เมื่อวันก่อน ผมได้มีโอกาสไปออกรายการวิทยุ Business Line & Life ของคุณม่อน .. มีคนสัมภาษณ์ผมเป็น คนหนุ่มรุ่นใหม่ ทายาทกลุ่ม ธุรกิจใหญ่แห่งนึง ...
ชายหนุ่มกล่าว "พี่แพ้ทนั่นเอง... ผมเล่นหุ้นมาสี่ปีแล้ว ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย -- เริ่มจาก แม่ผมหยิบหนังสือเล่มนึง มาให้ผมอ่าน เมื่อสี่ปีที่แล้ว ..."แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" ...การลงทุนผมกำไรมาตลอด จนมาเล่น Futures -- ก็คืนกำไรไปพอสมควร แต่วันนี้ผมเริ่มเข้าใจมันมากขึ้น ..ผมไม่ได้หยุดนะ เพราะมันเป็น Process ของการเรียนรู้"
ครับ !! น้องคนนี้ เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ..ที่เพิ่งจบการศึกษามาหมาดๆ ดีกรี นิสิตจุฬา ที่เพิ่งผ่านการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในปีสุดท้ายในต่างประเทศ ก่อนเริ่มเข้าสู่ตลาดการทำงานจริง --- ประเด็นที่เขาสนใจถามผมเป็นอย่างมาก คือ "การหาจุดยืนของตัวเอง ... ผมอยากยืนด้วยขาของผมเองได้ครับ คือ สำเร็จด้วยตัวของเขาเอง!!"
น้องเขายิงคำถามนึงมาที่ผม ซึ่งผมว่าน่าสนใจ "พี่หาโอกาส อย่างไร ... เพราะปัจจุบัน ผมมองไปทางไหน มันก็มีแต่วิกฤต และอะไรๆ ก็มีคนทำหมดแล้ว ...มันยากจริงๆ สำหรับคนรุ่นใหม่"
ผมก็บอกเขาไปว่า "จริงๆ ไม่ใช่หรอก ...ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การทำธุรกิจ และ การหาโอกาส มันยากอย่างไร วันนี้มันก็ยากเหมือนเดิม ...คนส่วนใหญ่ ชอบเอาอดีตมาพูด แล้วมองย้อนกลับไป ...แน่นอน !! พอเราเอาอดีตมาพูด เราก็มองว่า คนสมัยก่อนทำธุรกิจง่าย เพราะโอกาสมันมีเต็มไปหมด แต่ลืมนึกไปว่า จริงๆ สภาพแวดล้อมในอดีต มันก็ยากกว่าปัจจุบัน ...บอกตรงๆ ถ้าอยากได้ อารมณ์การทำธุรกิจในอดีต ลองบินไปพม่าซิ หรือ ลองไปเที่ยวต่างจังหวัด เอาจังหวัดที่ยังไม่ค่อยเจริญ ...ถามจริงๆ นะ เราอาจจะมองว่า โอกาสมันเยอะ เพราะมันไม่มีอะไร แต่ประเด็นคือ คุณต้องสร้าง Demand หรือ ความต้องการเริ่มจากศูนย์นะ -- ซึ่งตรงนี้บอกตรงๆ ไม่ง่าย ...มันก็เหมือนกรุงเทพตอนนี้ หลายๆคนมองว่า มันหมดโอกาสแล้ว เพราะธุรกิจที่คิดว่า มันน่าจะเปิด มันก็มีหมดแล้วใช่ไหม" ... จริงๆ คิดดีๆ วันนี้การทำธุรกิจส่วนตัว มันยิ่งง่ายกว่าในอดีตเสียอีก
การจะเปิดกิจการสักแห่งในปัจจุบัน เราใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าในอดีต ...ยกตัวอย่าง การทำอะไรสักอย่างในวันนี้ มีคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว ก็เปิดธุรกิจได้แล้ว ...ใช้ Facebook เป็นหน้าร้าน ใช้ธนาคารเป็นฝ่ายเก็บเงิน และ ก็ใช้ร้านกาแฟเป็นสถานที่ทำงาน
