"ผลงานหนังสือ เล่มใหม่ของผม" ..ใกล้คลอดละ !! ...หลังจากที่ไม่ได้ออกหนังสือเล่มใหม่เลยในปีที่ผ่านมา - เจอกันปี 2017 นี้แล้ววว ..
...เอาบทนำมาให้ลองอ่านกันครับ
บทนำ “ตรงสี”
ชื่อก็โหดแล้ว “เพราะตรงสี ถึงมีหมื่นล้าน” ..ซึ่งจริงๆ มันแทบไม่ได้เกี่ยวกับ “หมื่นล้าน” แบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ หรือ “สี” ในแบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน
ตรงนี้น่าคิดว่า ทุกคนมอง “หมื่นล้าน” ว่าเป็นเงิน ทุกคนอยากได้ ..ไม่ต้องถึงหมื่นหรอก มี 100 ล้านก็สบายทั้งชีวิตแล้ว ..แต่ปัญหาอย่างที่เราทราบกันดีว่า ธรรมชาติของเงิน “มันหายาก ใช้ง่าย เก็บแล้วละลาย ..พูดง่ายๆ เงินมันออกแบบมาให้ใช้ ก็เลยมีน้อยคนที่สามารถเก็บสะสมจนร่ำรวยนั้นแหละ”
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ “การมองเงิน” ...การมองเงิน แทบจะเป็นสิ่งเดียวเลยที่คนมีเงินเขามองเหมือนๆ กัน ..เคยสังเกตไหมว่า ชีวิตเราบ่อยครั้งที่เราอยากได้อะไร แต่พอเอาเข้าจริง เราไม่ได้ในสิ่งนั้น ..หรือ ได้ในสิ่งตรงข้ามเลย
ผมกับ ดร.ต้อง เคยร่วมกันเขียนหนังสือเล่มนึงที่ตอนนนี้กลายเป็น Rare item (หนังสือหายาก) ไปเรียบร้อย คือ “คิดรอบบ้าน” หนังสือเล่มนั้นเราคุยในเรื่องของบ้าน ..ซึ่งก็ไม่ใช่ “บ้าน” อย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ
เวลาพูดถึงบ้าน ทุกคนก็จะมองเป็นสถานที่ ..ฝันของคนส่วนใหญ่ก็คือ มีบ้านเป็นของตัวเอง ...แล้วเคยสังเกตไหมว่า คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ที่มีบ้านใหญ่โต กลับรู้สึกว่าตัวเองไร้บ้าน เพราะ แทบไม่มีใครอยากจะกลับบ้าน ...แม่ไปทาง ..ลูกไปทาง ..แม้แต่ตัวเอง ก็ไม่ค่อยอยากกลับบ้าน
..สาเหตที่แท้จริง เพราะ เราตีความของคำว่าบ้านผิดไป ...ถ้าเรามองว่าบ้านคือ สถานที่ มันจะก็จะเป็นเพียง “สถานที่” เป็น “สถานที่เป็นสัญลักษณ์ของการบูชายันต์อะไรบางอย่าง ที่ไม่มีใครอยู่แล้วรู้สึกสบาย” ..แต่ถ้าเราเข้าใจความหมายที่แท้จริงว่า “บ้าน” จริงๆ แล้วไม่ใช่สถานที่ แต่มันคือ “การเชื่อมต่อ กับคนที่เรารัก” บ้านคือ “คนที่เราเชื่อมต่อ” เราจะเข้าใจว่า สิ่งที่เราต้องเก็บหอมรอบริบ สร้างมันขึ้นมาคือ “ความสัมพันธ์” ไม่ใช่ สถานที่แต่อย่างใด
นี่ก็คือ ตัวอย่างของการอยากได้อย่าง แต่เอาเข้าจริง เราทำอีกอย่าง ...ก็เลยไม่เคยได้ในสิ่งที่อยากได้จริงๆ (ชีวิต!!) ...ทางแก้ก็คือ เรามาทำความเข้าใจนิยามของสิ่งที่เราอยากได้จริงๆ
“หมื่นล้าน” คือ ตัวแทนของเงินมหาศาล ที่ใช้ไม่หมด ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ..คำถามแรก จะหาไปทำไมหมื่นล้าน ..เอาไว้ฝังกับตัวเองหรือ ? - แต่สิ่งที่ต้องถามมากกว่าคือ “ทำไมเราถึงอยากได้เงินมาก จนใช้ไม่หมด” เหตุผลมีดังนี้
