‘เสี่ยงมากไม่ได้แปลว่ารวยขึ้น ...แต่เสี่ยงน้อยก็ไม่ได้การันตีความมั่นคง’ ...เฮ้ย!!
มีรุ่นน้องถามผมว่า ‘ถ้าอยากรวยเร็วในภาวะแบบนี้ ผมต้องเสี่ยงให้เยอะใช่ไหมพี่ ?’
...‘เดี๋ยวนะ !! ...ใช่เหรอ ?’
...ผมเชื่อว่า นี่คือ วิธีคิดของคนรุ่นใหม่ ...ทั้งการทำธุรกิจ และ การลงทุน เขาอยากเสี่ยงให้มากที่สุด เพื่อวัดดวงกันไปเลยว่า รุ่ง หรือ พัง!!
...แล้วมันดีจริงหรือ ?
1. ‘การทำธุรกิจแบบ Start Up ต่างกับ SME ก็ตรงความเสี่ยง’ ...Start Up เน้นยอดขาย แต่ SME เน้นกำไร ...แน่นอน คนสำเร็จ Start Up ย่อมรวยมากกว่า แต่จำนวนคนสำเร็จจะน้อยลงแบบน่าตกใจ ...ผลลัพธ์ก็คือ จะมีคนรุ่นใหม่รวยสุดๆ อยู่ไม่กี่คน แต่คนส่วนใหญ่ซวย แบบอเมริกาที่เราเห็นอยู่ !!
2. ‘คนรุ่นใหม่จะเลือกการลงทุนที่ได้ผลเร็วที่สุดมากที่สุด’ ...คนรุ่นใหม่จะไม่ได้เลือกการลงทุน ที่ดิน หรือหุ้น ธรรดา ..แต่จะไปลุยที่ อนุพันธ์ คลิปโต หรือ สิ่งที่ Leverage ได้สูงๆ ...พูดง่ายๆ คือ ถ้าฉันมี 100 บาท แต่อยากเสี่ยง 1,000 บาท ...แปลว่า ราคาผันผวนนิดเดียว ก็หมดตัวได้เลย (ไม่ได้ผิดนะ ..แต่ก็ต้องเข้าใจว่า เรากำลังเล่นหวย ไม่ได้ลงทุน ก็เท่านั้นเอง)
3. ‘แต่ไม่เสี่ยงเลย ก็ซวยได้’ ....สิ่งที่เคยไม่มีความเสี่ยง อย่าง ตราสารหนี้ หรือ หุ้นกู้ วันนี้กลับเสี่ยงมหาศาล ...เหมือนว่า เราต้องนิยามความเสี่ยงของโลกนี้กันใหม่ ...ทุกวันนี้เราจะเห็นหลายๆ เคส เลยที่ หุ้น ดันเสี่ยงน้อยว่า หนี้ ...ทั้งที่ตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนน้อยกว่า โอกาสขึ้นก็จำกัด ...ผมว่า ต่อไป เราต้องดูเป็นรายกรณีไป
4. ‘ในวิกฤตโควิด หุ้นใหญ่ กลับเสี่ยงกว่าหุ้นเล็ก’ ...เวลาพายุเข้า ต้นไม้ใหญ่ กลับ เสี่ยงกว่าต้นหญ้า ซะงั้น !!
5. ‘การโชว์ผลลัพธ์ของความสำเร็จเร็วไป อาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมาย’ ...มีคำกล่าวที่น่าสนใจว่า ‘ยังไม่จน แต่ใช้ชีวิตแบบคนจน สุดท้ายจะไม่จน ...แต่ถ้ายังไม่รวย แต่ใช้ชีวิตแบบคนรวย สุดท้าย จะไม่รวย’ .....ทำให้เดาไม่ยากเลยว่า โดยเฉลี่ย คนรุ่นใหม่จะจนกว่า และ สำเร็จน้อยกว่าคนรุ่นก่อน
6. ‘โควิด ทำให้รู้ว่า แค่เราดูแลตัวเอง มันก็ช่วยคนอื่นแล้ว’ ...ทุกวันนี้ความขัดแย้งมันเกิดจากคนมีเหตุผล ...ใช่ !! ‘ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง’ และ ก็คิดว่า เหตุผลของเราถูกต้องที่สุด ...ปัญหามันจะลดลง เมื่อเรายอมรับในเหตุผลคนอื่นบ้าง ...ในโลกการเงิน ผมเชื่อว่า การเริ่มจัดการ การเงินของตัวเราเองที่ดี จะลดปัญหาต่างๆ ที่ตามมาอย่างมหาศาล
7. ‘การลงทุน สามารถขจัดรากเหง้าแห่งความชั่วร้ายได้’ ...ความชั่วร้ายหลายๆ อย่าง เกิดจากไม่มีเงิน ...ถ้าเราวางแผนการลงทุนตั้งแต่วันแรกที่หาเงินได้ ก็จะลดปัญหาได้อย่างมากมาย ...บางครั้งการ DCA ใน ETF แบบง่ายๆ มันสามารถสร้างผลลัพธ์ในวงกว้างได้ดีกว่าที่เราคิด
สรุป ‘ความเสี่ยง แบบพอดีๆ คือ คำตอบ’ ...ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การเสี่ยงมาก ก็เหมือนคน ที่ขับรถด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดเวลา ...แน่นอน !! ด้วยตลาดที่ผันผวนขนาดนี้ โอกาสรถชนแล้วตาย มันสูงกว่า โอกาสไปถึงเร็วขึ้นอีกนิด
...ทุกวันนี้ ผมว่า เราต้อง คิดถึง ‘ความคุ้มค่าของความพยายาม’ ...การที่เราต้องการผลลัพธ์เร็วแค่ไหน เรามักจะใช่พลังงานที่สูญเปล่ามากขึ้น (ออกแรงเยอะ แต่ผลลัพธ์น้อย)
...เอาใจช่วย ให้ทุกคน หา จุดกึ่งกลางตรงนั้นของตัวเองให้เจอครับ
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น