"กลไกของเจ้ามือ ในตลาดหุ้น คือ แบบนี้นั่งเอง" ...ต้องเข้าใจอย่างแรกว่า "เจ้า" เป็นใครก็ได้ จะเป็น ฝรั่ง เป็น กองทุน เป็น รายใหญ่ หรือ เป็นใครก็ได้ ...ไม่สำคัญ ..ที่สำคัญคือ คนนั้นคือ คนที่ซื้อหุ้นตัวนั้นๆ มากที่สุด นั่นแหละ ผู้กำหนด การขึ้นลงของหุ้นแต่ละตัว ...เอ้ามาวิเคราะห์กัน
"คนที่กำหนดการขึ้นลงของตลาดหุ้น แบบแม่นยำที่สุดคือ Demand & Supply ของแรงซื้อและแรงขาย" ...วันนี้ผมเอาสถิติการซื้อขายของผู้เล่นในตลาดทั้งหมดมาให้ดูกัน
ตลาดหุ้นไทยมีผู้เล่นหลักๆ อยู่ 4 กลุ่ม -- 1. ฝรั่ง (ตอนนี้ขายมา 3 ปีติด ยอดขายสะสมสูงกว่าปี 2008 วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์) 2. สถาบัน (สามปีที่ผ่านมา สวนฝรั่งตลอด คือ ซื้อสะสมสูงสุด เป็นคนพยุงตลาดนั่นเอง ..คำถามคือ สถาบันเอาเงินมาจากไหน -- ก็เงินคุณและผม ที่ซื้อกองทุนไง ...ฮ่า ฮ่า) 3. ป๊อบเทรด (เงินจาก Broker เอามาเทรด) 4.รายย่อย (ในรายย่อยมีรายใหญ่แอบอยู่ด้วย เสี่ย เจ้าของ เจ้า ..อยู่ในรายย่อยหมด)
ถามว่าใครมีน้ำหนัก กำหนดทิศทางมากที่สุด ต้องตอบว่า ฝรั่ง แม้เม็ดเงินที่ซื้อขายในตลาดรายย่อยจะมากที่สุด แต่ฝรั่งมีทิศทางชัดที่สุด(ซื้อก็ซื้อติดกันหลายปี - เวลาขายก็ขายติดกันหลายๆปี) ทำให้เขาสามารถกำหนดทิศทางตลาดในภาพใหญ่
คนที่มีน้ำหนักกำหนดทิศทางของตลาดรองจากฝรั่งก็คือ สถาบัน ซึ่งช่วย พยุงตลาดหุ้นไทยมา 3 ปีแล้ว แต่ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยไหว เพราะ สุดท้ายเงินมาจากรายย่อยไทยนี่แหละ
สิ่งที่ชี้ให้เห็นในเกมการเงินนี้ คือ Money Game มันต้องหาจุดดีที่สุดในจุดที่ยืนของตัวเอง ...ยิ่งดูสถิติยิ่งชี้ให้เห็นว่า ตลาดหุ้นทั่วโลก ถูกฝรั่งปั่นให้ฟู แล้วก็ทิ้งให้พัง ...จากนั้นพอพังฝรั่งค่อยกลับมาเก็บถูกๆ แล้วก็ปั่นให้ฟูใหม่ ...เป็นอย่างงี้ เป็นรอบๆ ไปเรื่อยๆ
(เวลาฝรั่งออก ค่าเงินบาทจะอ่อนตาม ..เพราะ เวลาเขาออก เขาขายต่อเนื่องหลายปี ..ส่วนเวลาเข้า ค่าเงินก็จะแข็งด้วย เพราะ เขาเข้าต่อเนื่องเช่นกัน ..ทำให้ทุกครั้งที่ฝรั่งเข้าซื้อเขาได้ 2 เด้ง คือ หนึ่ง ซื้อหุ้นถูก และ สอง ได้กำไรค่าเงิน ...โคตรได้เปรียบเลย เพราะ เขาเล่นเกมนี้ในภาพใหญ่)
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ หุ้นที่ซื้อ และ วิธีการซื้อ ...รายย่อยจริงๆ เม็ดเงินมากที่สุด(60% ของเม็ดเงินทั้งหมด) แต่ไม่เคยกำหนดทิศทางตลาดเลย เพราะ ซื้อสะเปะสะปะ ไม่มีทิศทาง ..แต่วันใดก็ตามที่รายย่อย เริ่มจับทางตัวเองได้
ผมว่า วันนึงเราก็จะสามารถกำหนดทิศทางตลาดได้ เช่น ถ้ารายย่อยมีแนวทางของตัวเอง สมมุติฝรั่งซื้อแต่ หุ้นใหญ่เพราะเขาต้องการเข้าออกง่าย ..รายย่อยอาจซื้อหุ้นเล็ก(ไม่เล่นหุ้นที่ฝรั่งเล่น) เอาเติบโตและปันผลสม่ำเสมอ แล้วเข้าออกยาก สภาพคล่องน้อยฝรั่งไม่ซื้อ ก็แปลว่า รายย่อยสะสมหุ้นอินดี้ ไม่ขึ้นกับฝรั่งแต่ขึ้นกับเราแทน ...กองทุนอาจเลือกกลุ่มที่เล็กกว่า(กลุ่มที่ฝรั่งไม่ซื้อ เพราะขนาดเล็กไป) เน้นที่ปันผล และ เก็บยาวมาก ...พูดง่ายๆนะ (ที่ฝรั่งเขากำหนดทิศทาง เพราะเขาเป็นคนที่ซื้อขายมากที่สุดในหุ้นที่เขาซื้อ) แต่ถ้าแต่ละกลุ่มเป็นรายใหญ่ที่สุดของหุ้นตัวเอง เรานั่นแหละ คือ ผู้กำหนด Demand & Supply ของหุ้นตัวนั้นๆ
แล้วสุดท้ายตลาดก็จะมีประสิทธิภาพเพราะ ผลตอบแทนจริงๆ คือ การเทียบระหว่างเม็ดเงินที่ลงทุน เทียบปันผลที่ได้รับว่า คุ้มหรือไม่ ..ส่วนกำไร คือ การซื้อตามรอบของอุตสาหกรรม ซื้อตอนแย่ ขายตอนดี
ที่เล่าให้ฟัง เพราะ ตลาดหุ้นถูกลากขึ้นลง ตาม Money Supply นั่นเอง !! ...นั่งดูเม็ดเงิน ของการซื้อขาย พร้อมเทียบการขึ้นลงของตลาด ก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