วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555
"เรียนจากนายบ่อน" ...เฮ้ย!! ไม่ใช่
งานเปิดตัว The Stock Master เราได้ "นายตลาด" มาคุยให้เราฟัง เปิดกะลา ...โดย ดร.ภากร ปีตธวัชชัย -- ข้อมูลที่พี่ภากรนำมาฝาก น่าสนใจ และ แชร์อย่างยิ่ง เรามาดูกันว่า ผมแกะอะไรมาให้ฟัง
"บ่อน" หรือ "ตลาด" ... เฮ้ย!! มันไม่ได้อยู่ที่ตลาด มันอยู่ที่คุณ ..."เข้าบ่อนความเสี่ยงสูงกว่าผลตอบแทน ...เข้าไปด้วยเงินเต็มกระเป๋า พอกลับออกมาก็หมดตูด ...เพราะ ความเสี่ยงมันสูง กว่าผลตอบแทน ...อย่างหวยน่ะ โอกาสชนะเป็น 0.0001% ถามว่า คุณคิดว่าคุณจะเป็นคนที่โชคดีคนนั้นหรือ!! โคตรฝัน!!" ...ปัญหาวันนี้ คือ คนเข้าตลาดหุ้น แต่มาแบบมุมมองของบ่อน คือ ได้เร็วๆ ...อัดเต็ม !! ขึ้นชัวร์ ...สบาย ชิว... สุดท้าย เล่นแบบความเสี่ยง มากกว่า ผลตอบแทน ... "จะบ้าเหรอ ไอ้พวกซื้อหุ้นตามแรงเชียร์ ตามข่าวลือ ..ถ้ามันทำได้ระยะยาว คงไม่มีใครเจ๊งอ่ะนะ ...แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่เลย ...พวกที่ปวดตับสุด ก็พวก Inside นี่แหละ ..ผมจะยกตัวอย่างกรณีของหุ้นพื้นฐานดีเลยนะ ..มันเป็นแบบนี้ !! -- เจ้าของบอกให้ถือ หุ้นดี หุ้นดี ...สุดท้ายมันลง ลงไปเรื่อยๆ ... คนถือก็ทนไม่ไหว ซื้อแพงตั้งแต่เจ้าของกระซิบ ทนถือระยะหนึ่ง ...แล้วก็ทนไม่ไหว ไป Cut Loss ในจุดที่ ต่ำที่สุด (จุดที่เขานึกว่า Cut Loss มันดันเป็นจุดฆ่าตัวตาย ...เขาเคยรู้ไหมว่า จริงๆ จุด Cut Loss ที่ดี มันไม่ใช่จุดที่เขาคิด อย่าง The Stock Master เขาสอนได้ดี จุด Cut Loss มันเป็นจุดที่คุณไม่อยากขาย แต่คุณต้องขายเพราะจำกัดความเสี่ยง -- แต่ไอ้จุดฆ่าตัวตาย ที่ทุกคนคิดว่าตัวเอง Cut Loss มันเป็นจุดที่คุณอยากจะขาย เพราะทนไม่ไหว -- ไอ้จุดที่อยากขายเพราะทนไม่ไหว บอกตรงๆนะ มันเป็นจุดที่น่าซื้อด้วยซ้ำ หากหุ้นพื้นฐานดี -- Mindset มันผิด เล่นอีกกี่ชาติ ก็เหมือนเล่นบ่อน ...ไอ้พวกนั้นแหละ "สมองบ่อน ลงทุนถึงได้ สิ้นเนื้อประดาตัว")...จากนั้น ราคาหุ้นพื้นฐานดี ที่เขา Cut Loss ในจุดที่ต่ำที่สุดของรอบ ก็กลับขึ้นมา อ้าว!!! ทำไมผมขายจุดต่ำที่สุด ขายแล้วขึ้นเลย ..."ใครผิดล่ะ"
ตลาดไง ...ใช่ไหม -- ฮึม!! ไม่ใช่ คุณไง ผิด ...
