วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
BDI Index ตัวชี้วัดว่าการค้าของโลกดีจริงหรือเปล่า !!
วันนี้จะขอยก BDI Index มาคุยกันซะหน่อย ..เพราะจริงๆ BDI Index มันมีความเกี่ยวข้องกับภาพรวมของการค้าโลกเอามากๆเลยทีเดียว
BDI Index คืออะไร .."มันก็ตัววัดค่าระวางเรือ (ค่าเดินเรือ ...ว่างั้น)" ...ถ้ามีการค้าขายมาก ค่าเดินเรือก็จะสูง ตาม Demand (ความต้องการใช้เรือ) ของตลาด
อย่างกราฟที่ยกมา จะแสดงให้ดูถึงการขึ้นลงของ BDI Index ตั้งแต่ปี 2000 - 2010 ..เริ่มจากปี 2000 ตั้งแต่ Dot com Bust แล้วก็ตามด้วย 9-11 การค้าทั่วโลกซบเซา ..ดู BDI Index ช่วงเวลานั้น ย่ำแย่มาก ..จากนั้นพอปี 2003 - 2005 ก็เริ่มมีการฟื้นตัวของค่าระวางเรือ ...จากนั้นก็แย่อีก 2 ปี ..แล้วก็มา Boom แรงๆเลยก็ปี 2007 - 2008 จากนั้นก็ ย่ำแย่ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
"คุณเห็น Cycle ของมันไหม!!" .."ถูกต้อง 2 ปี..ขึ้น / อีก 2 ปี ลง ..ตอนนี้แย่มา 2 ปีแล้ว ...หมายความว่าอะไร!!" ...หมายความว่า ตาม Cycle ...อย่างขี้หมูขี้หมา มันก็น่าจะขึ้นได้ในปีหน้า (เอ๋อ!! แต่ว่าทุกคนมองว่ามันยังไม่ฟื้นนะ ทุกคนออกมาบอกว่า การค้าจะซบเซาอีกนาน อย่างอเมริกากับยุโรปก็ไม่ฟื้น ...คำถามคือ คุณเชื่อ Cycle หรือ คุณเชื่อลมปาก !!)
เอ๊ิก ๆ ๆ ..ผมมองอย่างนึงนะว่า ลมปาก "เหม็นเสมอ" ..นอนหลับไปหนึ่งคืน พอตื่นขึ้นมาน้ำลายยังบูดเลย !! ..เอาเป็นว่า เมื่อคนส่วนใหญ่เห็นว่า การค้ามันไม่ฟื้นจริงๆ .."หากคุณเป็นชาวสวน ..สวนไปเลย!!" (บ้ารึเปล่า)
ผมเชื่ออยู่อย่างนึงจะครับว่า "คนที่ประสบความสำเร็จได้ ต้องคิดต่าง และทำต่าง ..ปัญหามันอยู่ที่ เวลาทำต่างแล้วมัน จะไม่มีกินอะดิที่สร้างปัญหา แต่คนที่มีความสามารถที่จะแตกต่างแล้วยังมีกิน ..."จงทำต่าง ไปเถอะครับ .. นั่นหมายความว่า คุณมีโอกาสสำเร็จมากกว่าคนทั่วไป!!"
ทุกๆเช้า ผมชอบหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน คือ พยายามมาดูว่า เมื่อคนส่วนใหญ่อ่านแล้วเขาคิดอะไร "นี่แหละ Market Research ชั้นดีของผมเลย" ...อย่างละครน้ำเน่าที่ดูๆกัน จริงๆ ถ้าจะมองให้เป็นประโยชน์ มันมีประโยชน์นะครับ (ยังไง ..งง ..ไหม)
เดี๋ยวนี้ละครทีวี "สั้น เนื้อหากระซับ ..ไม่ยืดเยื้อเหมือนละครโบราณ" ..จุดนี้มันชี้ให้เห็นเลยว่า พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป เขาเรียกว่า "Short Attention" (พูดง่ายๆก็คือ คนเดี๋ยวนี้ความอดทนต่ำ ไอ้หนังยาว หนังสือยาวๆ ไม่อ่านหรอก ..ทนไม่ไหว) ..อย่างนี้ก็ง่าย พอนักการตลาดออกสินค้า อะไร หรือ จะโฆษณาอะไร ก็เอาจุดนี้มาวาง "คุณก็เข้าถึงใจคน" ..ประเด็นคือ ความเข้าใจมนุษย์นะ ที่มันสำคัญต่อความสำเร็จ .."บางคนอ่านหนังสือ หรือเรียนแทบตาย พอทำงานจริงไปไม่รอด ...ปัญหาคือ มันไม่มี Common Sense ...งั้นดูละครน้ำเน่า ยังจะเอามาประยุกต์คิดได้ประโยชน์กว่าเลย ...เอิ๊ก ๆ ๆ ๆ
กลับมาประเด็น BDI Index ผมจะสื่ออะไร ...ผมเผอิญอ่านสัมภาษณ์ผู้บริหารหนุ่มของ TTA ....ผมมอง กิจการนี้มันมีอนาคต เพียงแต่หลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่า TTA จะทำอะไร ก็ผิดไปหมด เช่น ลงทุนเรือขุดเจาะ ก็เจอวิกฤต BP สกัด ทำให้งานหาย เพราะตลาดสะดุด เกี่ยวกับการขุดเจาะน้ำมันในน้ำลึกชั่วขณะ หรือ ที่ TTA ไปซื้อ UMS ก็กลายเป็น ถ่านหินก็สะดุดเล็กน้อย .."สรุปจับอะไร กระตุกหมด" ...แต่สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่ภาพระยะสั้น มันกลับเป็นภาพระยะยาวที่น่าสนใจ
ผมมอง TTA เป็นกิจการคล้ายๆบ้านปู (ธุรกิจ BANPU นี่ผมเสียดายมาก เพราะผมขายหมู ทิ้งหุ้นไปตั้งนานแล้ว สาเหตุหลักๆ คือ ผมดันไม่ศึกษาลึกๆว่า ที่จริงแล้ว บ้านปู ภายนอกคนมองว่า เป็นธุรกิจถ่านหิน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ !! ... BANPU ผู้บริหารเก่งมาก เขามองตัวเขาเองเป็น Fund Manager ดังนั้น เขาจะลงทุนในทุกอย่างที่มีโอกาส โดยไม่จำกัดอยู่ที่ว่า ..เราทำธุรกิจอะไรแล้ว เราต้องสมองแคบอยู่กับธุรกิจนั้นๆ (คิดอย่างนี้ตาย ไปไม่รอดในอนาคต) .
