'คนรุ่นใหม่ ใครๆ ก็อยากทำ Start-Up แน่ละ ..ใครจะไปอยากเป็นลูกจ้าง ทำเองดีกว่า ถ้าไม่สำเร็จก็เหมือนคนทั่วไปอยู่แล้ว ก็ไม่สำเร็จไง -- แต่ถ้าสำเร็จ ก็ใช่ รวยเลย !!'
แนวคิดของ Start-Up คือ 'โตให้เร็วที่สุด ..ให้เร็วจนเปลี่ยนโลกแบบที่ Facebook ทำ ..เป้าหมายเดียวคือ ให้คนใช้มากที่สุด เพราะสุดท้ายเทคโนโลยีมันก็เหมือนโทรศัพท์นั่นแหละ ถ้าคนใช้น้อยมันก็ไม่มีความหมาย ไม่มีประโยชน์ด้วยซ้ำ ...ดังนั้นทำยังไงก็ได้ให้ทุกคนใช้ก่อน'
'คำถาม คือ แล้วทำยังไงล่ะให้ทุกคนใช้ ?'
ฟรีไง!! ..คนชอบของฟรี งั้นให้ใช้ฟรี
คำถามต่อมา 'แล้วจะใช้เงินใครเพื่อให้เรามีเงินไปทำของมาแจกฟรี ..พวกเราคงไม่มีเงินพอป่ะ ? ..เงินใครดีล่ะ ?'
'เงินคนอื่นดิ ..มองไปซิใครมีเงิน ก็นักลงทุนไง เขามีเงิน เขาเล่นหุ้น เขาเชื่อในอนาคต เชื่อในความฝัน เขาคือนักลงทุน (พวกแนว ภาววิทย์น่ะ ให้เงินทำงาน..555)'
เริ่มฟังดูเข้าท่า ...'แล้วจะเอาเงินนักลงทุนที่ไหน ให้เขามาลงทุนในสินค้าที่ทำเพื่อแจกฟรี ...นักลงทุนคงถามว่า แล้วเอาเงินเขาไปแจกฟรี เมื่อไหร่เขาจะได้เงินคืน ?'
'คุณจะได้เงินคืน เมื่อสินค้านี้ใครๆ ก็ใช้ จนเขาติดใจ แล้วรู้สึกว่ามันดี ดูอย่าง Facebook ซิ พอเขาคิดเงิน ใครๆ ก็ยอมจ่ายค่าโฆษณา ...สุดท้ายเราจะได้เงินจากค่าโฆษณา'
(ระหว่างเขียนบทความนี้อยู่ Line@ เริ่มเก็บเงิน ...คนก็เริ่มทยอยจ่าย และนี่คือโจทย์ที่แยก Start-up ที่ทำเงินได้ รอดแล้วรวย นักลงทุนได้ด้วย ..กับ Start-up ที่สุดท้ายคนใช้แต่ยังไงก็ไม่ยอมจ่ายเงิน)
ใช่!! End Game ปลายทาง ไม่ได้อยู่ที่คนใช้มากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายทำเงินได้หรือไม่ ?
สิ่งนี้ถ้าคุณตอบนักลงทุนได้ 'คุณสามารถขอเงินคนอื่นมาลงทุน ..คุณผ่านเข้ารอบ รอลุ้นรอบต่อไป'
ผ่าน !!
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