พวก นี้ ถ้าเดินมาหา "เจได" เขาจะบอกว่า "คุณน่ะ ไปตีลังกาคิดเถอะ ...เวลาคุณอยากซื้อ ให้ประกาศให้คนอื่นรู้ คนอื่นเขาจะได้ขาย ..นั่นแหละ ความล้มเหลวของคุณ จะทำให้เพื่อนๆ คุณรวย ...โคตรเจ๋งเลยจริงป่ะ!!" ..หรือ ถ้าคุณอยากขาย คุณประกาศให้เพื่อนๆ รู้เลยว่า คุณจะขายแล้วนะ ...เพื่อนๆ คุณจะได้ซื้อ แล้วรวยกัน ...คุณก็แค่ทำตัวเป็นตุ๊กตาแห่งความพ่ายแพ้ ..แล้วเพื่อนก็จะรักคุณ ...จริงไหม!! (แรงจัง แต่คุณนั่นแหละ ตุ๊กตา แห่งความล้มเหลว ...)
"เปลี่ยนยังไง"
"ก็ คิดใหม่ดิ ...สิ่งที่คุณคิด มันตรงข้ามกับ ความสำเร็จ ...นั่งคิดให้เข้าใจ ...ตลาดหุ้น มันคือ ตลาด Demand กับ Supply ...คนต้องการซื้อ กับ คนต้องการขาย กำหนดราคา ...ไม่ใช่พื้นฐาน ...โอเค พื้นฐาน สะท้อนราคาในระยะยาว แต่ระยะสั้น คุณเล่นกับ Greed & Fear ของคน ... คน Greed ข่าวดี ..."คูณซื้อก็ของแพง ...ดอยในแต่ละรอบ" ... เวลา Fear ข่าวร้าย ..แมลงเม่า แห่ขาย ...หากคุณซื้อหุ้นดี เวลานั้น ก็จะได้ของถูก ....ประเด็นมันง่ายที่คิด ...ยากที่ทำ ...ถ้าทำง่าย คนการศึกษาดี จะมาเจ๊งได้อย่างไร ... ตลาดหุ้นนี่แหละ การศึกษา ไม่ได้กำหนดความสำเร็จ ..."ประสบการณ์ และ ความเข้าใจ" คือ Key Success Factor
มาดูตัวเลขกัน ว่าอะไรเกิดขึ้นในนี้
"ผมเล่าให้ฟังก่อนว่า ตลาดหุ้น มันคืออะไร"
ตลาด หุ้นคือ ตลาดทุน ...สมัยก่อน จะหาทุน ต้องไปขอกู้ธนาคาร ...ดอกเบี้ย สุดแพง ... มันเลยมี ทางเลือก คือ บริษัทสามารถขาย ส่วนของความเป็นเจ้าของในกิจการ ...แลกกับ เงินทุน ...เช่น แทนที่ PTT จะกู้ ทั้งหมด ..ก็เอาหุ้น หรือ ความเป็นเจ้าของบางส่วน ขายให้กับประชาชน หรือ คนที่สนใจลงทุน ..."PTT ก็ได้เงินมา ..แต่ก็แบ่งส่วนความเป็นเจ้าของ ตามจำนวนหุ้นที่ถือให้คนที่มาซื้อหุ้น" ...นั่นแหละ หุ้น มันคือ "ความเป็นเจ้าของในกิจการ" ..แต่ดูคนในตลาดซิ ...โยนซื้อขาย กันแบบเผือกร้อน ... มันไม่ตายหรอก หากคุณถือหุ้นดี ..จริงๆ หุ้นดี ระยะยาว มันก็ต้องขึ้น อย่าง SCC ปูนใหญ่ 30 ปี ราคาหุ้นขึ้น 300 เท่า ...ถามว่า คนที่ซื้อขายหุ้น SCC ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่เข้าตลาด ...ใครรวยที่สุด -- "ใช่!! คนที่รวยที่สุดก็คือ คนที่ซื้อ แล้วไม่เคยขายไง" ส่วนคนอื่นก็กำไร ตามรอบ การขึ้นลง ก็ว่ากันไป .... คิดดิ 30 ปี ที่แล้ว สมมุติมี 1 ล้าน แล้วซื้อหุ้น SCC ...ผ่านไป 30 ปี เงินก้อนนั้น เพิ่มตามราคาหุ้น ก็จะกลายเป็น 350 ล้าน ...แล้วนี่ยังไม่รวมปันผลแต่ละปีนะ ..คิดง่ายๆ ปีละ 10 บาท ...ก็ปันผลก็ได้แล้ว 10 ล้านบาท ทุกปี ..."ถามหน่อย ถ้าเงิน 1 ล้านก้อนนั้น ไม่ได้ซื้อหุ้น SCC แล้วฝากธนาคาร จะได้อะไร ...นั่นแหละ การเข้าใจการลงทุน -- ถ้าคุณเข้าใจ!!"
