"ความพอดีของแต่ละคนเท่ากันป่ะครับพี่ ผมสงสัยจัง !! ...ไม่เท่าดิ ธรรมชาติต้นไม้ ยังสูงต่ำไม่มีเท่ากัน จะให้ทุกคนมีฐานะเท่ากันได้ไง ดังนั้น ความพอดีของแต่ละคนจะวัดยังไงล่ะ ? -- คุณคิดดูนะ วันนี้ถ้ามีใครสักคนที่ได้เงินก้อนแบบถูกลอตเตอรี่ (หรือได้มรดก) คุณว่าสิ่งแรกในหัวเขาเลยคืออะไร ..ใช่!! จะซื้ออะไรดี คือ คิดแต่เรื่องใช้ ยังไงเงินก้อนก็ต้องหมด แล้วกลับไปจนเหมือนเดิม -- ที่ถูกต้องมันต้องถามว่าเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนให้เกิด Passive Income เช่น ทำหอพัก , ซื้อหุ้นเอาปันผล , เอาไปซื้อเครื่องหยอดเหรียญ , เปิดแฟรนไซส์ อะไรก็ว่าไป ..แล้วเงินที่เอามาใช้ ตั้งกฏว่าห้ามใช้เงินก้อนโดยตรง ต้องเป็นเงินที่เกิดจากผลการลงทุนเท่านั้น ที่เราเรียกว่า Passive Income นั่นแหละ ...ครับ!! ไอ้ตัว Passive Income ของแต่ละคนนี่แหละที่เอามาวัดความพอดี ง่ายๆ ถ้าอยากซื้อของฟุ่มเฟือยที่อยากได้ เช่น ผู้ชายอยากซื้อรถสปอร์ต , ผู้หญิงอยากซื้อกระเป๋า -- เราก็ตั้งกฎว่า ซื้อได้ แต่ห้ามใช้เงินก้อน ต้องเป็นเงินที่ได้มาจาก Passive Income เท่านั่น ..สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในสมการนี้ก็คือ เพิ่มสมอง และ ความอดทนเข้ามา ..ยกตัวอย่าง นาย เอ อยากขับ Ferrari ก็ต้องคิดว่าจะลงทุนอะไรที่สามารถสร้าง Passive Income ที่สามารถเอามาซื้อและผ่อนรถในฝันของเขาได้ ซึ่งแน่นอนเขาไม่สามารถซื้อได้ทันทีที่มีเงิน แต่ต้องเอาไปลงทุนโดยใช้เวลาพอสมควรกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ...ดังนั้น ความพอดีไม่ใช่ใช้ให้น้อยสุดๆ ประหยัดโคตรๆ แต่งตัวแย่ๆ ไม่ใช่เลย -- ความพอดีแบบคนรุ่นใหม่ คือ รู้จักหาเงิน แล้วเอามาลงทุนสร้างเครื่องผลิตเงิน จากนั้นก็ดูความเหมาะสม ระหว่าง รายรับ กับ รายจ่าย ..แบบนี้ชีวิตก็ได้ใช้ และ ก็ไม่ได้จนด้วย คือ 'รวย แต่ฉลาดหา ฉลาดใช้' นั่นเอง"
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น