แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

"ลอดลายมังกร 2012" ตอนที่ 2 ...พาชมโรงงานของอาเหลียงยุคใหม่


คราวที่แล้วเกริ่น ในเรื่องของ ธุรกิจยุคใหม่ ...ไม่ได้เริ่มที่หยาดเหงื่อ และ เลือด ...แต่ต้องเริ่มด้วย "ความคิด" และ "วิกฤต"

เฮ้ย!! "ความคิด" อันนี้พอจะเข้าใจ ...แต่ไอ้เริ่มที่ "วิกฤต" ต้องขยายความกันหนักแล้ว ....มันคืออะไร

ประเด็นนี้น่าสนใจมาก ...เพราะ เมื่อใดก็ตามที่ ประเทศใดก็ตาม เจริญขึ้น ...ยกตัวอย่างประเทศไทย -- คนในประเทศก็ย่อมเก่งขึ้น เท่ากับว่า การทำธุรกิจ เราเจอแต่กับคนเก่งๆ ..ดังนั้น การที่เราจะสามารถ "หาจุดที่เราดีที่สุด ที่เป็นจุดที่เราอยากจะยืน" ...มันต้องอาศัย มากกว่า "ความคิด ปกติ" ...ตัวช่วยเราก็คือ "วิกฤต"

หากใครเคยเจอคำสอนของนักลงทุนเก่งๆ เขาจะพูดเรื่องของ เวลาตลาดขาขึ้น ใครๆก็รวย นั่นเรื่องปกติ แต่เวลาตลาดขาลง -- เขาบอกว่า "ยูจะเห็นเลยว่า ใคร Swim Naked ...คือ แก้ผ้าว่ายน้ำ ..ว่านั้นเถอะ!!" ....คำสอนนี้ผมว่า ลึกซึ้ง เพราะ ถ้าคิดให้ดีแล้ว มันเป็นเรื่องปกติมากว่า ในเวลาตลาดดี ใครๆก็รวย ก็ขยายธุรกิจ และ ลงทุนมหาศาล ก็จะรวยกันทุกคน ..แต่ตัววัดว่า ใครรวยจริงแล้วอยู่รอดได้ต้องดูขาลง เพราะ ถ้าคิดให้ดีแล้ว การที่จะทำธุรกิจ หรือ ลงทุน ...เราหวังว่าเราจะรวยระยะยาว ไม่ใช่จะรวยแค่ขาขึ้น แล้วล้มละลายขาลงเหมือนคนส่วนใหญ่ ...ซึ่งในอดีต ยกตัวอย่างวิกฤตต้มยำกุ้ง สมัยนั้นมีคนไทยรวยมหาศาล แต่พอวิกฤตผ่านไป ...ประเทศไทยเหลือแต่คนเคยรวย!! ...คุณว่าอะไรคือ ปัญหา ...ที่ทำให้คนเหล่านี้ ดีในขาขึ้น แต่ซวยในขาลง !!

ถูกต้อง !! Liquidity หรือ สภาพคล่อง .... "คุณคิดให้ดีนะ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุน หรือ การทำธุรกิจ ไม่มีใครโง่ อยากขาย Asset ของตัวเอง หรือ ธุรกิจ ในราคาต่ำๆหรอก ..นอกเสียจากว่า เขาขาด สภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง ...แล้วก็โดน เจ้าหนี้บีบให้คืนหนี้ ...นั่นหมายความว่า คนเก่งเหล่านี้ พลาดในเรื่องของการไม่ประมาณตน ซึ่งในอดีตทั้งคนไทย และ ฝรั่ง ก็มักจะพลาดในเรื่องนี้ เหมือนกัน ...ใช่แล้วครับ นี่เป็นหนึ่งใน "กับดัก" Classic อีกอย่างของคนเก่ง ก็คือ ไม่เคยเตรียมใจสำหรับ ขาลงของ Cycle ...และทำให้เมื่อ ขาลง มาจริงๆ เขาก็เจ๊งทันที!!"

ในระบบเศรษฐกิจ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ Real-Estate เพราะ มันเป็น Asset ประเภทหนึ่งที่ราคาขึ้นแล้ว ไม่มีลง ...มันจะขึ้นไปเรื่อยๆ ๆ ๆ ..ไม่มีลง ...และ มันจะลงทีเดียว และลงแรงมาก คือ Crash แบบ Sub-Prime ของอเมริกา หรือ แบบวิกฤตต้มยำกุ้งของเมืองไทย ... สิ่งที่ผมจะชี้ให้เห็นคือ ...ผู้ที่มีประสบการณ์ เขาจะรู้ว่า ในที่สุดการขึ้นย่อมมีการลง ...และ การที่เราจะสามารถทนต่อวิกฤตแบบบ้าคลั้งได้ เราต้องท่องคำว่า "สภาพคล่อง" ...เราต้องมี "ถุงแดง" ที่เตรียมเอาไว้เสมอ -- ทั้งหมดที่พูดมา ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ "อาเหลียง 2012 ต้องเผชิญ" ก็คือ เราต้องเข้าใจ Cycle ของสิ่งต่างๆ ที่จะผันผวนมากขึ้น ... 