"แต่พี่ครับ!! มันเป็นธุรกิจเล็กๆ จะไปได้เรื่องอะไร"
เดี๋ยวก่อน "คิดให้ถูกนะ" ...ธุรกิจใหญ่ๆ ในปัจจุบัน มันเริ่มจากเล็กๆ ในอดีตทั้งนั้นแหละ ...อย่าง facebook หรือ Google เองก็เริ่มจากคนไม่กี่คน ...ธุรกิจมันไม่ได้เริ่มที่ขนาด แต่มันเริ่มที่ "มุมมอง"
เอ๊ะ!! มุมมอง ยังไงครับพี่
ก็คิดง่ายๆ ปัจจุบัน น้องบอกว่า มีแต่วิกฤต นั่นหมายความว่า มันมีความเปลี่ยนแปลงในทุกๆอุตสาหกรรม ...ตั้งแต่ธุรกิจเพลง สื่อ บันเทิง ยัน ค้าปลีก ..ลองคิดดีๆ ซิ เวลานี้ โครงสร้างการทำเงินของธุรกิจต่างๆ มันกำลังถูกท้าทาย
ยกตัวอย่าง สมัยก่อน คนมาทำงาน ต้องซื้อหนังสือพิมพ์ แล้วนั่งอ่าน ...พอกลับบ้านก็ต้องดูละครหลังข่าว เพราะมันไม่มีอะไรให้ดู ..."บริษัทสมัยก่อน ถ้าจะเข้าถึง หรือ โฆษณา ก็ต้องโฆษณา ผ่านสื่อเหล่านั้น เม็ดเงินของอุตสาหกรรมโฆษณา ก็เลยโต เพราะมันเข้าถึงคนในอดีตเกือบ 100% ...เรียกได้ว่า ถ้า โฆษณาออกทีวี ลงหนังสือพิมพ์ ก็จะเข้าถึงคนทั้งประเทศทันที -- มันคือ One Stop ของการโปรโมรทสินค้าเลย" ...แต่ลองดูปัจจุบันซิ ถามว่า คนรุ่นใหม่อย่างคุณน่ะ หาข้อมูลผ่าน Internet ทั้งนั้น ..แม้แต่ดูละคร ยังไม่ดูตามเวลา มาดูย้อนหลังใน YouTube แทน ...ฟังเพลงก็ไม่ซื้อโหลดเอาฟรีๆ ..มือถือก็เอามาเล่น Internet ..กด Line กันมันส์ แทบไม่คุยกันแล้ว --- บริษัทสมัยนี้ การจ่ายเงินโฆษณาลงสื่อเดิม ก็เริ่มปวดหัว เพราะเม็ดเงินที่ลงไปมันแพงขึ้นไปอีก แต่การเข้าถึงคนมันลดลง "ใช่!! พี่กำลังจะชี้ว่า เดี๋ยวนี้ คนมองแต่วิกฤต ซึ่งจริงๆ ในวิกฤตมันมีโอกาสแฝงอยู่เสมอ คิดง่ายๆ ...ถ้าสื่อทางเลือกเริ่มโต เม็ดเงินโฆษณา มันก็จะกระจายมาสื่อใหม่มากขึ้น" --- แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ต้องคิดให้หนักคือ "ความคุ้ม" เพราะ การที่สื่อรุ่นใหม่ จะสู้กับสื่อเดิม มันไม่ใช่ เราไปสู้ตรงๆ เพราะ คุณไม่มีทางไปสู้กับยักษ์แบบตรงๆ เพราะคุณอาจเสียชีวิตได้
วิธีการมันคือ การมองช่องว่าง เช่น เดี๋ยวนี้ธุรกิจใหม่ๆ เขามี Segment หรือ กลุ่มลูกค้าของตัวเองที่ชัดเจน ...มองง่ายๆ นะ ธุรกิจ อย่าง Online ที่ใช้ Platform บน Internet เขารู้เลยว่า ลูกค้าเป็นใคร อายุเท่าไหร่ มีความชอบ อะไรอย่างไร ... และข้อมูลพวกนี้ เว็บต่างๆ ก็จัดให้เลยฟรีๆ ..