..ถ้าผู้บริหารยุคนี้ คิดอย่าง Fund Manager ไม่เป็น ..ธุรกิจไปไม่รอดหรอก "ผมว่าที่รัฐบาลมาเบรก PTT ไม่ให้ซื้อ Carrefour ..เป็นการกระทำที่ไร้วิสัยทัศน์" ..ผมอยู่ออสเตรเลียมานาน ผมเห็นเลยว่า ธุรกิจสมัยใหม่ มัน Cross กันไปหมดแล้ว อย่างค้าปลีกของเขา ยังมาผูกขาดปั๊มน้ำมันเลย ..แล้วทำไมธุรกิจค้าน้ำมัน จะผูกขาดค้าปลีกบ้างไม่ได้ !!
ก็นี่แหละครับที่ผมชอบ "ผู้บริหารที่วางตัวเป็น Fund Manger" ..เพราะอย่าง TTA ตอนนี้เขาเตรียมเงิน 30,000 ล้าน เพื่อเตรียมไป Take Over กิจการ ..ซึ่งในอนาคตจะสำเร็จหรือไม่ มันก็ต้องรอดู (อย่างบ้านปูนี่ชัด ที่แสดงถึง ความเก่งในการบริหารภาพใหญ่ ..ขนาด Forbes Magazine ยังยกย่อง มุมมองของ BANPU เลย เพราะจริงๆ เมืองไทยมีถ่านหินไม่มาก แต่กลายเป็นว่า BANPU ไม่ได้มองตัวเองจำกัดแค่ถ่านหินในเมืองไทย แต่เขามองว่าเขา Global ..จึงไปซื้อถ่านหินทั้งใน อินโด ออสเตรเลีย และก็จีน ..."นี่แหละครับ วิสัยทัศน์ ที่มองในภาพใหญ่"
แต่ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลาและความอดทน "ผมฝากเรื่องนี้ไปคิดกันนะครับ ..ยุคนี้ ต้อง (ทั้งเก่ง ทั้งอึด) ..ขาดตัวใดตัวนึงก็ยากที่จะสำเร็จ!!" ((เก่ง + อึด = Success !! ))
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
เมื่อวันก่อน ผมได้มีโอกาสไปออกรายการวิทยุ Business Line & Life ของคุณม่อน .. มีคนสัมภาษณ์ผมเป็น คนหนุ่มรุ่นใหม่ ทายาทกลุ่ม ธุรกิ...
-
6 ข้อ ปฏิบัติของการเป็น ’นักลงทุนแบบทางสายกลาง’ หลังจากผมลงทุนมานานพอสมควรก็พบว่า ’ทางสายกลาง‘ คือ หลักปฏิบัติที่สำคัญที่ทำให้เราประสบความ...
-
ท่านธนินท์มักกล่าวในงานสัมมนาต่างๆ ถึงแนวคิด "สองสูง" ของท่าน -- ซึ่งสูงแรกก็คือ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และสูงที่สอง คือขึ้นราคาพื...
-
5 ข้อควรรู้ ‘การคิดเผื่อคนอื่น‘ ทำไมทำให้เราเป็นนักลงทุนที่มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น 1. ’คน Gen ก่อน โดยรวมรวยกว่าคน Gen ใหม่ เพราะ เขาคิดสร้างใ...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
6 ข้อ หลักคิดที่ทำให้เราไม่สามารถซื้อหุ้นในจุดที่ราคาถูกที่สุด และ ขายหุ้นในเวลาที่แพงที่สุด 1. ‘หุ้นไม่มีจุดต่ำสุด‘ …หลายคนคิดว่า ซื้อหุ้น...
-
AEC ย่อมาจาก ( ASEAN Economic Community ) ..ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อ ASEAN รวมตัวกันได้ ก็จะทำให้เกิด Win-Win นั่นก็คือ ภาพรวมเศรษฐกิจในปร...
-
"QE2" ตอนนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก เนื่องจากลึกๆแล้ว หัวใจของนโยบายนี้ก็คือ "การเปลี่ยนเงินดอลล่าห์ให้เป็นแบงค์กงเต๊...
-
ตอนนี้แนวทางที่พิสูจน์ตัวเอง ได้สวยในระยะยาวก็เห็นจะเป็นแนว Value Investor (จริงๆแนวอื่นก็สวย แต่เผอิญนักลงทุนที่รวยที่สุดในโลก คือ Warren B...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น