1. “เรากลัวว่าวันนึงจะหาเงินไม่ได้อีก” ..ก็เลยต้องหามาให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือ การทำงานหนัก ทำงานที่อึดอัด หรือ บางครั้งก็ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ (เช่น อาจจะทำอะไรบางอย่างเพื่อเงิน ที่ทำให้เรารู้สึกไม่ชอบตัวเอง) ..นั่นแปลว่า เส้นทางการหาเงินอย่างหนักเส้นนี้ มันเต็มไปด้วยความเครียดและความกดดัน (คนที่เดินเส้นทางนี้ มักจะใช้เงินเพื่อระบายความเครียด “ซื้อของเพื่อให้รางวัลตัวเอง เพราะ งานมันไม่เคยทำให้เขารู้สึกดี” ทำให้สุดท้ายถึงหาเงินได้มาก ก็ใช้แบบบ้าคลั่งจนไม่เหลือเก็บ) ..มันช่างตรงข้ามกับ คนที่ประสบความสำเร็จในแต่ละสาขาอาชีพ ที่เขาล้วนสนุกกับสิ่งที่ทำ (อายุมากแล้วก็ยังคงทำงานอยู่ ไม่เคยคิดที่จะเกษียณ)
2. “เราอยากได้เงินมากพอ จนแน่ใจว่า เราจะไม่ต้องทำงานที่เราไม่ชอบอีก” ..คนส่วนใหญ่ทำงานที่ไม่ชอบ แต่ก็ไม่เคยคิดว่า จะเปลี่ยนงาน เพราะ คิดว่า ทนๆ ทำไป เดี๋ยววันนึงคงมีเงินมากพอ ให้เลิกจากงานนี้ชีวิตจะได้สบายสักที แต่เอาเข้าจริง เขาอาจต้องทนทำงานที่ไม่ชอบชั่วชีวิต ..จนถึงวัยเกษียณก็พบว่า “เฮ้ย!! ยังหาเงินไม่พอที่จะเกษียณเลย ..อะไรฟระ อุตส่าห์ทน!!” ...ก็มันพลาดตั้งแต่ตั้งโจทย์แล้ว ..ต่อให้คุณเกิดมามีพรสวรรค์ในสิ่งนี้แค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่ชอบ ..ลึกๆ คุณก็ไม่อยากทำ ..พอไม่อยากทำ ถึงจะทนทำเพื่อเงิน แต่สุดท้าย ผลงานมันก็ออกมาไม่ดี ... “ผลงานไม่ดี เงินก็เลยไม่มา แล้วก็ไม่ชอบตัวเองด้วยที่ต้องทนทำงานนี้” แล้วจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?
สรุปก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่ได้ถามตัวเองด้วยซ้ำว่า “จริงๆ แล้วเขาอยากที่จะทำอะไร เป็นอะไร ..แล้วทำไปเพื่ออะไร” ..ส่วนใหญ่ก็ใช้ชีวิตแบบ ก็มันเป็นหน้าที่ !!
..ใครบอกคุณ ? ..เราเองไม่ใช่หรือ ที่ควรบอกว่า “เราควรทำอะไร ..แล้วทำไปเพื่ออะไร”
• สิ่งที่เราควรทำ คือ “สิ่งที่เราทำแล้วดี ..คนอื่นเห็นค่าในสิ่งที่เราทำ ..เพราะ สิ่งที่เราทำ มันแก้ปัญหา และ สร้างประโยชน์อะไรบางอย่างให้แก่ผู้คน ...สิ่งนี้เรายิ่งทำ เรายิ่งชอบตัวเอง ...ตรงนี้มีความหมายมากนะ กับ การทำสิ่งที่ชอบตัวเอง ...เพราะ นี่คือ นิยามของความสำเร็จเลยแหละ”
• ทำไปเพื่ออะไร คือ “เพื่ออธิบายตัวเองไง” ...คนเรารู้สึกมีค่ามีความหมาย ก็เพราะ เราได้อธิบายตัวเอง ผ่านสิ่งที่เราทำ (จะเรียกว่า งาน ก็ได้ ...แต่สังเกตไหมว่า คนที่ประสบความสำเร็จ ยิ่งใหญ่ในงานที่เขาทำ ..เขาแทบไม่เรียกสิ่งนั้นว่างานเลย .. “คนเหล่านี้มักจะพูดว่า ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมรัก ..แล้วสิ่งที่ผมรักจะดูแลทุกอย่างให้ผมเอง”
o ..หนึ่ง ได้อธิบายตัวเอง
o สอง ได้รู้สึกดีกับตัวเอง
o สาม เงิน (มันตามมาเอง)
ใช่!! คนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องเงิน เขาล้วนไม่ได้มีโจทย์ว่า “ต้องเอาเงิน” แต่คนเหล่านั้น ล้วนมุ่งมั่น ทำสิ่งที่รักให้ดีต่างหาก ...แต่สิ่งที่ยากที่สุดในโลก
...ยากกกก มากกก ที่สุด ก็คือ “การที่จะรู้ว่า อะไรคือ สิ่งที่เรารัก”
ยากไหม?
