เดิมทีคนของทั้งสองประเทศนี้ "ขาดโอกาส ในการศึกษา เยอะมาก" ..แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเปลี่ยนไป ...แต่ละปี อย่างประเทศจีนและอินเดียรวมกัน คนจบปริญญาปีละ 5 -8 ล้านคน ..วิศวะ หมอ นักการเงิน คอมพิวเตอร์ ...จริงๆ 5 - 8 ล้านมันเทียบเท่ากับ คนทำงานทั้งประเทศ Australia เลยนะ ..แม่เจ้า!! คือ ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า แต่ละปีมีคนที่มีโอกาสทางการศึกษาเพิ่มขึ้น ขนาดไหน !! -- แน่นอน คนที่มีการศึกษา ก็เสมือนได้รับโอกาสเริ่มต้นในชีวิต ที่จะสามารถ "ยกฐานะของตัวเอง หากมีความสามารถ" ...ย้ำว่า คนเหล่านี้ เขาได้รับโอกาส ในการยกฐานะของตัวเอง หากเขา มีความสามารถ
ใช่!! ไม่ได้แค่ได้รับการศึกษาปริญญาแล้วจะยกฐานะของตัวเอง แต่ต้อง มีความสามารถด้วย -- มันถึงเกิดภาพของการแข่งขันในเศรษฐกิจ ที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ...ผมว่า หลายๆ คน ไป Focus อยู่ที่ประเทศอย่างอเมริกา และ ยุโรป ซึ่งปัจจุบัน เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ คือ เอาอเมริกา รวมกับ ยุโรป มีคนรวมกันประมาณ 800 ล้านคน แต่คิดเป็นสัดส่วน GDP หรือ มูลค่ารวมเป็น 50% ของ เศรษฐกิจโลก ...แต่ปัญหาคือ คน 800 ล้านคนนี่ เขาบริโภคแบบเกินตัวมานาน ..คิดดูนะ โลกทั้งโลก 7,000 ล้านคน ..แต่การบริโภคกลายเป็นว่าคน 800 ล้านคน บริโภคเท่ากับ 50% ของทั้งโลก เท่ากับว่า คนที่เหลืออีก 7,200 ล้านคน กินอีกครึ่งที่เหลือ
"ไม่สมดุลย์" ...ถูกต้อง ไม่สมดุลย์ ...มันถึงเป็นภาพที่เราเห็นในโลก คือ คนอเมริกา อ้วน น้ำหนักเกิน บริโภคเกิน รถหลายคัน ใช้น้ำมันเยอะ บ้านหลังใหญ่ ...และ ยังมีบ้านหลายหลัง ทุกบ้านมี เฟอร์นิเจอร์ มีทีวี มีเครื่องอำนวยความสะดวก ...ซึ่งของเหล่านั้น ผลิตมาจาก โรงงานนรก ใน เอเชีย ... "เห็นภาพ มากขึ้นแล้ว!!" ... คนเอเชีย ก็คือ ประเทศที่เป็น โรงงานนรก ..คือ ประชากรในประเทศ อดอยากปากแห้ง แต่สินค้าที่ผลิต ส่งไปขาย อเมริกา และ ยุโรป ...ยกตัวอย่างใกล้ตัว อย่างประเทศไทย เราผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของโลก ...เราผลิตรถยนต์อันดับต้นๆของโลก ..เราผลิตยาง ซึ่งเป็น จุดเริ่มของยางรถยนต์อันดับหนึ่งของโลก ..เราผลิตอาหารอันดับต้นๆ ของโลก ...เราเป็นเจ้าของ ปิโตรเคมี ทางด้านบรรจุภัณฑ์ อันดับหนึ่งของโลก ...เรามีบริษัทผลิตปลาทูน่า อันดับหนึ่งของโลก ...เยอะ !! ...ผมอยากจะชี้ มูลค่าแฝงของระบบเศรษฐกิจของเรามันโคตรเยอะ ..เราส่งออกเท่ากับ 70% ของ GDP ... ครับ นี่แหละ ภาพของ "โรงงานนรก" ของโลก จริงๆ อยู่ในบ้านเรา ...
คำถาม คือ ทำไมคนไทยไม่รวย !! ... และ ทำไมของดีๆ เราส่งออกหมด ...กุ้งยักษ์ เราส่งออก ..ทำไมกรู ไม่ได้กิน -- ต้องบินไปกินที่ Australia ...เฮ้ย!! มันไม่ใช่แล้วมั้ง !!
