วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555
"มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ในปีนี้"
ผมเผอิญไปเจอ "มหาวิทยาลัย ที่ดีที่สุด เลยอยากเอามาเล่าให้ฟังกัน!!"
ตอนผมเรียนหนังสือ ..ตอนนั้นอยากมากๆ ที่จะเข้า U Top Ten ของ อเมริกาให้ได้ ... แต่ในที่สุด สอบไม่ได้เลยต้องไปเรียน ที่ออสเตรเลียแทน .."เปลี่ยนทวีปเลยว่างั้น..555"
จะว่าไปแล้ว หลังจากสอบไม่ได้ ก็เรียกว่า "เบนเข็ม ชนิด 360 องศา" ..มุ่งสู่ การทำธุรกิจจริงๆ -- ผมจะเป็นนักธุรกิจที่เก่งให้ได้!!
"ผลลัพธ์ของการ ตั้งเป้าที่ ความสำเร็จ และ เงินมากๆ รวยเร็วๆ ...จบลงด้วย คราบน้ำตา อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว.. เจ๊ง!!" ...ถ้าความสำเร็จได้มาง่ายๆ ทุกคนในโลก คงประสบความสำเร็จ ไม่มีใครจน จริงป่ะ ...แต่ไม่ใช่ไง ...คนส่วนน้อยเท่านั้นแหละ ที่ประสบความสำเร็จ ...เพราะ กว่าที่เราจะเข้าใจ "แก่นของความสำเร็จ" -- ส่วนใหญ่ เข้าใจเมื่อสาย และ หมดแรงที่จะไปสู่เป้าหมาย เรียกได้ว่า รู้แต่สายเกินไป!!
"ผมไม่อยากให้สิ่งนั้นเกิดกับ คนรุ่นใหม่ ที่มีไฟ มีพลัง ...ดังนั้น ลองฟังประเด็นนี้ให้ดี"
ไม่มีใครไม่ล้มหรอก ในชีวิตจริง ..ความสำคัญอยู่ที่ การลุกขึ้นมา และ การเรียนรู้ บทเรียนของการสะดุดล้ม ...มีคำพูดที่น่าคิดมาก ประโยคนึง คือ คนที่ประสบความสำเร็จ ต้องเป็นคนที่ "รับผิดชอบ" -- ความหมายจริงๆ คือ ต้องรับทั้ง "ผิด" และ รับทั้ง "ชอบ"
การรับ "ชอบ" เราได้แต่ ความสะใจ ...แต่เราไม่ได้ เรียนรู้
การรับ "ผิด" นั่นแหละ ที่เป็น "อาจารย์" ที่สอนบทเรียนที่ดีที่สุดให้กับเรา
ที่ผมพูดว่า "มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด" ก็คือ "ความผิดพลาดนั่นแหละ" ...และ คนที่จะสามารถเรียนรู้ ก็คือ "คนที่รับผิด (ไม่โยนความผิดไปให้คนอื่น)" ...คนที่รับ "ผิด" ก็คือ คนฉลาดนั่นเอง
"That' s my Fault -- มันคือ ความผิดของผมเอง" ...และ หลังจากนั้น คือ การแก้ไขความผิด ...ยิ่งแก้ ก็ยิ่งเก่ง ...ประสบการณ์ของคนเก่ง ผมว่า มันมาจากการเข้าไปแก้ปัญหา เข้าไปสู้กับอุปสรรคที่ยากๆ ...จริงๆ ถ้าคิดให้ดี โลกนี้ มันเป็น "ตรรกะ" ซึ่งมันแฟร์มากๆ ...เพราะคุณรู้ไหมว่า คนที่ประสบความสำเร็จ และ ยิ่งใหญ่ ทุกคน เป็นคนที่ผ่านเรื่องราวเลวร้าย ผ่านอุปสรรค และ มรสุมชีวิต มามากกว่าคนอื่น..แค่นั้นเอง
