใช้เครื่องมือทางการเงินอย่าง Futures หรือ Options ..แต่ในโลกแห่งการสื่อสาร คุณสามารถใช้เงินที่น้อยกว่า แต่สามารถเข้าถึงคนที่มากกว่า มันก็คือ Leverage ทาง Communition นั่นเอง “สุดโข้ย มัก มัก”
และ อานิสงค์ จาก Facebook เด็กธรรมศาสตร์ กลุ่ม กอ ไก่ ก็เลยสามารถมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากแตกกระจายกันไปนาน “นี่แหละพลังของ Facebook”
(ติดตามตอนต่อไป …ฮ่า)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
6 ข้อ โลกเปลี่ยน มันจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน ? 1. ‘ของแพงจะขายดีขึ้น ของถูกจะขายแย่ลง‘ …ของแพงคู่แข่งน้อย เพราะสร้างยาก ต้องสร้าง Brand …ส่วน...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
6 ข้อดี ของสงครามการค้าระหว่าง จีนกับอเมริกา ต่อเศรษฐกิจไทย …เรารู้กันอยู่แล้วว่า สงครามอะไรก็ตาม มันไม่ดี …งั้นเราลองมา Explore ข้อดี เผื่...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
5 ข้อ ชวนคุย Generation และการเปลี่ยนแปลง วิธีคิดและการใช้ชีวิต เราแบ่งมนุษย์เป็นหลายแบบ ถ้าแบ่งตามภูมิศาสตร์ คนแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน …แต...
-
6 ข้อ ปฏิบัติของการเป็น ’นักลงทุนแบบทางสายกลาง’ หลังจากผมลงทุนมานานพอสมควรก็พบว่า ’ทางสายกลาง‘ คือ หลักปฏิบัติที่สำคัญที่ทำให้เราประสบความ...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น