แต่!! คุณรู้ไหมว่า ภาพเหล่านี้ มันกำลังเปลี่ยน ...วันนี้นักธุรกิจ(เอกชน) เข้าไปลงทุนในต่างจังหวัด ...สมมุติผมไปจังหวัดนึง แล้ว ผมซื้อที่ดิน ซึ่งเดิมทีราคาไร่ละ 1 แสนบาท ...สมมุติผมซื้อ 1 ล้านบาทต่อไร่ เพื่อมาทำ Condo ขาย ..."คำถามคือ ที่ดินในจังหวัดนั้นจะมีราคาเปลี่ยนไปอย่างไร" ...ใช่ !! มันจะขึ้นทั้งจังหวัด ...เท่ากับว่า ผมในฐานะ Developer เข้าไปซื้อที่ดิน แล้วพัฒนาสำเร็จ ขายทำกำไร "ผมรวย นั่นคือมุมนึง" ...ส่วนอีกมุม มันเท่ากับว่า ผมเป็น Tipping Point หรือ ตัวจุดประกาย ที่ทำให้ Wealth หรือ ความมั่งคั่งของคนในจังหวัดนั้นเพิ่มขึ้นทันที ...ที่ดินขึ้นทั้งจังหวัด -- การแข่งขันประทุขึ้น Real-estate Developer ก็จะหลั่งไหล เข้าไปแย่งชิง ความสำเร็จ แล้วธุรกิจบริการอื่นๆ ก็จะ ขึ้นเป็นดอกเห็ดตามมา ... คำถามคือ แล้วมันเริ่มจากอะไรล่ะ !!
มันเริ่มจาก "โอกาส" ..วันนี้บ้านเรา เริ่มเข้าใจ AEC มากขึ้น ..จริงๆ มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะ การค้ามันเกิดตั้งนานแล้ว ...เพียงแต่การกำหนด Theme ร่วมกันของ ASEAN ..มันทำให้เกิดปฎิกริยาการเร่งให้ตื่นตัวของทุกคน ...ผลก็คือ วันนี้การค้าชายแดนของไทย (เราเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของ ASEAN ตั้งแต่โบราณนะ ...ผมฟันธงเลยว่า อนาคตก็ใช่ ถ้าเราเข้าใจจุดแข็งของตัวเอง และ อย่าทะเลาะกันงี่เง่า แบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว ...ตรงนั้นน่ะน่ากลัว) ..การค้าชายแดนของไทยเพิ่มขึ้น เป็นสิบเท่าตัว ...วันนี้ผู้ค้าปลีกที่เข้าใจ เขาไปเปิดศูนย์กระจายสินค้าแถวชายแดนเตรียมหมดแล้ว ...พอ AEC เปิด การค้าเสรี ...เดี๋ยวเพื่อนบ้านก็จะแห่มาซื้อสินค้าจากเรา -- คิดง่ายๆ เอาแค่เศรษฐีของ ลาว พม่า เขมร เวียดนาม ..เอาแค่เศรษฐีเขาสามารถมาซื้อสินค้าและบริการจากเราได้เสรี ...คุณว่าเขาจะมาไหม ...แน่นอน!! ...โอ๊ว!! โอกาสแบบสุดๆ
คุณรู้ไหมว่า เศรษฐีเดี๋ยวนี้ เขาคุยกันว่า จาก กรุงเทพ เขาบิน 1 ชั่วโมง ถึงเมืองหลวงของทุกประเทศใน AEC ...เท่ากับว่า ผมสามารถบินไปกินข้าวในย่างกุ้ง แล้ว กลับมา Meeting ที่กรุงเทพ ได้ทัน Dinner มื้อสุดหรู ในกรุงเทพอีกมื้อ ..."มรึงจะบินไปไหน" ...แต่มันมันส์น่ะ ...แล้วถ้าให้เลือกว่า คุณจะอยู่กรุงเทพ หรือ อยู่ในเวียดนาม เขมร ... ผมท้าเลยว่า คุณเลือกเมืองไทย (แถวรัชดา สีลม..ฮ่า ฮ่า) ..ไปถาม ผู้บริหารญี่ปุ่นเลยว่า ทำไมยู จะอยู่เมืองไทย ..."อ๋อ!! ไม่ต้องตอบ เพราะอ้าปากเห็นลิ้นไก่ เมืองไทยเป็น ศูนย์กลางของเมืองน่าอยู่ เราต้องขอบคุณ ชูวิทย์ ที่ปูทางไว้ดี ...วันนี้ผู้บริหารทั่วโลก อยากอยู่เมืองไทย เพราะ เรามีการแพทย์ที่ดี ..การบริการที่ดี ..อาหารที่ดี ..โรงแรมที่ดี ...อ่ะนะ มันเยอะมาก"
ภาพทั้งหมด "เพิ่งเริ่ม" ..เศรษฐีที่ดินในต่างจังหวัด โดย เฉพาะ เมืองที่เชื่อมโยงกับ AEC จะ Boom... คนเหล่านี้จะรวย ไม่รู้เอาเงินไปทำอะไร ...ก็จะมีนักการเงินอย่างพวกผม เข้าไปจีบ แล้วชวน มาลงทุน เอากิจการเขาเข้า IPO ในตลาด เอาเงินเขามาลงทุน เอามาทำ Private Equity ..เอามาทำ Venture Capital -- เกิดแน่ !! เพราะ ผมจะไปคุยเอง ...ผมทำโครงการ ทายาทธุรกิจของธนาคารกรุงเทพอยู่ ...ผมรู้ว่าจะไปต่อยังไง ...ดังนั้น ตรงนี้เล่าให้ฟัง เพราะ ผมจะต้องทำให้มันเกิด (มุ่งมั่นๆ ๆ ) ...มันมันส์โคตรๆ คุณว่าไหมล่ะ ...นั่นคือ เงินและ ระบบเศรษฐกิจ จะขยายตัว ซึ่งเดิมทีทุกอย่างเชื่อมกับธนาคาร ..เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ เพราะ เอกชน บางรายใหญ่กว่าธนาคารแล้ว ...บริษัทเขาระดมทุนได้เอง อย่าง SCC เขากู้ผ่านประชาชนโดยตรง ...เวลานี้ก็ 70% ของเงินกู้ เขาออก Bond (หุ้นกู้)เอง ..เพราะกู้ได้ถูกกว่ากู้ธนาคาร ...PTT ก็ทำแล้ว -- ผมจะบอกว่า Trend แบบนี้ มาแน่ แล้ว Financial Sector จะขยายอีกมหาศาล ...ทั้งในเรื่องของ Capital (ตลาดทุน) และ Financial (ตลาดเงิน)
การบริโภคภายในประเทศเราจะเพิ่มขึ้น จากที่เราส่งออก 70% ของ GDP ...ผมว่า ต่อไป การบริโภคภายในจะเริ่มขยายตัว อาจจะมาเป็นครึ่งนึง ..แล้วขยายเรื่อยๆ .. "ถ้าคนเรารวย เราก็มีเศรษฐกิจภายในที่แข็งขึ้น ..ของดี ก็กินกันเองบ้าง ไม่ต้องส่งออกหมด" ...