สถิติในปัจจุบันของ Billionaire ในอเมริกา ...คุณรู้ไหมว่า 2 ใน 3 คือ Self-made คือ "สร้างตัวจากมือเปล่า" ...ผมอยากจะบอกว่า พวกเราโชคดี ที่เกิดมาในยุคนี้ เพราะ คนที่เก่งจริง สามารถสร้างตัวได้จากมือเปล่า ด้วย ระบบ และ เครื่องมือ ของธุรกิจ และ การเงิน
หากใครเคยอ่านเรื่อง Alchemist "กลุ่มคนที่พยายามจะ เปลี่ยนโลหะ ให้เป็นทอง แต่ทำมาเป็นพันๆปี ก็ไม่มีใครสามารถทำได้" ...แต่ปัจจุบัน "ตลาดทุน" ทำได้ไง ...มนุษย์ในยุคใหม่ สร้างโลกเสมือนทางการเงิน ที่สะท้อน ความมั่งคั่งขึ้นมา เรียกว่า "Asset" ...กลไกความมั่งคั่งในปัจจุบัน จึงเป็นการสร้าง และ สะสม Asset นั่นเอง
ถ้ามองให้เข้าใจ "สามขา ของการสร้างและ สะสม Asset ก็คือ"
หนึ่ง Right to Property ... "ตรงนี้ คือ กฏหมาย และ การรักษาสิทธิของเจ้าของทรัพย์สิน ...ซึ่งประเทศที่มีกฏหมายทรัพย์สินที่มั่นคงเท่านั้น ประชาชน จึงจะสามารถสร้าง และ สะสมความมั่งคั่งได้" ...จะเห็นได้ว่า ประเทศเผด็จการทหาร ไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ เพราะ ไม่มี Right to Property ..มีแต่ "สิทธิปากกระบอกปีน"
สอง Knowledge ..คือ ความรู้ของประชาชน ...ในการที่จะเข้าใจว่าอะไรคือ Asset และอะไรคือ "ขยะ" ..และ ในระยะยาว "เงินสด" ลดมูลค่า ...และ "Asset" เพิ่มมูลค่า สวนทางกับเงินสด ... กลไกของการสร้างความรู้ -- ยกตัวอย่างตลาดหุ้น คนส่วนใหญ่ขาดความรู้หลักๆ คือ ไม่เข้าใจว่า "ราคา" ไม่ใช่กลไกของความมั่งคั่ง แต่เป็น "Value" หรือ มูลค่าพื้นฐานที่แท้จริงที่เขาครอบครองต่างหากที่เป็น Wealth
สาม Wealth Allocation ..คือ การกระจายความมั่งคั่ง ..ประเทศที่คนส่วนใหญ่ ไม่มีการศึกษา จะนำมาซึ่งการกระจุกตัวของความมั่งคั่ง ...เช่น ความรวยของแอฟริกา จะไปกระจุกตัวอยู่ที่ผู้นำเผด็จการทางทหาร ซึ่งคนเหล่านี้ เป็นเพียงคนที่ถูกหลอก ให้เขานำทรัพยากรของประเทศออกไปขาย แลกกับ "เงินในธนาคารสวิส หรือ เงินใน Safe Haven"..หากคิดให้ดี เงินเหล่านั้น เขาแทบไม่มีโอกาสใช้ ..อย่าง กัดดาฟี มีเงินที่แลกกับทรัพยากรน้ำมันของลิเบีย เอาไปฝากไว้ทั่วโลก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ ..ประเทศก็ไม่ได้ใช้ ..เพราะ สุดท้ายอเมริกัน ก็ยึดไป เพราะอ้างความชอบธรรมทาง สิทธิมนุษยชน ..."มันแปลว่า อะไรหรือ!!" ...ประเด็น สำคัญคือ ประชาชน ขาดความรู้ ผู้นำก็ขาดปัญญา ...การสร้างความมั่งคั่ง ของประเทศถึงกระจุกตัว และ อยู่นอกประเทศ (ลองดู พม่า เป็นกรณี ศึกษาละกันว่า จะรอดหรือไม่!!) ...การสร้างความมั่งคั่ง และ การกระจายความมั่งคั่ง คือ การกระจายความรู้ และ สุดท้าย คนจะฉลาดพอที่จะดูแล ตัวเองได้ ...