หุ้น มันคือ Asset ประเภทหนึ่ง ..ไม่ใช่ เผือกร้อน!! ...คิดดีๆ ...อะไรที่ราคาเพิ่มตามกาลเวลา นั่นแหละ Asset ...ส่วนรถยนต์ , Computer ..ของที่เราชอบซื้อกัน นั่นแหละ Junk "ขยะ" คือ ซื้อแล้ว ต้อง Cut Loss เงินไปเลย ...แต่แปลกไหม คนมองหุ้นเสี่ยง แต่มอง รถยนต์ไม่เสี่ยง ... "Mindset" ของคน มันกำหนดแล้ว ใครจะรวยจะจน --- "แต่ข้อดี คือ Mindset สอนและเรียนรู้กันได้ และที่สำคัญมันเปลี่ยนได้"
นั่นแหละ การตั้ง MindSet ใหม่ ...ให้ The Stock Master เขาช่วย you ละกัน ...ฮ่า ฮ่า
มา ต่อ ประเทศที่ธนาคารเป็นใหญ่ คือ ประเทศด้อยพัฒนา เพราะ "ต้นทุน ทางการเงินสูง" ...และปัญหาคือ บริษัทที่จดทะเบียนอยู่นอกตลาด ไม่มีใครจ่ายภาษีเต็ม ...คือ พูดง่ายๆ ใครที่เข้าตลาด "ต้นทุนทางการเงินจะถูก" ถ้าไม่ง้อธนาคาร จะออกหุ้นกู้ ของตัวเอง ก็ได้ดอกเบี้ยดีกว่ากู้ธนาคาร ...นอกจากนั้น การที่ต้องจ่ายภาษีเต็มก็ ทำให้บริษัทสามารถจ้างพนักงานเงินเดือนสูง เพราะ ค่าจ้าง หักภาษีเป็นค่าใช้จ่าย ...ดังนั้น การเข้าตลาด มันเป็น Concept ของคนที่ อยากแบ่งเพื่อโต คือ เปิดให้คนเก่งมาช่วยเป็นเจ้าของร่วม มาร่วมทำงาน และ ร่วมสร้าง ...เหมือน ทำเค้กให้ก้อนใหญ่ขึ้น ...แม้เจ้าของจะไม่ได้กินเค้กทั้งก้อน แต่สุดท้ายมันโตกว่าเดิมมากมาย ...แล้วเจ้าของก็ไม่เหนื่อย มีคนเก่งมาช่วยทำงาน ...มีความโปร่งใส ...มีเงินทุนมหาศาล ...กิจการมันก็เติบโต กลายเป็น มูลค่า พันล้านหมื่นล้าน ...ธุรกิจจากห้องแถวเป็นหมื่นล้าน ผมเห็นมาแล้ว ...เพราะ เจ้าของเขารู้จักแชร์ไง ...เจ้าของก็สบาย ..รัฐบาลก็ชอบ เพราะ สถิติคือ พอบริษัทเข้าตลาด 3 ปี ..บริษัทเหล่านี้ จะจ่ายภาษีมากขึ้น 3 เท่า ...ไม่ใช่แย่นะ เพราะเขากำไร และโตขึ้น -- สุดท้าย สบายกันทุกคน ประเทศก็พัฒนา ...นั่นแหละ Concept ของตลาดทุน
วันนี้ ตลาดทุนไทยคิดเป็น 91% ของ GDP ยังน้อยนะ เทียบกับ ฮ่องกง 962% คือ โตกว่า GDP 9 เท่า . สิงคโปร์ 249% ของ GDP , มาเล 170% --- ยิ่งธุรกิจ เข้าตลาด ก็ต้องโปร่งใส แล้วก็เปิดโอกาสให้คนอื่นมาช่วยบริษัท ช่วยเป็นเจ้าของ ... แบ่งเค้กกัน ..คิดง่ายๆ เค้กเจ้าของอาจมีส่วนเล็ก แต่ส่วนนั้นใหญ่กว่าเค้กทั้งก้อนเดิม ไม่รู้จักกี่ 100 กี่พันเท่า ... "ฝรั่งเขาคิดได้ตั้งนานแล้ว อเมริกา เลยเจริญกว่าเรามาก ...หากใครยังจำได้ ตอนปี 1997 ตลาดหุ้น Dow Jone ยังอยู่พันกว่าจุด วันนี้หมื่นกว่าจุด ..." -- ลองดูเมืองไทย วันนี้พันจุดแล้ว ...ถ้าทุกคนเข้าใจ เรานี่แหละ ศูนบ์กลางของ AEC ทั้งการค้า การบริการ และ Logistic ...จะเอากี่พันจุดดีละ หุ้นเรา!!
