ขนมนี้แต่ก่อนเขาเรียก 'ขนมครกสิงคโปร์' เพราะมันสีเขียว ...แต่อย่าหาที่สิงคโปร์นะ เพราะมันไม่มี
น่าจะแนวเดียวกับ ขนมโตเกียว ที่ไม่มีขายในโตเกียว ..ฮ่า ฮ่า
คือวันนี้ ผมผ่านร้าน ขนมครกสิงคโปร์ (รถเข็นอยู่หน้า รร.คอนแวนต์เลย ..อ๋า!! สงสัยล่ะซิ แล้วผมไปทำอะไรหน้า รร.คอนแวนต์ ?)
เดี๋ยวนี้เขาเรียก ขนมครกใบเตย (เปลี่ยนชื่อให้สะท้อนความจริงล่ะ) ....ผมเดินผ่านเห็น มีกลุ่มคนจีน ยืนมุงรอบร้านรอขนมครกใบเตย (ไม่!! เขาไม่ได้ยืนต่อแถว เขามุงรอบร้าน)
ทันใดนั้น 'เอาวะ ผมต้องลอง เพราะยุคนี้ขายอะไรที่คนจีนซื้อ มีโอกาสรวยพันล้านง่ายๆ อย่างสาหร่ายเถ้าแก่น้อยที่รวยวันรวยคืน เพราะคนจีนแย่งกันซื้อ เริ่มจากซื้อเป็นของฝาก ..วันนี้คุณต๊อบ เอาเข้าขายที่เมืองจีนเลย ..รวยระเบิด!!'
ก็นี่แหละ ทำให้ผมต้องลองชิม ว่า ขนมรสชาติถูกปากคนจีนมันรสชาติยังไง ...สารภาพเลยว่า ขนมครกสิงคโปร์นี่เคยกินตั้งแต่ผมเด็กๆ ก็ประมาณ 30 กว่าปีละ ...ลืมไปละ ต้องลองอีกรอบ
(เออ!! อร่อยดีนะ)
ไม่รู้เผื่อมีใครหัวใส จะสร้างอาณาจักรขนมครกใบเตย ...ขนมที่คนจีนต้องซื้อฝากเพื่อน !!
- ลองไปขายที่คนจีนเยอะๆ ลองตลาด
- แค่นั้นละ คิดอะไรเยอะ ...เวลาทำ Start-Up เมืองไทยนี่ ลองตลาดเลย อย่าทำแบบฝรั่ง ลงทุนก่อนให้กินฟรี เดี๋ยวพอเขาติดใจคงกลับมาซื้อ ...ไม่ไหวอ่ะ !! ...ลุยเลย
อันนี้ผมได้ไอเดียมาจาก คุณต๊อบนะ ...แกบอกจะทำอะไร อย่ามโนเยอะ แผนการตลาดเปลี่ยนโลก เสียเวลา ...ไม่เท่าลองทำจริงเลย
เริ่มเล็ก ลองสินค้าทันดี ศึกษาลูกค้า ...จีบลูกค้าเลย
เอ้ย!! ไม่ใช่จีบแบบนั้น ...ทำธุรกิจมันต้องศึกษาลูกค้าเหมือนเราทำการบ้านจีบสาว (อันนี้ต๊อบบอกมานะ ไม่ได้คิดเอง)
ผมถึงเข้าใจเลยว่า แปลว่า มนุษย์ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้ แค่คิดเหมือนทำการบ้านจีบสาว
มิน่า เด็กสมัยนี้ จีบสาวไป ทำงานไป ...มันสำเร็จเร็วเลย
...มันเข้าใจชีวิตนี่เอง (ฮ่า ฮ่า)
"พวกจีบสาวเก่ง มิน่ามันรวยเร็ว แล้วมันได้สาวอีก ...โอววว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ตรงไปสายนั้นแน่นอน"
สุดยอด
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น