ซึ่งถ้าเป็นธุรกิจในอดีต การจะได้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าในแบบนี้ คุณอาจต้องซื้อ Software และสร้างระบบ Computer ที่ใช้เงินมหาศาล --- "นี่แหละ ข้อได้เปรียบของคนรุ่นใหม่ ... การที่คุณเกิดมากับ Technology เราต้องรู้จักใช้ Technology ให้เป็นประโยชน์ ...ดังนั้น การทำธุรกิจของคนรุ่นใหม่ มันไม่ใช่ การไปต่อสู้ตรงๆกับธุรกิจเดิม เช่น ไปเปิดร้านอาหาร หรือ ร้านกาแฟ แล้วหวังว่าเราจะทำให้อร่อยกว่า ..มันไม่ใช่จุดเด่นในการแข่งขัน --- คิดดีๆ คนรุ่นใหม่ ต้องมองให้ลึกกว่านั้น เราได้เปรียบในเรื่องของ "ความลึกในข้อมูล" และ การใช้ Internet ในการลดต้นทุน
อย่าง Office ในปัจจุบัน แทบไม่ต้องมีก็ได้ ... ช่องทางการขาย ทำผ่าน Internet ก็ได้ ...เรียกได้ ว่า คุณไม่มีต้นทุนของ Fix cost เหมือนธุรกิจเดิมๆ ...ผมกำลังพูดถึง การสร้างธุรกิจ มันไม่ควรเริ่มจากเงิน แต่มันควรเริ่มจาก มีลูกค้าก่อน ...แล้วทดลอง Service เขาบนต้นทุนที่ต่ำกว่า ..จากนั้น เมื่อเรามีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนแล้ว ก็ค่อยสร้าง Office หรือ หน้าร้านแบบจริงจัง ทีหลังก็ยังได้
ครับ!! ทั้งหมด ที่พูดมา ผมอยากจะชี้ว่า "ผู้ประกอบการรุ่นใหม่" ต้องฉลาดใช้ Technology ในการเริ่มทดลอง Idea เพราะมันจะเป็นการทดลองด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ...ผมยกตัวอย่างตัวเองเลย ที่สมัยก่อน ตอนเปิดร้านอาหาร ผมเริ่มจากเงิน คือ อยู่ดีๆ ก็ไปเปิดร้านอาหาร แล้วก็พยายามทำให้มันดีกว่าคนอื่น ซึ่งบอกตรงๆ มันไม่ Work หรอก เพราะ คุณกำลังแข่งขันกับ คนที่อยู่เดิม ในเกมแบบเดิม (Old Game) ... "ผมเลยแพ้ไง สุดท้ายร้านอาหารผมไปไม่รอด"
...วันนี้ การทำธุรกิจมันต้อง "คิดใหม่" (New Game) เลย ..อย่างแรกต้องมองให้ออกว่า อะไรคือ วิกฤตของธุรกิจเดิมที่มีอยู่ แล้วเรามองให้ออกว่า วิกฤตนั้น เราจะสามารถแก้ด้วย วิธีการใหม่ โดยใช้ Technology มาช่วยให้สิ่งนั้น มีต้นทุนที่ต่ำลงได้หรือไม่
yes!! --- "New Game"
"การหาโอกาส ในวิกฤตนั่นเอง" ...ฟังดูง่าย แต่บอกเลยว่า ธุรกิจปัจจุบัน ยักษ์ใหญ่ในหลายๆวงการเริ่มปรับตัวไม่ทัน เช่น หลายๆอุตสาหกรรม พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคเปลี่ยน อย่างยกตัวอย่าง ธุรกิจเพลง วันนี้บอกได้เลยว่า อุตสาหกรรมเดิม มันเกือบตายสนิท แต่ในวิกฤตนั้นมี "เลดี้ กาก้า" ที่โผล่ขึ้นมา ทำ Live Concert ที่เริ่มจาก YouTube ด้วยซ้ำ ... หรือ แม้แต่ Justin Bieger ที่แจ้งเกิด จากเด็กหนุ่มในห้องนอน ที่สร้างตัวเอง เป็นดาวรุ่งหาเงินได้อย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางการล่มสลายของอุตสาหกรรมเพลง --- จริงๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน มันคือ คนนึงเจอวิกฤต แต่อีกคนเห็นโอกาส แล้ว เอาโอกาสนั้นมาสร้างเงินแทน ...เงิน มันไม่ได้หายไป เพียงแต่มันกำลังย้ายที่ และนั่นคือ โอกาสของคนตัวเล็กๆ ที่สามารถเริ่มจากจุดเล็กๆ และ ค่อยๆทำให้มันใหญ่