ผมว่า วันนี้ การได้เรียนจาก "มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ก็คือ Internet และ Social Network นี่แหละ"... การที่เรามี ความรู้ ก็ช่วยแบ่งปันไปให้คนอื่นๆ ด้วยนะครับ ...หนังสือ อ่านแล้วดี ก็แบ่งให้คนที่เรารักอ่านได้ ... ยุคนี้ผมว่า "การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง จะเกิดกับสังคมไทย" --- หากคุณ "ผู้ที่มีโอกาสมากกว่า" ...ใจกว้าง และ แบ่งปัน ความรู้ และ โอกาส ให้กับผู้ที่เขายังขาดมัน
"ความรู้ จริงๆ มันคือ โอกาส" ...แชร์ออกไปครับ -- "ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้"
ลองดู "เชื่อผม" ...ลองแล้ว work จึงบอกกัน...555
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
หลายคนสงสัยว่า ตลาดหุ้นผันผวนสุดๆ ทำไมนักลงทุนระยะยาวถึงแทบไม่เคยดูราคาหุ้นขึ้นลงรายวันเลย ? "บ้าหรือ เงินแกว่งขึ้นลงเป็น แสน เป...
-
"ใครว่าเป็นนักธุรกิจยาก ..หากเทียบนักกีฬา เกมธุรกิจเล่นง่ายกว่าเยอะ -- เล่นแล้วรวยอีก!!" ..คิดดูนะ ถ้าเราเล่นกีฬาอะไรก็ต...
-
‘หุ้นไทย’ ไม่มีอนาคตแล้วจริงหรือ ? 1. ’ขาขึ้นรอบใหม่ มักเริ่มเวลาที่ทุกคนสิ้นหวัง’ …ก็ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นต้นรอบ 2. ’ไทยม...
-
6 ข้อ ใสใส VI รุ่นใหม่ ควรต้องรู้ ขึ้นชื่อว่า ‘นักลงทุนคุณค่า’ ก็แปลว่า เราต้องข้ามผ่าน ’ราคา’(Price) แล้วพุ่งไปที่แก่นของมันคือ ‘มูลค่า’ (...
-
7 ข้อ ที่คนปกติเขาไม่ทำกันในตลาดหุ้น 1. ’หมกมุ่นอยู่ในจุดที่คนอื่นบอกไม่มีอนาคตแล้ว‘ …ตลาดหุ้นไทยไม่มีอนาคตแล้ว ไปตลาดอื่นเถอะ 2. ’ซื้อหุ้น...
-
'ขายของอย่างไรในยุคขายยาก' คนที่จะขายสินค้าและบริการได้เก่งในยุคนี้แบบ Steve Jobs คือ สามารถสร้างสินค้าและบริการที่ 'โดน' มา...
-
วันนี้ไปเจอหนังสือเล่มนึง ที่ผมว่า เขียนได้ In-trend มากๆ ..มันเป็นแนวคิดสำหรับ คนรุ่นใหม่ที่อยาก Self-made "คนรุ่นใหม่ที่สร้างตัวด้วยต...
-
วันนี้มีโอกาสได้คุยกับ คุณ สุระ ผู้ก่อตั้ง Com7 เจ้าของ ร้านในเครือ Banana IT ..เดี๋ยวนะ อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการมาเชียร์หุ้น แต่จะมาเล่ามุ...
-
ในหนังสือ สร้างล้านแรกต้องแหกกฏ ...มีอยู่บทนึงที่พูดถึง การหาตัวตนของเราให้เหมาะกับงาน ...ซึ่งก็คือ การรู้ว่า "จริตการทำงาน" ขอ...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ได้รู้จักมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแล้ววว
ตอบลบ