ลองไปถามคนอายุน้อยๆ ซิว่า “อะไรคือ สิ่งที่น้องๆ รัก” ...เขาจะตอบว่า “เงินครับพี่” - เออ!! มันยังไม่รู้จักตัวเองเลย
ผมเรียกสิ่งนี้ว่า “การตั้งธง” ..การตั้งธงคือ การตั้งเป้าหมายในชีวิต ...การนิยามชีวิต เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะ มันแทบจะกำหนดความสำเร็จตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเดินเลยว่า คุณไปถูกทาง หรือ ไปผิดทาง
“การรู้จักตัวเอง” ทำอย่างไร ?
ให้มองการค้นหาตัวเอง เป็นการ “เดินทาง ผจญภัยอย่างนึง”
...เชื่อเถอะว่า เมื่อคุณพบตัวเองแล้ว ทุกอย่างในชีวิตจะค่อยๆ เปลี่ยน
..จากไม่เคยสร้างผลงาน เราจะเริ่มมีผลงาน
..จากที่มีแค่เงินเดือน เราจะเริ่มมีค่าตัว
..จากที่ไม่มีคนสนใจเรา เราจะค่อยๆ เป็นที่สนใจของผู้คน
..จากคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า จะเริ่มรู้สึกเห็นคุณค่าของผู้อื่น และ ก็เห็นคุณค่าของตัวเอง
..และจากที่เคยหาเงินยาก คุณจะกลายเป็นคนที่หาเงินง่าย
นี่แหละ ความยิ่งใหญ่ในการ “รู้จักตัวเอง” ซึ่งเราสามารถทำได้ ดังนี้
1. “ทำให้เยอะ” ..ไม่มีใคร เกิดมาปั๊บ รู้จักตัวเอง โดยที่นั่งเฉยๆ ...ต้องลองทำอะไรเยอะๆ (ยิ่งอายุน้อย ยิ่งต้องลองทำหลายๆ อย่าง ..อย่าเอาแต่เรียนหนังสือ ให้การเรียนหนังสือเป็นส่วนนึงของชีวิต แต่อย่าให้มันเป็นทั้งหมดของชีวิต)
2. “รู้จักกับเงินผ่านคนที่ไม่ใช่พ่อแม่เรา” ..งาน กับ เงิน สัมพันธ์กัน ..งานบางอย่างถึงทำได้ดี แต่ถ้ามันไม่ทำเงินเลย มันแปลได้สองแบบ คือ หนึ่ง เราอาจจะเป็นคนแรกที่ทำให้สิ่งนั้นมีความหมายต่อผู้คน หรือ สอง งานนั้น ไม่มีประโยชน์และก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้ใครเลย ..อย่างนั้นไม่สามารถที่จะทำได้ยาว เพราะ มันไม่สร้างคุณค่าให้ตัวเรา ...ดังนั้น งาน ต้อง สัมพันธ์กับเงิน ...เราต้องเริ่มจากการลองทำงานที่ได้เงินจริงๆ เพื่อให้รู้ว่าเราชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร
3. “วัดงานกับสีของตัวเอง” ..ในหนังสือ เล่มนี้ เราคุยกันเรื่องสีค่อนข้างเยอะ ..ผมและ ดร.ต้อง แปลความหมายของสี จากทฤษฎีของ Birkman ให้สามารถเข้าใจง่าย และ เอามาช่วยในการหาอารมณ์ของเราที่มีความรู้สึกต่องาน (สามารถวิเคราะห์สีได้ด้วยตัวเอง) ..สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะ อารมณ์นี้แหละที่กำหนดว่า เรารู้สึกสนุกกับงานนั้นๆ ไหม ...โดยที่คนเรา จะแบ่งออกเป็น 4 สี ..นั่นแปลว่า มนุษย์เราแบ่งตาม “ความชอบ และ อารมณ์ในการทำงาน” มีอยู่ 4 แบบ ซึ่งเราจะมาลงรายละเอียดกันต่อไป ...บอกเลยว่า มันสนุกมากที่ได้ศึกษาเรื่องสี เพราะ มันไขข้อข้องใจของผมได้เยอะมากว่าทำไม ..ผมถึงชอบทำงานอะไรบางอย่าง และ ไม่ชอบทำอะไรบางอย่าง - “สี” จะช่วยบอกคุณ
