-- ในระบบทุนนิยมเราหาเงินมาแลกเปลี่ยนของ 3 อย่าง 1.จำเป็น 2.ไม่จำเป็น(แต่เราจ่ายเยอะ) 3.เป็นกับดัก (อันนี้คนเรา งง สุด เพราะมันคือกับดัก ไม่ใช่ว่าดีหรือไม่ดี แต่มันเป็นสิ่งที่คนเราสับสน เพราะของเหล่านี้ผูกกับ EGO และความรู้สึกทั้งหมดของเขา)
-- มาดูกัน อันแรก คือ ปัจจัย 4 แบบไม่ปรุงแต่ง อาหารธรรมดา , ค่ายาปกติ , เสื้อผ้าธรรมดา , บ้านพ่อแม่หรือหอพักธรรมดา ..เดี๋ยวนี้เพิ่มค่าโทรศัพท์ และค่าเดินทาง อันนี้ถ้าใช้แค่นี้แบบพื้นๆ ส่วนมากเงินเดือนขั้นต่ำข องคนชั้นกลางครอบคลุม
อันที่สอง ก็คือ เอาข้อแรกมาใส่ความไฮโซลงไป เช่น อาหารดีๆ , เสื้อผ้ามียี่ห้อ , กาแฟ Starbuck ,โทรศัพท์รุ่นฮึต , กระเป๋า รองเท้า ยี่ห้อ ..ของเหล่านี้ถ้าใช้มากๆจะเกินเงินเดือน เริ่มสร้างหนี้บัตรเครคิต (เริ่มเป็นทาสในเรือนเบี้ย)
ส่วนที่สามเป็นกับดัก คือ บ้าน กับ รถยนต์ อันนี้เป็น Major Expense คือ รายจ่ายหนี้ระยะยาว ซึ่งถ้าเกิดขึ้นแล้วชีวิตจะเปลี่ยน ..ถ้าเป็นคนจีนจะซื้อบ้านหลังจากรถยนต์ เพราะบ้านไม่เกี่ยวกับงาน ..ค่าใช้จ่ายตรงนี้จะมาพร้อม หนี้บ้าน และ หนี้รถยนต์ อย่างในต่างประเทศเขาขมวดรวมให้คุณผ่อนชั่วชีวิต (อันนี้เป็นทาสจริงๆเลย)
-- คนเราจะรวยจนอยู่ที่การบริหารการใช้จ่ายในข้อ 2 และ 3 ...วิธีการคิดง่ายๆ ต้องรู้ก่อนว่า โลกทั้งใบเล็กกว่าความอยากของมนุษย์ ดังนั้น เงินที่เราหามา ไม่มีทางมากกว่าความอยาก -- คนที่ต้องการวางแผนรวยต้องเริ่มจากการวางแผนและบริหารความอยากตามเหตุผล โดยเงินเดียวที่จะซื้อข้อ 2 และ 3 ห้ามมาจากเงินเดือนโดยตรง แต่ควรเป็นเงินที่มาจากการลงทุน ที่เขาเรียกว่า Passive Income นั่นเอง ...การสร้าง Passive Income ที่ง่ายสุด ได้จากการออมเงินใน Asset ที่มีรายได้ หรือ ปันผล ....เงินที่เราเอามาใช้ได้ก็เฉพาะปันผล แล้วเหลือเท่าไหร่ ก็เก็บไปออมใน Asset เพิ่ม ...ทำแบบนี้ 10 ปีจะเห็นผลเป็นรูปธรรม ...เมื่อ Passive Income โตจนผ่อนรถได้สบายๆ ก็ค่อยซื้อรถ ..และเมื่อมันโตจนผ่อนบ้านได้ก็ค่อยซื้อบ้าน
-- เรื่องนี้เหมือน common sense แต่จริงๆ มันไม่ง่าย ถ้าใครทำได้ ไม่มีจน ..หัวใจมันอยู่ที่การลงทุนสร้าง Passive Income และ การบริหารจัดการความอยากแบบเป็นระบบ ...ก็ลองไปคิดวางแผนกันดูครับ
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น