ลองคิดดูครับ ... หาวิกฤต จากนั้น หาเหรียญอีกด้านให้เจอ ..ใช่!! คุณจะเจอโอกาส ...นั่นแหละ เริ่มจากตรงนั้น ..พยายามกดต้นทุนการทำธุรกิจของคุณให้ต่ำด้วย TouTube , Facebook , Google และ Tehnology ...และ นักธุรกิจดาวรุ่งคนใหม่ ในอุตสาหกรรมที่ย่ำแย่ ก็จะมีคุณ ที่โผล่ขึ้นมา --- ครับ!! คุณอาจเป็น เลดี้ กาก้า ก็ได้
.... เอาให้แรง ให้ฉีก ด้วยต้นทุนที่ต่ำ ... "ลุยครับ"
ผมเห็นด้วย ที่บอกว่าการทำธุรกิจควรเริ่มจากเล็กๆ แล้วค่อยขยายทีหลัง ทำไมหรือครับ ถ้าเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อนเราจะมองเห็นปัญหาต่างๆ ได้ง่ายและสามารถเข้าไปแก้ไขได้เร็ว รวมถึงเป็นการซื้อเวลาให้ตัวเอง เพื่อสร้างฐานลูกค้า เวลาขยายกิจการจะได้ไม่เหนื่อยมาก
ตอบลบพอธุรกิจมันโต คุณก็จะสามารถรับมือกับปัญหาเดิมๆ ได้ง่าย และมีเวลาพอที่จะะลุยกับปัญหาใหม่ๆ
แม้ว่ายุคนี้จะมี Technology ใหม่ๆ ก็ตาม แต่ถ้าคุณหยิบธุรกิจที่มีลักษณะ "คิดไรไม่ออกก็ลดราคา" มันจะเหนื่อยมาก เช่น พวกเว็บไซต์ขายโฆษณา รับจ้างออกแบบเว็บไซต์ ขายเหล็ก รับจ้างผลิตสินค้า ขายไข่ไก่ ขายวัตถุดิบทางอาหาร ตั๋วเครื่องบิน ผลิตรถยนต์ฯลฯ
สมมติ google ประกาศยึดส่วนแบ่งโฆษณาจาก facebook และ yahoo ลองคิดว่า google จะทำอะไร และคู่แข่งเขาจะทำอะไร แม้ google จะคิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมาก่อน ก็คงหวือหวาแค่ช่วงแรก วันนึงคู่แข่งไล่ทัน ฝีมือสูสีกัน มันก็จะมาจบที่สูตรลดราคาถล่มกันเอง แล้ววงจรอุบาทว์ก็จะเริ่มขึ้นอีก ส่วนพวกที่ไม่ยอมลดลงมาสู้ ก็ใช่ว่า Profit margin จะสูงซะเมื่อไหร่
ถ้าคุณหยิบธุรกิจที่อยู่ได้เพราะสงครามราคา แม้ต้นทุนต่ำก็จริง แต่ดันไปเจอคู่แข่งที่ต้นทุนต่ำกว่าอีก ลองคิดดูใครจะเสียเลือดตายก่อนกัน...
น่าสนใจมากค่ะ ".เงิน มันไม่ได้หายไป เพียงแต่มันกำลังย้ายที่" ว่าแต่ มันจะย้ายไปไหนมันไม่เคยบอกเรา เราต้องสะกดรอยมันไป
ตอบลบขอบคุณคะ ได้แรงบันดาลใจดี
ตอบลบพออ่าน ก็เกิดแรงบันดาลใจและไอเดีย ขึ้นมาทันที พวกมนุษย์เงินเดือนก็เจอแต่เงินเดือน แต่หารู้ไม่เงินอยู่ข้างนอกมีมากมายมหาศาล
ตอบลบรอให้เราออกมาเก็บเกี่ยว
บอกได้คำเดียวว่า "เป็นบทความที่คนรุ่นใหม่ต้องอ่าน" ขอบคุณมากๆครับ
ตอบลบ