4. “พัฒนาทักษะ ให้ตรงกับสีของเรา” ..นี่คือ การเสริมจุดแข็ง ...หลักความสำเร็จในงานที่ทำ ไม่ใช่การกำจัดจุดอ่อน ...แต่เป็นการเสริมจุดแข็ง แล้วค่อยหา Partner ที่เก่งในเรื่องที่เราไม่เก่ง มาทำงานร่วมกัน ...เรื่องนี้อาจต่างจากเวลาที่เราเรียนหนังสือ ที่พ่อแม่ส่วนมาก มักจะพยายามเสริมจุดอ่อน ..อ่อนเลข ก็ให้เราไปติววิชาเลข ..อ่อนภาษาก็ให้เราไปติวภาษา ...สรุป ลูกเลยไม่รู้เลยว่า จริงๆ แล้วฉันมีจุดเด่นอะไร .. เราได้เป็ดมาอีกคน .. “มนุษย์อีกคนที่ทำได้อย่างทุกอย่าง แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย” ...คนที่เป็นแบบนี้ (ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่) เขารู้สึกว่า ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่รู้ว่าทำอะไรได้ดี เพราะ มันดีทุกอย่าง ...จริงๆ แล้วสิ่งที่เขาขาดก็คือ “การพัฒนาจุดแข็งของตัวให้โดดเด่น” (การเก่งทุกอย่าง เหมือนคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องผิด มันดีอยู่แล้ว ...แต่สิ่งที่ต้องทำเพิ่ม ให้เราโดดเด่น ก็คือ การเสริมจุดแข็ง ...ซึ่งก็เริ่มจากการหาจุดแข็งตามสีนี่แหละ แล้วพัฒนาทักษะที่เราชอบนั้น ให้โดดเด่น)
5. “เมื่อคุณเจอตัวคุณแล้ว ให้คุณวิ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ด้วยความมั่นใจ” ...ใช่!! นี่คือ หลักความสำเร็จ ...คนส่วนใหญ่อาจจะก้มหน้าวิ่งโดยไม่รู้ว่า “งานที่ทำมันใช่หรือเปล่า ...ก็จะมีบางคนนะ ที่โชคดี เพราะ ได้งานที่มันใช่จริงๆ ...แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้โชคดีแบบนั้น ...ซึ่งเขามักพบว่า ทำงานหนัก แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ”
เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว ...ผมว่า เราไปเริ่ม ค้นหา “สี” ของตัวเรากันเลยดีกว่า ...ยิ่งคุณพบตัวเองเร็วเท่าไหร่ ...เป้าหมายจริงๆ ในชีวิตคุณมันจะยิ่งปรากฏขึ้นเร็วเท่านั้น
“เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตเรา ไม่ได้เกิดจากเราตั้งเป้าชีวิตอะไรขึ้นมามั่วๆ ตามกระแสสังคม ..ไม่ใช่เลย ...นั่นเป็นเป้าหมายลวงเสียด้วยซ้ำ - อยากรวยเร็ว , อยากเกษียณ , อยากมีธุรกิจส่วนตัว , อยากมีร้านกาแฟเล็กๆ , อยากทำร้านขนมชิ๊กๆ ...
เป้าหมายที่แท้จริง มันเกิดหลังจากที่เราค้นหาตัวเองเจอต่างหาก ...ค้นหาเป้าหมายของตัวเราให้เจอ ...แล้วสิ่งนั้น จะเปลี่ยนทั้งชีวิตของเรา”
ผมและ ดร.ต้อง เชื่อว่า “การใช้เครื่องมือดูสี” อันนี้จะช่วยให้คุณค้นหาตัวเองได้เร็วขึ้น สนุกขึ้น
ลองดูครับ ..จัดไป
“เพราะตรงสี ถึงมีหมื่นล้าน”
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น