"ความเก่ง ในลอดลายมังกร 2012 ต้องตอบโจทย์ ได้ทั้งขาขึ้น และ ขาลง" ... ถ้าเรา แจ๋ว จริง ขาลง เราต้องอยู่ได้ และ นั่นคือ โจทย์ สำคัญที่เราแต่ละคนต้องตอบให้ได้ ในการทำธุรกิจยุคใหม่ ...ซึ่งสิ่งสำคัญที่เราจะทำให้เรา อยู่รอดในขาลง หรือ วิกฤต ก็คือ ...เราต้อง Control Risk (จำกัดความเสี่ยง) ได้ ... มีคนถามผมว่า "พี่ครับ !! ถ้าผม ไม่รู้ว่าการจำกัดความเสี่ยงแปลว่าอะไร ..นั่นแปลว่าอะไรครับ" -- "ฮึม!! ก็แปลว่า เอ๊งไม่เข้าใจความเสี่ยงเลย ...ดังนั้น สิ่งที่เอ็งทำ ความเสี่ยงไร้ขีดจำกัด ...ไปหาให้เจอ ไม่งั้น ขาลงคราวหน้า เอ๊ง จะเป็นหนึ่งใน ผู้ประสบภัย!!"

ในอดีต เรามีเครื่องมือ ไม่มากในการ Control Risk ...เราจะเห็น นักธุรกิจเก่งๆ ในอดีต จะใช้ การ Diversify Risk ...ดูง่ายๆ อย่าง CPF ...บริษัท CP เอง เขาลดความเสี่ยงโดย การกระจายความเสี่ยง...คือ มีธุรกิจ ครอบคลุมไปหมด ..เพราะ ใน Cycle ธุรกิจ ...ทุกอย่าง ไม่ได้แย่พร้อมกัน ..ถ้าใครเข้าใจเรื่อง Investment Clock จะเข้าใจว่า ...ขาขึ้นอะไรดี ขาลงอะไรดี ...เช่น ขาขึ้น อสังหา และ Commodity ดี ...แต่ขาลง Consumption ดี... เมื่อเข้าใจ Timing ของแต่ละธุรกิจ ก็สามารถเลือก กระจายความเสี่ยงใน Port ...ครับ!! นั่นเป็นในอดีต ที่เครื่องมือจำกัดความเสี่ยงแทบไม่มี ...เขาถึงต้องกระจายความเสี่ยง เพื่อลดความเสี่ยง ...ดังนั้น เรื่องนี้ สะท้อนมาใน Nature ของธุรกิจในเมืองไทย ที่มักจะทำตัวเป็น Congomorate คือ ทำทุกอย่าง หรือ เสถียรในตัวเอง ...ในมุมของเจ้าของ ผมว่า โอเค เพราะในขาลง ก็จะมีอะไรมา Balance รองรับ ..สลับดีแย่กันไป ...แต่ในมุมนักลงทุน ผมว่า อนาคตเราต้อง Focus มากขึ้น ...ยกตัวอย่าง ถ้าจะให้ผมลงทุน ในธุรกิจที่ "จับฉ่าย" หรือ Congomorate มากๆ ...เหมือนเราลงทุนในร้านโชว์ห่วยน่ะ ...มันขาดความ Specialize ...สู้เราลงทุนในธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง ไม่ได้ ...ซึ่งผมไม่แปลกใจ ถ้าในอนาคต กิจการต่างๆ จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และ โชว์ Focus ของธุรกิจตัวเอง แบบชัดเจน ...หลายคนอาจจะสงสัยว่า ในอดีตทำไม่ได้ แล้วในอนาคตจะทำได้อย่างไร 

"ทำได้ครับ ...เพราะ ตลาดการเงิน และ การลงทุน มันเปิดกว้างขึ้น ...มันมีเครื่องมือ ในการป้องกัน ความเสี่ยงที่หลากหลายขึ้น..." ...ยกตัวอย่าง Futures หรือ Options -- ผมว่า เรามีเครื่องมือในการ Hedge ความเสี่ยงที่ดีมาก แต่ปัจจุบันที่เจ๊งกัน เพราะ คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้เพื่อ Hedge แต่ยังใช้เพื่อการเก็งกำไร Specurate สุดขีด ..."ไม่แปลกครับ ...ในยุคเริ่มต้นของทุกตลาดในโลก เริ่มด้วย บ้าบอเสมอ...แต่สุดท้ายมนุษย์จะเรียนรู้ และ สร้างสมดุลย์ใหม่ ที่เข้าสู่ทางสายกลางมากขึ้น"

ใช่!! "ลอดลายมังกร 2012" ต้องเรียนรู้ การลงทุนด้วย ...ต้องเข้าใจเครื่องมือของการ Hedge ความเสี่ยง และการ Control Risk ที่มากขึ้น .... ต้องเข้าใจว่า "ทุกวิกฤต" คือ โอกาสที่เราจะ "เติบโตแบบก้าวกระโดด" ...และ ต้องเข้าใจว่า Liqudity หรือ สภาพคล่อง คือ "สายเลือด" ของทุกธุรกิจและการลงทุน ที่ต้องรักษาไว้ ตลอดชีพ --- สิ่งที่ผมพูดมา หลายคนอาจมองว่า เป็นเรื่อง Common Sense แต่ขอบอกว่า มันเป็น Common Sense ที่เป็นหัวใจของความสำเร็จ ในยุค "ยอดลายมังกร 2012" นั่นเอง

ไว้โอกาสหน้า ผมจะเอา ตัวอย่างของ ธุรกิจ ที่ ทำได้ดีมีอนาคต  ..มาชำแหละให้เห็นๆ กัน!!

1 ความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