ภาพนี้ไม่ใช่แค่เมืองไทย ...แต่มันเกิดทุกประเทศใน AEC ..และ มันก็เกิดในประเทศที่คนเขาฉลาดกว่าเรา อย่างเช่น จีน และ อินเดีย ด้วย (ลองนึกภาพ แค่ไทยเราก็เยอะแล้ว ..แล้วจีน กับ อินเดีย ยิ่งเยอะกว่าเราอีก)
โลกเราเปลี่ยนไปแล้ว ..วันนี้มันขยาย จากพวกเรา จากเอเชีย ...ต้องถามว่า "คุณพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหรือไม่" ...การเตรียมความพร้อม คือ การเข้าใจจุดแข็งของตัวเอง แล้ว พัฒนาต่อยอด จากจุดที่ "ตัวเรา" แข็ง ...แก่น จะไม่ได้มาจากคุณเป็น ลูกจ้างได้เงินเดือนเยอะๆ ...แต่แก่นคือ "ความเข้าใจในศักยภาพของตัวเอง ...เข้าใจ Connection ที่มี ...เข้าใจว่า เรารวมกับใคร กับอะไร แล้ว จะช่วยให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า 1+1 เท่ากับ 4"
คนฉลาดในยุคต่อไป อยู่ยาก (One Man Show มันตายแน่ ..กินคนเดียวกินรวบ แบบมนุษย์โบราณ มันซวยแน่!!) ..แต่คนที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลง รู้จุดแข็งตัวเอง รู้จุดแข็งคนอื่น รู้จักการ win-win ..ร่วมกัน 1+1 =4 ...คนเหล่านี้แหละ ที่น่ากลัว ...เพราะ เขาจะสร้าง Convergence ทางองค์ความรู้ และ ความสามารถ
ฮึม!! ถ้านึกไม่ออก ว่าจะเริ่มที่ไหน ...เข้ามา The Stock Master ของบัวหลวง ...ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่เริ่ม สร้างเครือข่ายของคนรุ่นใหม่ ...ผ่านโครงการของธนาคารกรุงเทพและหลักทรัพย์บัวหลวง อย่าง "ทายาทธุรกิจบัวหลวง" ...เราดึงเข้ามารวมกับ โครงการของหลักทรัพย์บัวหลวงอย่าง "The Stock Master" (ซึ่งเตรียม Season ต่อไปเร็วๆ นี้!! ) ...นี่เป็นก้าวแรกของการ พยายามรวมองค์ความรู้ ของคนรุ่นใหม่ เข้ามาร่วมกันเดิน แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน ...นี่แหละ สังคม win-win ..ผมรวย คุณก็รวย ..."ใครว่าตัวเองถนัดด้านไหน แล้วอยากแบ่งปัน หาคนร่วมกันเดิน ...ก็เข้ามาแจมกัน"
แล้วเจอกัน ...คุณและผม เจอกันแน่ "คนเดียวเปลี่ยนประเทศไม่ได้หรอก ...ต้องเป็นกลุ่มคน ที่เก่งที่สุดในจุดที่ตัวเองยืน เข้ามารวมตัวกัน แล้ว win-win เดิมร่วม แบ่งปัน ซึ่งกันและกัน" ...นั่นแหละ กลุ่มคนที่จะเปลี่ยนประเทศ!!
ขอบคุณสำหรับบทความ ^^ จะติดตามเรื่อยๆคะ
ตอบลบอ่านแล้วมีกำลังใจทำธุรกิจ สู้ต่อไปทาเคชิ อ้อหลัง AEC ต้องเปลี่ยนเป็น สู้ต่อไปสมชาย
ตอบลบ