"แล้วนักเก็งกำไร ดีไหมล่ะ"
นัก เก็งกำไร ไม่ใช่ไม่ดี ...เพราะ เขาคือ "เลือด" ของตลาด ...เขาคือ สภาพคล่อง ...จริงๆ นักเก็งกำไร ก็คือ คนกำหนดให้หุ้นมีราคาซื้อขาย เพราะ เขาซื้อขาย ถึงมีราคา ...ดังนั้น ทุกคนมีประโยชน์หมด แต่ต้องเข้าใจหน้าที่ตัวเอง ...ขาดคนใดคนหนึ่งไม่ได้
นัก เก็งกำไร ที่หลายๆคนคิดว่า "เล่นการพนัน" ...จริงๆ ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ มันมีกลุ่มคนที่ เขารู้จัก "จำกัดความเสี่ยง และ Let Profit Run" ถ้า ความเสี่ยง น้อยกว่า ผลตอบแทน อย่างสม่ำเสมอ ...นั่นก็คือ การลงทุนเหมือนกัน
สุดท้าย "คุณนั่นแหละ เลือกเอง ว่าคุณจะเข้าลงทุน หรือ เข้าบ่อน"
"คุณเลือกเอง!!"
จง เรียนรู้จากความล้มเหลว ..ไม่มีใครไม่เคยล้ม ...แต่คนที่กล้ายอมรับความผิดพลาดว่าคือ ตัวเราที่ผิด!! คือ ผู้มีปัญญา เพราะ เขาจะได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้นด้วยตัวเอง .... คนขี้ขลาด และ โง่เขลา เท่านั้นแหละ ที่โทษคนอื่น เพราะเขาเหล่านั้น จะไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย ผิดซ้ำ ผิดซาก ...อนาจใจ !!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0 1. ‘นโยบาย American First’ …Trump จะทำทุกอย่างให้อเมริกาได้ประโยชน์ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ 2. ‘Dere...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
คิดดิ 30 ปี ที่แล้ว สมมุติมี 1 ล้าน แล้วซื้อหุ้น SCC ...ผ่านไป 30 ปี เงินก้อนนั้น เพิ่มตามราคาหุ้น ก็จะกลายเป็น 350 ล้าน ...แล้วนี่ยังไม่รวมปันผลแต่ละปีนะ ..คิดง่ายๆ ปีละ 10 บาท ...ก็ปันผลก็ได้แล้ว 10 ล้านบาท ทุกปี
ตอบลบแปลว่าต้องซื้อ SCC ทีละ 1 ล้านหุ้นเลยหรอครับ ???
ถึงจะได้ปันผล 10 ล้านบาททุกปี
เพราะถ้ามีเงิน 1 ล้านบาท แล้วได้ปันผล 10 ล้านบาททุกปี ก็เยอะมากๆเลยนะครับ
SCC ขึ้นมา 300 เท่า ...เงินหนึ่งล้าน ที่อยู่ในหุ้น มันโต ตามมูลค่า ได้หุ้นเพิ่ม เมื่อแตกพาร์ และ ราคาก็โต ...จนเป็น 300 เท่านั่นแหละครับ ... อย่างวันนี้ หุ้น PTT 300 บาท ...ในอีก 30 ปีข้างหน้า ...มันก็คงเป็นหุ้นละ หลายๆ พันบาท ...แต่ถ้าถึงพันเขาก็คงแตกพาร์ ก็หาร 10 ...เช่น 1,000 บาท ตอนนี้พาร์ 10 บาท ...พอแตร์พาร์เหลือ 1 บาท ก็กลายเป็นหุ้นละ 100 บาท แต่เราถืออยู่ก็ได้หุ้นที่เพิ่มขึ้น .....
ตอบลบ